วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561

ทำอย่างไรดี เมื่อข้าพเจ้าต้องการการเติบโตทางด้านจิตวิญญาณ




การเจริญเติบโตของชีวิตฝ่ายร่างกายต้องทานอาหารให้สมดุลครบทั้งห้าหมู่และต้องทำกิจกรรมที่สำคัญให้สมดุลคือการทำงาน การพักผ่อนและการออกกำลังกาย ปัญหาสุขภาพของคนเราส่วนใหญ่เกิดจากนิสัยการกินที่ผิดสุขลักษณะ และการไม่รักษาสมดุลของกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน

ดังนั้นการเติบโตทางด้านร่างกาย และการเติบโตทางด้านจิตวิญญาณ   ถ้าขาดการบำรุงเลี้ยงอย่างถูกต้องและต่อเนื่องชีวิตจะอ่อนแอและไม่เกิดผลอย่างที่ควรจะเป็น นี่คือกฎเกณฑ์ของชีวิตที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างได้กำหนดไว้ ผู้ที่ปฏิบัติตามก็ได้รับผลที่ดี ผู้ที่ละเลยก็อ่อนแอและมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ขอหนุนใจให้ทุกท่านลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ท่านรู้อยู่แล้วว่าจะเสริมสร้างชีวิตของท่านให้แข็งแรงได้ อย่าเสียเวลารอการอัศจรรย์แห่งการฟื้นฟูใหญ่จากพระเจ้าโดยละเลยการปฏิบัติที่ถูกต้อง

การเติบโตของชีวิตฝ่ายวิญญาณก็ต้องทานอาหารที่ดีอย่างเพียงพอคือพระวจนะของพระเจ้าในพระคริสตธรรมคัมภีร์ และการทำกิจกรรมที่สำคัญอย่างครบถ้วนคือการอธิษฐาน การนมัสการ การร่วมพิธีบูชามิสซา การสามัคคีธรรมกับผู้อื่น และการรับใช้พระเจ้าในพระศาสนจักรและการเป็นผู้ประกาศข่าวดี การเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณไม่สมดุลเพราะการรับพระวจนะพระเจ้าไม่เพียงพอและไม่ครบถ้วน กิจกรรมที่สำคัญก็ทำน้อยเกินไปและไม่ครบทุกด้านอย่างที่ควรจะเป็น  พวกเราส่วนใหญ่ต้องการให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตแข็งแรง แต่ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการจัดระเบียบชีวิตเพื่อลงมือปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง อยากได้สุขภาพดีโดยไม่ต้องลงทุน เหมือนชาวนาที่อยากเก็บเกี่ยวข้าวแต่ไม่ยอมลงทุนไถหว่านเมล็ดข้าว (ขอบคุณข้อมูลจากjaisamarnchurch.org)

ทุกวันนี้พวกเราทุกคนคงหนีไม่พ้นปัญหาอุปสรรค ที่มีผลต่อจิตใจของเรา มันส่งผลให้อารมณ์ของเราดีและไม่ดี และส่งผลต่อคนรอบข้าง ที่จะรับผลกระทบต่อสิ่งที่เราแสดงออก

คนที่มีจิตใจเข้มแข็งเท่านั้น จะเป็นผู้ที่ทนต่อปัญหา สถานการณ์ที่กระทบเข้ามาเหมือนกับต้นไม้ที่เติบโตเต็มที่ รากแข็งแรง ต้นใหญ่มั่นคง เมื่อโดนฝน พายุ อากาศร้อน หนาว เย็น ย่อมคงทนได้ทุกฤดูกาล แต่ต้นไม้ที่ไม่แข็งแรง ไม่ได้รับการดูแล รากแก้วไม่แข็งแรง ลำต้นไม่แข็งแรง ย่อมจะล้มลงง่ายๆ ตายไปด้วยความร้อน หรือ อากาศ หรือช่วงขาดน้ำเพียงไม่กี่วัน

จึงอยากคุยวันนี้ว่า เราจะสร้างกำลังจิตใจให้แข็งแรงได้อย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นท่านจะอยู่ในโลกนี้เหมือนต้นไม้ไม่แข็งแรง โดนลมพัดไปมา เหมือนคำสอนของนักบุญเปาโล กล่าวว่าหันไป เห มาด้วยลมปากของมนุษย์ ก็คือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามคำชักจูงของคน ซึ่งเราไม่รู้ว่าคนนั้นจะพูดในสิ่งที่ถูกหรือผิด แต่เมื่อคำพูดนั้นได้วิ่งเข้ามาในหู ถูกกลั่นกรองในสมอง ย่อมมีผลต่อจิตใจของเรา และส่งผลต่ออารมณ์ของเราได้ จึงอยากหนุนใจว่าวันนี้ หรือคืนนี้ที่ท่านกำลังอ่านบทความนี้ จงตั้งใจตั้งเป้าที่จะสร้างจิตใจ หรือจิตวิญญาณของท่านให้สมบูรณ์แข็งแรงและเติบโต หรือใช้คำหนึ่งว่า เป็นผู้ใหญ่ ในจิตวิญญาณ

จงจำไว้ เรากำหนดเองได้ว่าจะให้จิตใจของเราเป็นอย่างไร เพราะเราเป็นเจ้าของ ไม่ใช่สถานการณ์หรือผู้หนึ่งผู้ใด แล้ววันนี้ท่านกำหนด ตั้งเป้าหมายที่จะคิด เลือกฟัง สิ่งที่ดีให้เป็นอาหารแก่จิตใจของท่านหรือยัง เพราะเราเลือกได้ครับ เลือกรับแต่สิ่งที่ดีแก่จิตใจหรือจิตวิญญาณเราเท่านั้น

หากเรามั่นคงในอุดมคติ ทัศนคติที่ดีกับตัวเองภายใน เราก็จะมั่นคงภายนอกไปด้วย และสิ่งที่เราทำก็จะเป็นการทำซึ่งออกมาจากภายใน เราจะไม่กลัว ไม่อาย

ลองหันมาสร้างความเข้มแข็งภายในโดยเริ่มจากจิตใจก่อน
จะยกตัวอย่างเรื่องราวในไบเบิ้ลให้ท่านฟัง พระเยซูได้เล่าเรื่องชายคนหนึ่งเดินทางไปยังเมืองเยรีโค ขณะเดินทางได้ถูกโจรปล้นและทำร้าย ปรากฎว่ามีปุโรหิต (สมัยนั้นชุดปุโรหิตเรียบร้อย มีรายละเอียดมากมาย) และมีกฎของปุโรหิต คือ ห้ามแตะต้องศพ ทั้งที่คนยิวด้วยกันที่ถูกทำร้ายจะตายหรือไม่เรายังไม่รู้ แต่ด้วยการรักษากฎและรูปแบบภายนอก ปุโรหิต (นักบวช ผู้นำทางศาสนาของยิว) ก็เดินผ่านไปไม่ใยดี

ต่อมามีคนเลวี (นักเขียน นักศาสนาผู้คัดลอกไบเบิ้ล หรือพระคัมภร์ หรืออาจารย์ผู้รอบรู้พระคัมภีร์) เห็นเข้า ก็คงเพราะมีความรู้มาก มีเหตุผลมากมาย ก็เดินผ่านไป เพราะเกรงว่าจะโดนหลอกทำร้าย ปล่อยให้คนยิวเหมือนกันนอนซมกับการบาดเจ็บต่อไป

สุดท้าย มีชาวสะมาเรีย ซึ่งเป็นชนชาติที่ชาวยิวรังเกียจ ซึ่งได้ถูกเปรียบเป็นเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ผ่านมาเห็นชาวยิวคนนี้เขาจึงพาไปหาหมอ และบอกกับหมอว่า เดี๋ยวเขาจะเดินทางกลับมา หากเงินไปพอเขาจะจ่ายให้ทั้งหมดเลย แล้วตอนนี้ พระเยซูถามคนฟังว่า ใครคือเพื่อนที่แท้จริง

จึงยกเรื่องนี้มาเล่าเพราะอยากให้เห็นตัวตนภายในของชาวสะมาเรียว่า แม้ภายนอกชาวยิวจะให้คุณค่าเขาแค่สุนัขตัวหนึ่ง แต่ชาวสะมาเรียมองภายในตัวเองว่า เขาคือคนๆหนึ่งที่ต้องทำดี นี่คือผลของความเข้มแข็งในจิตใจ ส่งผลให้เสริมสร้างบุคลิคภายนอกที่แท้จริง และเข้มแข็งในตัวตนอย่างแท้จริง วันนี้จงเข้มแข็งภายใน แล้วมันจะส่งผลต่อภายนอก นะพี่น้องชาวคริสต์ (ขอขอบคุณบทความดีๆ จากอาจารย์เจริญ ยธิกุล)

กาลาเทีย 5:22-23 “ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย”

นี่คือจิตวิญญาณที่แท้จริง ที่เกิดโดยพระวิญญาณที่ทรงกระทำกิจภายในและผ่านตัวเรา ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดโดยความพยายามของตัวเอง แต่ถูกควบคุมโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์จะแสดงออกคำพูดที่ไม่เสียหาย การเดินฝ่ายจิตวิญญาณที่มั่นคง และการตัดสินใจที่พึ่งพาพระวจนะของพระเจ้า

ดังนั้นจิตวิญญาณของเราจึงเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่เราเลือกที่จะ "รู้และเติบโต" ในการติดสนิทกับพระเยซูคริสต์ทุกวัน โดยยอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงกระทำกิจในชีวิตของเราดยการสารภาพบาป

1ยอห์น 1:9 “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” (ข้อมูลจากgotquestions.org)

ลักษณะฝ่ายจิตวิญญาณของเราก็เป็นเหมือนร่างกาย 4 ระดับ คือ
ระดับทารก
ทารกฝ่ายจิตวิญญาณ ต้องกินน้ำนมเพื่อเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณเช่นกัน
การอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน ก็เหมือนเราได้ดื่มน้ำนม และจะเติบโตขึ้น และช่วงแรกควรมีพี่เลี้ยงดูแลในการดื่มของเราด้วย

ระดับเด็ก
การอ่านพระคัมภีร์ของเรา หรือการอธิษฐานของเราจะพัฒนาขึ้น แต่จะคิดถึงตัวเองมากเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์รอบๆ ตัวเราดูจะเกี่ยวโยงกับตัวเราไปหมด หรือการตีความพระคัมภีร์ ก็จะตีเข้าข้างตัวเราเองตลอด
หรือแม้แต่ใครทำอะไร เราก็รู้สึกถึงตัวเอง นั่นแสดงว่าเรายังเป็นเด็กฝ่ายวิญญาณอยู่
รวมไปถึงอยากฟังคำพยากรณ์เกี่ยวกับตนเอง หรือขอให้คนอื่นพยากรณ์จากที่นั่นที่นี่ จนถึงขนาดตามไปหาฟัง
ใน 1 ยน. 3 ข้อ 12 ยกตัวอย่างเรื่อง คาอิน
เพราะคาอินนึกถึงตัวเองมากๆ จนไม่พอใจน้องของตน และพัฒนาไปสู่การกำจัดน้องให้พ้นทาง แสดงถึงการเป็นเด็กฝ่ายวิญญาณของคาอินอย่างมาก แม้ว่าร่างกายจะเติบโตขึ้นแล้วก็ตาม

ระดับหนุ่มสาว (วัยรุ่น)
สังเกตได้ด้วยตนเองว่า เราจะฟังความรอบด้านมากขึ้น ไม่หูเบา อ่านพระคัมภีร์อย่างใคร่ครวญ ไม่ตีความเข้าตนเอง นึกถึงคนอื่นก่อน ให้เกียรติคนอื่น ไม่วิจารณ์เร็วเกินไป ฯลฯ
แต่ก็ยังมีความผิดพลาดบ้าง แบบวัยรุ่น ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้ได้แล้วในระดับนี้

ระดับผู้ใหญ่
เป็นระดับที่ควรเป็นเป้าหมายของเราทุกคน และถือเป็นระดับยาก เพราะต้องอดทน ฝึกฝน และใช้สติปัญญารอบด้าน
มีใจปรารถนาในการรับใช้พระเจ้า รับใช้ผู้อื่น เสียสละทุกอย่าง (sophiamedia.blogspot.com)



ข้าพเจ้าหวังว่าเมื่อท่านอ่านมาถึงตรงนี้ คงได้ประโยชน์ และแบ่งปันไปให้เพื่อนคนอื่นอ่านบ้าง ขอพระเจ้าอวยพระพร

KC Love God







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...