วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2565

ฉันจะรักคนที่นิสัยไม่น่ารักได้อย่างไร

 


ฉันจะรักคนที่นิสัยไม่น่ารักได้อย่างไร:

(วิธีรักคนที่เราไม่ชอบ หรือคนที่ไม่ชอบเรา)

คุณเคยมีคนที่คุณรู้สึกไม่ชอบจริงๆ บ้างหรือไม่? บางทีคุณอาจต้องทำงานกับคนบางคนที่คุณไม่ชอบ หรือเขาเองก็ไม่ชอบคุณ หรือคนที่มีนิสัยไม่น่ารักเลย  แล้วเราจะรักคนที่เราไม่ได้ชอบได้อย่างไร?  ใช่แล้ว.. แม้แต่คริสเตียนก็ยังมีคนที่พวกเขาไม่ชอบในชีวิตของพวกเขาเลย ฉันรู้ว่าไม่มีคำสั่งในพระคัมภีร์ที่สั่งให้เราชอบคนทุกคน แต่ฉันรู้หลายข้อที่บอกให้เรารักคนอื่น นี่เป็นเพียงไม่กี่ตัวอย่างที่ยกมา:

1 ยอห์น 4:21: “และพระองค์ทรงบัญชาเราไว้ว่าผู้ที่รักพระเจ้าต้องรักพี่น้องของตนด้วย”

 

1 ยอห์น 4:8 “ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้าเพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก”

 

ยอห์น13:34 “เราให้บัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลายคือ จงรักซึ่งกันและกัน พวกท่านต้องรักซึ่งกันและกันเหมือนที่เราได้รักพวกท่าน


ลูกา 6:32, 35  พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “32“ถ้าท่านรักแต่ผู้ที่รักท่าน ท่านจะน่าสรรเสริญที่ตรงไหน? แม้แต่ ‘คนบาป’ ก็รักคนที่รักเขา …แต่จงรักศัตรูของท่าน จงทำดีต่อเขา และให้เขายืมโดยไม่หวังจะได้อะไรคืนมา แล้วท่านจะได้รับบำเหน็จใหญ่หลวงและจะได้เป็นบุตรขององค์ผู้สูงสุดเพราะพระองค์ทรงกรุณาต่อคนอกตัญญูและคนชั่ว” 

 

เลวีนิติ 19:18 : “แต่จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”

 

อันที่จริง พระเยซูตรัสว่ามีพระบัญญัติหลักที่สำคัญสองข้อ กล่าวง่ายๆ คือ รักพระเจ้าและรักผู้อื่น อันที่จริง พระเยซูตรัสว่าพระบัญญัติทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระบัญญัติสองข้อนี้ เพราะมันเป็นรากฐานของศรัทธาของเรา

 

การรักพระเจ้า และรักผู้อื่น เวลาพูดมันฟังดูง่าย ใช่ไหม แต่เมื่อคุณเจอคนที่คุณไม่ชอบ คุณจะรู้สึกเหมือนมีกำแพงอิฐฝ่ายวิญญาณมากั้นไว้ เนื่องจากเราไม่สามารถชอบพวกเขาได้ เรามักจะสรุปไปเลยว่าเราไม่สามารถรักพวกเขาได้แน่นอน จริงหรือไม่ที่คุณชอบคิดว่าคุณต้องชอบใครสักคนก่อน คุณถึงจะรักพวกเขาได้? เพราะมันเป็นเหมือนก้าวแรกของจุดเริ่มต้นของความรัก แล้วเราจะรักคนที่เราไม่ชอบได้ยังไง?

 

ส่วนหนึ่งของปัญหาคือ ความรักมีคำจำกัดความที่แตกต่างกัน และบางครั้งเราก็ทำให้มันซับซ้อนเกินไป เราจะยกตัวอย่างความรักจากในพระคัมภีร์ มาสามแบบ แบบแรกคือ Phileo ฟิเลโอ ซึ่งเป็นความรักที่เรามีต่อเพื่อน ครอบครัว และคนอื่นๆ ในชีวิตของเรา ความรักของ Phileo ฟิเลโอ คือสิ่งที่เปาโลอธิบายไว้ในโรม 12:10: “จงรักภักดีต่อกัน ให้เกียรติกันและกันโดยถือว่าผู้อื่นเหนือกว่าตน”

 

จากนั้นก็มีความรักแบบอีรอสซึ่งเป็นรูปแบบความรักทางกายภาพมากกว่า เป็นความรักแบบที่สามีและภรรยามีร่วมกัน และหวังว่าจะมาพร้อมกับความรักของ Phileo ฟิเลโอ ด้วยเช่นกัน

 

แล้วมีความรักแบบอากาเป ซึ่งเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขที่พระเจ้ามีต่อคุณและฉัน ไม่มีอะไรที่คุณเปลี่ยนวิธีที่พระเจ้ารักคุณได้ เอเฟซัส 2:4-5 ได้อธิบายความรักแบบอากาเปนี้ไว้:

4แต่เนื่องด้วยความรักใหญ่หลวงที่ทรงมีต่อเรา พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาอันอุดม 5จึงทรงให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์แม้เมื่อเราได้ตายแล้วในบาป คือท่านทั้งหลายได้รับความรอดโดยพระคุณ

 

นี่คือความรักซึ่งรักเพราะธรรมชาติโดยธรรมชาติคือความรัก นั่นเป็นเหตุผลที่พระคัมภีร์กล่าวว่า   "พระเจ้าเป็นความรัก" ความรักคือธรรมชาติของพระองค์

 

ความรักแบบที่เราต้องการเพื่อรักคนที่เราไม่ชอบคือความรักแบบอากาเป หลายคนต้องอ้าปากค้างเพราะมันไม่ใช่มาจากความรู้สึก เราสามารถรักคนที่ไม่น่ารักได้ด้วยความรักแบบอากาเป ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะมีอยู่หรือไม่มีก็ตาม ไม่ว่าเขาจะดีหรือไม่ดีก็ตาม รักแล้วเขาจะตอบแทนหรือไม่ก็ตาม  แต่เราเลือกที่จะรักเพราะรักแบบอากาเปนั้นไม่มีเงื่อนไข

 

ความรักแบบอากาเปคือการกระทำ นั่นเป็นวิธีที่อธิบายไว้ในพระคัมภีร์เสมอ พระคัมภีร์บอกเราว่าเรารู้ว่าพระเจ้ารักเราเพราะพระองค์ทรงส่งพระบุตรของพระองค์เข้ามาในโลกเพื่อไถ่เรา เรารู้ว่าพระเยซูรักเราเพราะพระองค์สละชีวิตเพื่อเรา คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ว่า “ไม่‍มีผู้‍ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้‍หนึ่งผู้‍ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตร‍สหายของตน” และพระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะทรงรู้ว่าเรารักพระองค์ถ้าเรารักษาพระบัญญัติของพระองค์

 

ความรักแบบพระเจ้าเป็นการกระทำ ไม่ใช่ความรู้สึก นั่นเป็นข่าวดีจริงๆ เพราะมันหมายความว่าเราสามารถรักคนที่เราไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกดีๆ ด้วยก็ได้ แต่คุณก็สามารถรักเขาได้  เนื่องจากความรักคือการกระทำ คุณจึงสามารถเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าได้

 

ในโครินธ์ 13 เป็นที่ที่ดีในการมองหาคำอธิบายเกี่ยวกับความรักในทางปฏิบัติ เราได้ยกมาบางส่วน คือ: 4ความรักย่อมอดทนนาน ความรักคือความเมตตา ไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง 5ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำความผิด 6ความรักไม่ปีติยินดีในความชั่ว แต่ชื่นชมยินดีในความจริง 7ความรักปกป้องคุ้มครองเสมอ ไว้วางใจเสมอ มีความหวังอยู่เสมอและอดทนบากบั่นอยู่เสมอ

 

ความอดทน: เมื่อคุณแสดงด้วยความอดทนต่อใครสักคน แสดงว่าคุณกำลังรักเขา จำไว้ว่าความรักที่ไม่ใช่ความรู้สึก เราจึงไม่รู้สึกว่าต้องอดทน  รักแบบนั้นคือความรักอากาเป

 

ความเมตตา: เมื่อคุณรู้สึกอยากจะพูดอะไรที่ประชดประชันหรือพูดตัดบทหรือแสดงความโกรธ แต่คุณไม่ทำ คุณกลับเลือกที่จะพูดสิ่งที่เสริมกันและกันแทน ด้วยคำพูดที่ใจดี มีเมตตา  นั่นคือการแสดงความรัก

 

ไม่อิจฉา: เมื่อคุณปฏิเสธที่จะแสดงความหึงหวงหรือแสดงความเป็นเจ้าของ แสดงว่าคุณกำลังแสดงออกถึงความรัก

 

การมีมารยาทที่ดี: มารยาทแบบเรียบง่ายที่ใครก็ทำได้คือ คือการรักคนอื่นด้วยการกระทำของเรา บ่อยครั้งที่เราลืมมารยาทที่ดีเพราะหลายครั้งเรามักคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย  เช่น ไม่รบกวนคนอื่นเวลาเขาพูด หรือเราอาจจะยอมให้คนอื่นลัดคิวเราไปก่อนโดยไม่ต้องไปหงุดหงิด โวยวาย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้คือการ กระทำของความรัก

 

ไม่เห็นแก่ตัว: ความรักแบบ Agape คือกระทำการที่ไม่เห็นแก่ตัว โดยไม่แสวงหาผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัวหรือเหยียบย่ำผู้อื่นเพื่อพยายามไปให้ถึงในจุดเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ จำไว้ว่าคุณต้องไม่เห็นแก่ตัว  

 

การดำรงอยู่: เมื่อคนอื่นยอมแพ้และจากไป ความรักแบบอากาเปจะยังคงอยู่ที่นั่น การอยู่กับใครสักคนเพื่อให้กำลังใจ เราจะทนได้ทุกเรื่อง มันเป็นการเลือกที่ฟังใครซักคนต่อไปแม้ว่าคุณจะคิดว่าคุณไม่อยากฟังคำพูดจากคนๆนั้นได้เลยก็ตาม

 

นี่เป็นเพียงส่วนน้อยของการแสดงความรักผ่านการกระทำของเรา  การแสดงออกถึงความรักนั้นมีอีกมากมาย  ได้แก่ ความอ่อนโยน ความเห็นอกเห็นใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา  ไม่ช่างจดจำความผิด เชื่อในสิ่งดี ไม่อิจฉา ไม่นินทาว่าร้ายกันฯลฯ

คุณรู้ไหมว่าความรักที่พระเจ้ามีต่อเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าพระองค์รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเรา  ฉันแน่ใจว่าต้องมีบ้างบางครั้งที่พระองค์รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เราทำ  แต่ความรักและความดีงามที่พระองค์มีต่อเรานั้นคงที่ ดังนั้นพระองค์จึงไม่ต้องการให้เรามีความรู้สึกดีต่อทุกคน แต่พระองค์ต้องการให้เราแสดงความรักต่อทุกคน

 

วันนี้ลองเขียนลงบนกระดาษแล้วติดเทปไว้ที่กระจก โต๊ะทำงาน หรือหน้าจอคอม ทุกๆที่ที่คุณจะเห็นได้ง่าย ว่า ความรักไม่ใช่ความรู้สึก แต่ความรักคือการ กระทำ! อย่าลืมแสดงความรักกับคนข้างๆ บ้างนะคะ

  

เปาโลกล่าวในจดหมายถึงชาวโรมันว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ประทานแก่เรา ได้เทความรักของพระเจ้าลงในใจของเรา (โรม 5:5) จงคิดถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อคุณ ยอห์น ได้เขียนไว้ว่า:

 9นี่คือวิธีที่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์ท่ามกลางเราทั้งหลาย คือพระองค์ทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลกเพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยทางพระบุตรนั้น 10นี่คือความรัก ไม่ใช่ที่เรารักพระเจ้า แต่ที่พระเจ้าทรงรักเราและทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเรา” (1 ยอห์น 4:9-10)

 

และจำไว้ว่าพระเจ้ารักคนเหล่านั้นที่คุณไม่ชอบมากเท่ากับที่พระองค์รักคุณ จำไว้ว่าเพระองค์รักคุณอย่างไร แม้ว่าคุณจะไม่ได้น่ารักมากก็ตาม นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่จะรักผู้อื่น

 

สิ่งที่จำเป็นต้องทำในการพัฒนาการแสดงความรักต่อคนที่เราไม่ค่อยชอบ คือการสวดอธิษฐานให้พวกเขา ขอพรเผื่อสวัสดิภาพของพวกเขาเป็นประจำ   ขอให้พระเจ้าแสดงให้คุณเห็นว่าคุณจะรักพวกเขาได้ด้วยวิธีใดบ้าง  ! พระเยซูทรงสอนเราให้อธิษฐานเพื่อศัตรูของเราและคนที่เบียดเบียนเรา

 

จากนั้นเมื่อคุณนึกถึงคนเหล่านั้นที่คุณไม่ชอบ ให้ตัดสินใจเลยว่าฉันจะแสดงความรักต่อพวกเขาด้วยวิธีที่เหมาะสม   การที่เราจะทำแบบนี้ได้ มันต้องใช้ความอดทนมากเลยใช่ไหม? เราต้องมีความเห็นอกเห็นใจหรือมีความอดทนอดกลั้นมากเลยใช่หรือไม่?  ลองพยายามและตั้งใจทำให้สำเร็จนะคะ

 

เพื่อนคนหนึ่งของฉันเล่าให้ฟังว่าพระเจ้าส่งเธอมาทำงานกับคนที่เธอไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงสมัครขอเลื่อนตำแหน่งโดยเธอตั้งตารอที่จะย้ายออกจากคนเหล่านั้น แต่ขั้นตอนการคัดเลือกนั้นไม่ง่ายเลย เธอไม่ได้งานนั้น ตอนแรกเธอโกรธมากที่ไม่ได้ถูกเลือก จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้รู้และเข้าใจว่า พระเจ้าไม่ได้มอบงานนั้นให้เธอ ก็เพื่อสอนให้เธอรักคนที่เธอไม่ชอบ

 

ดังนั้นเธอจึงเริ่มต้นสิ่งที่เธอเรียกว่า “Project Love” และเธอมองหาวิธีที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับคนที่ไม่เป็นที่ถูกใจเหล่านั้น วิธีการของเธอคือการชวนพวกเขาไปรับประทานอาหารกลางวันกับเธอ และเธอเริ่มสร้างสะพานเชื่อมกับคนเหล่านี้และพัฒนาความสัมพันธ์กับพวกเขา แน่นอน ในการทำเช่นนั้น เธอได้รู้ว่าพวกเขาเองก็มีภาระและปัญหามากมาย และเธอก็ได้แสดงความห่วงใยอย่างจริงใจ และไม่กี่เดือนต่อมา เธอก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งตามที่เธอต้องการ แต่เธอก็ยังคงติดต่อกับคนที่เคยไม่ชอบ เธอตั้งใจจะรักเขาเหล่านั้นต่อไป หลายคนหันไปขอความช่วยเหลือจากเธอในยามลำบาก อันที่จริง ตอนนี้เธอกลายเป็นเพื่อนสนิทกับคนคนหนึ่ง คนที่เคยหยาบคายและไร้ความปรานีที่สุดกับเธอมาก่อน

 

ช่างเป็นความคิดที่ดี—โครงการรัก “Project Love”  บางทีคุณอาจใช้วิธีของเธอ และเริ่มค้นหาวิธีที่จะเข้าถึงผู้คนที่คุณไม่ชอบ หรือคนที่ไม่ชอบคุณ โดยอาศัยความรักของพระเยซูคริสต์ที่อยู่ในตัวคุณ จำไว้ว่าความรักแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นความรู้สึกเสมอไป ให้มันเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขเหมือนที่พระเจ้ามีให้กับคุณและพระองค์มอบอำนาจให้คุณเพื่อมอบมันให้กับผู้อื่น มันช่างน่าอัศจรรย์ใจอะไรขนาดนี้ ที่เราจะสามารถรักคนที่ไม่น่ารักได้ด้วยความเต็มใจ ให้เราขอบคุณพระเจ้า นะคะ

 

จริงอยู่ พระเจ้าสั่งให้คุณรัก แต่เนื่องจากความรู้สึกไม่สามารถบังคับกันได้ง่ายๆ   เช่น ฉันไม่สามารถสั่งให้เธอมีความสุขได้ในตอนนี้ เพราะความรู้สึกไม่สามารถบังคับกันได้ แต่ฉันสามารถสั่งให้คุณนั่งลง ยืนนิ่ง หรือเดินมาที่นี่ และคุณก็ทำได้โดยง่าย เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำที่คุณทำได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของคุณ ดังนั้น เมื่อพระเจ้าบอกเราว่าเราต้องรักผู้อื่น พระองค์ไม่ได้กำลังพูดถึงการพยายามสร้างความรู้สึกปลอมๆ ให้กับคนที่เราไม่ชอบ  แต่พระองค์กำลังพูดถึงวิธีที่คุณต้องปฏิบัติต่อผู้อื่น สิ่งที่คุณทำเพื่อพวกเขา วิธีที่คุณตอบสนองต่อพวกเขา เราทำได้ก็เพราะว่าเราทำเพื่อพระเจ้า ความรักแบบที่พระเจ้าอยากให้เรามี คือให้เรารักกันด้วยการกระทำ  โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับความรู้สึก

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

christianworkingwoman.org

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...