จะทำอย่างไรเมื่อลูกๆวัยรุ่นของคุณกำลังดิ้นรนกับความเชื่อของพวกเขา
โดย Sarah Ann
ฉันถูกเลี้ยงดูมาในบ้านของคริสเตียน แม่ของฉันเป็นศิษยาภิบาลเด็ก ฉันจึงรู้สึกเหมือนอยู่ที่โบสถ์ตลอดเวลา
แต่เมื่อฉันเข้าเรียนมัธยมปลาย ฉันเริ่มสงสัยในความเชื่อของฉัน
ฉันไม่สนใจที่จะทำทุกอย่างที่พ่อแม่พูดอีกต่อไป ฉันหาทางออกสำหรับตัวเอง ที่สำคัญกว่านั้น
ฉันต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อช่วยฉัน…เพื่อมาเปลี่ยนใจฉัน เพราะฉันไม่สามารถพึ่งพาความเชื่อของพ่อแม่ได้อีกต่อไป
แต่มันต้องเป็นความเชื่อที่มาจากตัวของฉันเอง (ความเชื่อไม่สามารถสืบทอดกันโดยสายเลือดแต่ต้องเป็นความต้องการส่วนบุคคลที่พยายามอยากจะรู้จักกับพระจ้าเป็นการส่วนตัว)
ต่อมา ในวิทยาลัย ฉันได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเยซูมากขึ้น
มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของฉันไปแล้ว ฉันยังคงเติบโตในศรัทธาของฉันตั้งแต่นั้นมา
ตอนนี้ฉันสามารถพูดได้ว่าไม่มีอะไรที่มีค่ามากไปกว่าความสัมพันธ์ของฉันกับพระคริสต์
พระองค์เป็นศูนย์กลางของชีวิตฉัน
ฉันเป็นคริสเตียนตั้งแต่อายุยังน้อย ฉันอธิษฐานครั้งแรกเมื่ออายุได้ 5 ขวบ โดยขอให้พระเยซูยกโทษบาปของฉัน และฉันก็มอบชีวิตให้กับพระองค์ และทำให้ฉันเป็นของพระองค์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ตอนนี้ฉันเป็นพ่อแม่ของลูกๆ ฉันจึงเห็นอกเห็นใจพ่อแม่ของฉัน
และเข้าใจว่ามันน่ากลัวแค่ไหนที่พวกเขาต้องเมองดูลูกสาวของพวกเขาต่อสู้กับความเชื่อของตัวเองในช่วงอายุวัยรุ่น ในฐานะที่เป็นพ่อแม่คริสเตียน ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีเป้าหมายที่อยากจะให้ลูกๆ
ของเราเข้ามารู้จักพระคริสต์ในแบบส่วนตัว
ฉันมาที่นี่เพื่อบอกคุณว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่เด็กๆ ที่เติบโตในบ้านของคริสเตียนต้องต่อสู้กับความเชื่อของพวกเขา
แต่สิ่งสำคัญกว่าคือ มันเป็นเรื่องปกติที่ลูกๆของคุณจะตั้งคำถามกับความเชื่อของพวกเขา
ฉันรู้สึกประหลาดใจเมื่ออ่านบทความเกี่ยวกับ Josh McDowell และ Sean ลูกชายของเขา
อย่างที่คุณอาจทราบ Josh McDowell เป็นนักแก้ต่างชาวคริสต์ที่มีชื่อเสียง
ผู้แต่ง Evidence that Demands A Verdict…และหนังสืออื่นๆ
อีกมากมาย
บทความนี้เขียนเกี่ยวกับวิธีที่ ฌอน ลูกชายของเขาผ่านช่วงเวลาแห่งการตั้งคำถาม สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจคือสิ่งที่พ่อพูด
ว่าเขาได้อธิษฐานเผื่อวันที่ลูกๆ ของเขาเกิดสงสัยในความเชื่อของพวกเขาเอง เพราะ
“เราทุกคนต้องปรับความเชื่อให้เป็นเรื่องส่วนตัว” ฌอน แมคโดเวลล์ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อของเขา
และในที่สุดเขาก็พยายามตอบคำถามเหล่านั้น แล้วนำมาสู่ความเชื่อส่วนตัวในพระคริสต์ซึ่งเป็นความเชื่อที่เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวของเขาเอง
บางทีตอนนี้คุณอาจเป็นพ่อแม่คริสเตียน ที่มีลูกๆยังเล็กอยู่
และคุณก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงอนาคตข้างหน้าของลูกๆ ว่าพวกเขาจะเติบโตในความเชื่อแบบไหน ความเชื่อของพวกเขาจะยังเข้มแข็งอยู่ไหม หรือบางทีวันนี้คุณอาจมีลูกๆที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นแล้ว
และคุณมีความคิดที่ว่าลูกๆ ของคุณอาจกำลังสงสัยในความเชื่อหรือได้หันหนีจากพระเจ้าโดยสิ้นเชิงแล้ว แน่นอนเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเราเลย และมันสำคัญมาก
ฉันต้องการฝากความคิดถึง 8
ข้อเกี่ยวกับสิ่งที่คุณควรทำถ้าคุณมีลูกที่กำลังดิ้นรนกับความเชื่อของพวกเขา
1.หล่อเลี้ยงความสัมพันธ์แบบที่ลูกของคุณรู้สึกว่าพวกเขาสามารถแสดงออกถึงคุณอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ถูกตัดสิน
ส่งเสริมให้มีการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
2.พิจารณาสิ่งที่จะพูดกับลูกๆวัยรุ่นของคุณ...และอย่าปฏิเสธบางสิ่งบางอย่างเพียงเพราะเห็นว่ามันแตกต่างจากสิ่งที่คุณเคยทำมา
3.อย่าตื่นตกใจเมื่อลูกเกิดสงสัยในความเชื่อ อย่างน้อยพวกเขากำลังคิดถึงประเด็นสำคัญ ซึ่งมันเป็นเพียงการเริ่มต้น
4.ช่วยลูกวัยรุ่นของคุณแยกอารมณ์ออกจากความกังวลทางปัญญา เพราะอารมณ์ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป
และไม่ควรสับสนระหว่างสองอย่างนี้
5.ให้ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข ให้พวกเขารู้ว่าความรักที่คุณมีต่อพวกเขาไม่เกี่ยวอะไรกับความเชื่อของพวกเขา
6.ระวังตัวเองสำหรับความหน้าซื่อใจคดและถูกต้องตามกฎหมาย เพราะสิ่งนี้ทำให้วัยรุ่นหลายคนตั้งคำถามถึงความเชื่อของพ่อแม่
7.จงหลงใหลในความสัมพันธ์ส่วนตัวของตนเองกับพระเจ้า (อย่าอายและอย่าปิดบัง)
8. “จงพร่ำสอนบทบัญญัติเหล่านี้แก่บุตรหลานของท่าน
จงพูดถึงบทบัญญัติเหล่านี้ขณะอยู่ที่บ้าน ขณะเดินไปตามทาง ขณะที่นอนลงหรือลุกขึ้น”
เฉลยธรรมบัญญัติ 6:7
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
Intoxicatedonlife
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น