วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2565

จุดเริ่มต้นของปัญญา

 


จุดเริ่มต้นของปัญญา

โดย Gaby Santiago

เราไม่สามารถมีปัญญาได้โดยปราศจากความยำเกรงพระเจ้า เพราะความยำเกรงพระเจ้าเป็นจุดเริ่มต้นของปัญญา ความยำเกรงพระเจ้าเป็นช่องทางที่ทำให้เราเห็นว่าพระเจ้ามองเราอย่างไร

 

มีหลายครั้งที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับความหยิ่งยโสแต่กลับมองไม่เห็นเพราะฉันได้ประมวลผลผ่านความคิดและความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น จนกระทั่งฉันได้ถ่อมตัวลงและอัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์ ฉันจึงได้เห็นข้อบกพร่องของตัวเองและเห็นในสิ่งที่พระเจ้าเห็น

 

ฉันเรียนรู้ว่าต้องใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเต็มใจที่จะทำให้ตนเองต่ำต้อย มองเห็นข้อบกพร่องของตนเองและเดินเข้าไปในพระพรอันอุดมของพระเจ้า

 

ความอ่อนน้อมถ่อมตนจะนำเราไปสู่ปัญญาเสมอ และนั่นก็แสดงให้เราเห็นจุดบอดของเราได้ การเดินในความถ่อมตนยังหมายความว่าเรายำเกรงพระเจ้าเพราะเรายอมรับว่าพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่จะครองบัลลังก์และไม่ใช่อัตตา(ego)ของเรา เมื่อเราถ่อมตัวลงด้วยความยำเกรงพระเจ้า ก็เท่ากับเราได้วางตำแหน่งตัวเองให้เข้าถึงพระปัญญาของพระเจ้า นี่คือเหตุผลที่สุภาษิต 9:10 กล่าวว่า “ความยำเกรงพระเจ้าเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา…”

 

พระเจ้าจะให้รางวัลแก่ผู้ถ่อมตัวเสมอโดยวางตำแหน่งให้เราถูกยกขึ้น (1 เปโตร 5:6) ขณะที่เราปฏิเสธตนเอง

 

มีด้านใดบ้างของชีวิตคุณบ้างที่ยังต้องการการถ่อมลง?

 

เราไม่สามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ของพระเจ้าด้วยสติปัญญาของเราเอง เราต้องการความคิดของพระคริสต์ซึ่งมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อที่จะเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ของพระวิญญาณ รวมทั้งพระวจนะของพระเจ้า  

1 โครินธ์ 2:13 พระวจนะของพระเจ้าไม่ใช่ด้วยถ้อยคำซึ่งสติปัญญาของมนุษย์สอนไว้  แต่ด้วยถ้อยคำซึ่งพระวิญญาณทรงสอน เป็นการสำแดงความจริงด้านจิตวิญญาณด้วยถ้อยคำฝ่ายจิตวิญญาณ  (1 โครินธ์ 2:13) 

1 โครินธ์ 2:14 กล่าวว่า  ผู้ปราศจากพระวิญญาณไม่อาจรับสิ่งที่มาจากพระวิญญาณของพระเจ้าเพราะเห็นเป็นเรื่องโง่เขลา  และเขาไม่สามารถเข้าใจสิ่งเหล่านั้นเพราะต้องอาศัยการแยกแยะฝ่ายจิตวิญญาณจึงจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้

 

ถ้าเราต้องการเข้าถึงพระทัยของพระคริสต์ เราต้องสละชีวิตของเราเองด้วยความถ่อมใจและอัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามา การมีพระดำริของพระคริสต์หมายถึงการตายจากตัวเราเอง — ความกลัว ความจองหอง และทุกสิ่งทุกอย่างของเรา และมอบชีวิตของเราแด่พระเจ้า เมื่อพระเยซูทรงช่วยเราให้รอด เราก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูจิตใจของเราทุกวันด้วยพระคำของพระเจ้าเพื่อเปลี่ยนแปลงเราและยอมให้เรารับเอาพระดำริของพระคริสต์เข้ามาในชีวิต

 

อย่าลืมว่าพระคัมภีร์ซึ่งก็คือพระเยซูเอง มีปัญญาที่จะเป็นพรแก่ชีวิตเราบนแผ่นดินโลกและชั่วนิรันดร์ด้วย แม้ว่าเราจะถูกล่อลวงให้ไปตามทางของตัวเอง

 แต่จงเลือกทางแห่งปัญญา สุภาษิต 4:6-7 กล่าวว่า “6อย่าทอดทิ้งปัญญา แล้วนางจะช่วยปกปักรักษาเจ้า จงรักนางแล้วนางจะคอยปกป้องเจ้า 7จุดเริ่มต้นของปัญญาคือให้ยึดปัญญาไว้ แม้ต้องลงทุนหมดตัวก็จงยึดความเข้าใจไว้”

 

หลายครั้งที่เราทุกข์เพราะขาดปัญญามาประยุกต์ใช้ในชีวิต แม้ว่าการเลือกปัญญาอาจต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แต่ก็คุ้มค่าในระหว่างทาง เมื่อเราเลือกแสวงหาปัญญาและดำเนินชีวิตตามนั้น เราจะพบความคุ้มครองจากสิ่งที่จะทำร้ายชีวิตเรา

 

คุณจะเลือกให้ทุกวันเป็นวันที่คุณพร้อมจะละทิ้งตัวเองและปล่อยให้พระเยซูและพระวิญญาณของพระองค์นำคุณหรือไม่? โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้นที่เราจะรู้พระดำริของพระเจ้า (1 โครินธ์ 2:11)

 

ศัตรูจะพยายามทำให้เราเกรงกลัวโลกนี้มากกว่าที่เราจะเกรงกลัวพระเจ้า มันจะทำให้เราเดินหนีจากปัญญา ไม่ว่าจะเป็นการโกหกต่างๆ หรือเพราะเกรงกลัวมนุษย์ด้วยกัน หรือการไม่เชื่อฟังพระเจ้าเพราะกลัวว่าจะพระองค์จะให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเรา ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากการไม่ยำเกรงพระเจ้า เราจำเป็นต้องแทนที่คำโกหกเหล่านี้ของศัตรูด้วยความจริงของพระเจ้า 

เราจะเข้าถึงความจริงได้เพราะทุกสิ่งที่พระเจ้าคิดและพูดเป็นความจริง

 

ความยำเกรงพระเจ้าจะทำให้เราไม่ทำอะไรที่จะนำเราออกห่างไปจากพระองค์ แต่มันจะนำเราไปสู่เส้นทางแห่งปัญญา ดังนั้นจงจำไว้ว่า ความยำเกรงพระเจ้าเป็นจุดเริ่มต้นของปัญญา

 

คำอธิษฐาน: ข้าแต่พระเยซูเจ้า ข้าพระองค์ขอบคุณที่ทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มานำทางข้าพระองค์ ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์ถ่อมตัวลงและยำเกรงพระองค์อย่างยิ่ง เพื่อพระองค์จะได้นำข้าพระองค์ไปสู่หนทางแห่งปัญญา อาเมน

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

livingrevelations.com

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...