วิธีช่วยทำให้ลูกๆวัยรุ่นของเราติดตามพระเจ้า
หากพวกเขายังเด็ก ให้เริ่มพูดคุยกับพวกเขาและฝึกฝนพวกเขาในเรื่องของพระเจ้า ฉันไม่ได้บอกลูก ๆ
ของฉันว่าพวกเขาอยู่ในครอบครัวของพระเจ้าโดยตรง แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับความรอดเพียงเพราะว่าแม่กับพ่อได้รับความรอด
ฉันก็เลยพูดว่า “ถ้าลูกๆอยู่ในครอบครัวของพระเจ้า…” และลูกๆ
ของฉันก็จะถามต่อว่า “แล้วหนูอยู่ในครอบครัวของพระเจ้าหรือเปล่า” จากนั้นฉันจะใช้โอกาสเหล่านั้นแบ่งปันแผนการแห่งความรอดแก่ลูกๆ
แต่ก่อนที่พวกเขาจะรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ฉันก็อยากให้พวกเขามีส่วนร่วมกับพระเจ้าในแต่ละวัน
ลูกๆวัยรุ่นของคุณมีช่วงเวลาที่เงียบสงบบ้างหรือไม่? ต่อไปนี้คือวิธีที่ฉันช่วยลูกๆ ให้ติดตามพระเจ้าและช่วยให้ลูกๆวัยรุ่นมีช่วงเวลาที่เงียบสงบทุกวัน
เริ่มต้นฝึกฝนวัยรุ่นของคุณในขณะที่พวกเขายังเด็ก
หากพวกเขายังเด็ก
ให้เริ่มพูดคุยกับพวกเขาและฝึกฝนพวกเขาในเรื่องของพระเจ้า
จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะไป และเมื่อเขาแก่แล้ว
เขาจะไม่พรากจากทางนั้น สุภาษิต 22:6
การสร้างวัฒนธรรมและตัวอย่าง
เพื่อให้วัยรุ่นของฉันคาดหวังว่าจะได้อ่านพระคัมภีร์และอธิษฐานทุกวัน
ฉันต้องสร้างวัฒนธรรมนั้นในครอบครัวและทำนำเป็นแบบอย่าง โปรดทราบว่าฉันเองก็ยังไม่สมบูรณ์แบบในเรื่องนี้เช่นกัน!!!
ในการสร้างวัฒนธรรมของเด็กที่จะสร้างนิสัยในการใช้เวลาในแต่ละวันกับพระเจ้า
ฉันต้องให้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับวัยของพวกเขา
นี่คือเราเมื่อสองสามปีก่อน สังเกตเห็นว่าลูกคนสุดท้องของฉันแค่ระบายสีสมุดระบายสีพระคัมภีร์ ส่วนคนโตของฉันก็เริ่มเขียนอย่างจริงจังในบันทึกส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้รวบรวมมาจากการอ่านพระคัมภีร์ (ฉันเองยังสงสัยว่าเขาเขียนอะไรไว้บ้าง!) จากนั้นลูกคนที่สองของฉันกำลังอ่านเรื่องพระคัมภีร์ให้กับลูกคนที่สามของฉันฟัง
แต่ละครั้งอาจแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย และบางฤดูกาลก็วุ่นวายมากขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้คาดหวังกับความสมบูรณ์แบบกับลูกๆ อย่างไรก็ตาม
มันเป็นสิ่งที่พวกเราทำ และเมื่อฉันพูดว่า "ถึงเวลาที่เราต้องไปใช้เวลาส่วนตัวกับพระเจ้าแล้วนะ"
พวกเขาก็จะแยกย้ายกันไปทำ
พี่น้องทั้งหลายจงร่วมกันทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้าและเลียนแบบผู้ที่ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างที่เราได้ให้ท่านไว้
- ฟิลิปปี 3:17
การให้กำลังใจที่อ่อนโยน
จงอ่อนโยนในการกระตุ้นพวกเขาให้แสวงหาพระเจ้า
หากพวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองนาที ฉันก็จะทูลขอให้พระเจ้าพูดบางอย่างกับเขาเพื่อนำหัวใจของพวกเขาไปหาพระองค์
หรือหาเรื่องคุยกับเขาต่อ ประมาณว่า “เฮ้ วันนี้ลูกๆได้เรียนรู้ หรือได้ข้อคิดอะไรบ้าง”
และปล่อยให้พวกเขาพูดออกมา หรือถามว่า “พระเจ้ามีบางสิ่งที่พระองค์ต้องการแสดงให้ลูกเห็นในพระคำของพระองค์ในวันนี้บ้างหรือเปล่า
หรือมีสิ่งใดบ้างที่ลูกสามารถนำไปใช้กับชีวิตของลูกได้บ้างไหม”
และก่อนที่ฉันจะจบประโยค ฉันก็ได้เห็นความอยากรู้อยากเห็นที่ทำให้พวกเขาเดินกลับไปหยิบพระคัมภีร์ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
จากนั้น ฉันก็จะอธิษฐานเผื่อพวกเขา!
การให้พระคุณมากมายแก่พวกเขาก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่าให้เราเติบโตในพระคุณ
ดังนั้นหากพวกเขาไม่ "สนใจ" ทำในวันนั้นจริงๆ ฉันก็จะไม่กดดัน
แต่ฉันจะอธิษฐานเผื่อพวกเขาแทน
แต่จงเจริญขึ้นในพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเราและรู้จักพระองค์มากขึ้น
ขอพระเกียรติสิริจงมีแด่พระองค์ทั้งบัดนี้และตลอดนิรันดร์! อาเมน - 2 เปโตร 3:18
สิ่งที่วัยรุ่นของฉันใช้เวลากับพระเจ้าในแต่ละวัน
ฉันเจอหนังสือการให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับวัยรุ่นที่เรียกว่า Daily Truth
for Godly Youth ที่ลูกๆ ของฉันเคยใช้บ่อยๆ เนื่องจากเป็นหนังสืออธิษฐานและให้ข้อคิดแบบ 365 วัน พวกเขาส่วนใหญ่จะใช้หนังสือเช่นนี้ในช่วงฤดูร้อน
ส่วนระหว่างปีการศึกษา เราจะเริ่มต้นวันใหม่ของการอุทิศตนกับพระเจ้าพร้อมกับครอบครัว
และพวกเขาก็จะใช้ห้องเรียนพระคัมภีร์เป็นช่วงเวลาสงบเงียบ
และหากพวกเขาต้องการอะไรที่เฉพาะเจาะจง
ฉันมักจะให้คำแนะนำที่เจาะจงเพื่อช่วยให้พวกเขาแก้ไขปัญหาได้
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
kellyrbaker
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น