11
เคล็ดลับในการพูดคุยเกี่ยวกับพระเจ้ากับเพื่อนของคุณ
โดย Sebastian Campos
หลายครั้งที่เราไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบคริสเตียน
เราพบว่าตัวเองติดอยู่ระหว่างกลุ่มก้อนหินที่ยากในแง่ของการแบ่งปันหรือยากแม้แต่ปกป้องความเชื่อของเราเอง
เรารู้ว่านี่อาจเป็นเรื่องท้าทาย เราจึงนำเสนอ 11 แนวคิดที่คุณสามารถนำไปใช้เมื่อพูดถึงเรื่องพระเจ้ากับผู้อื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพื่อนๆ ที่มีความเชื่อเพียงเล็กน้อยหรืออาจไม่มีเลย
วิธีพูดคุยกับเพื่อนของคุณเกี่ยวกับพระเจ้า
1. สนทนาธรรมของพระศาสนจักรในรูปแบบที่เข้าใจง่าย
ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ เป็นนักแปล และพระเยซูทรงอธิบายความลึกลับอันยิ่งใหญ่ของความเชื่อโดยใช้แนวคิดง่ายๆ ที่สื่อสารผ่านอุปมา. พระศาสนจักรสอนสิ่งที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์แก่เราซึ่งบางครั้งเรารู้สึกว่าพระศาสนจักรต้องการให้เราสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาปรัชญาเพื่อที่จะอธิบายข่าวประเสริฐ
วันนี้ให้คุณเริ่มต้นด้วยการใช้เวลาศึกษาคำสอนเหล่านี้(อ่านพระคัมภีร์)ด้วยตนเองแล้วทูลขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยนำคำสอนมาเป็นคำพูดง่ายๆ
เพื่อให้เพื่อนๆ ของคุณเริ่มเข้าใจ
2. ลองใช้ศรัทธาและการมีอารมณ์ขัน
อันที่จริงพระเจ้าชอบการมีอารมณ์ !
อารมณ์ขันสามารถทำให้หัวใจที่แข็งกระด้างและดื้อรั้นที่สุดคุกเข่าลงได้
บางครั้งเรื่องตลกที่ดีหรือเสียงหัวเราะที่ดีอาจเป็นจุดเปลี่ยนในการสนทนาธรรมครั้งนี้ได้
3. ABCs ของคำให้การเป็นพยานส่วนตัวของคุณ
แน่นอน การกล่าวว่าพระเจ้ามีอยู่จริงเพราะคุณรู้สึกว่ามันอยู่ในใจ
จะทำให้คุณดูโง่มาก แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับสิ่งนี้: พระเจ้าได้ทำบางสิ่งบางอย่างในชีวิตของคุณและการเล่าประสบการณ์นั้นๆให้คนอื่นฟังอาจไม่สามารถทำให้คนอื่นเชื่อได้ทันที
เมื่อคุณกำลังแสดงตนเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า ลองพยายามทำดังนี้: A. ประกาศด้วยความยินดี B. พูดให้สั้น C. สารภาพความเชื่อของคุณในพระคริสต์ (ให้พระองค์เป็นศูนย์กลาง!)
ไม่มีอะไรที่ดูไม่น่าเชื่อมากไปกว่การเล่าเรื่องยาวๆ ฟังดูน่าเบื่อ และเอาแต่ใจตัวเอง ดังนั้นคุณต้องไตร่ตรองและลำดับความสำคัญให้ดี
4. รู้จัก
“เมล็ดพันธุ์ของพระเจ้า”
พระเจ้าทรงอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งและอยู่ในความเป็นจริงของมนุษย์
ดังนั้นความจริงของพระองค์ก็อยู่ที่นั่นในผู้ที่ไม่เชื่อด้วย(คนที่คุณกำลังพูดด้วย) จงแสวงหาเมล็ดพืชของพระเจ้าที่มีอยู่ในความไม่เชื่อและความเกลียดชังที่ซ่อนอยู่ในใจที่เต็มไปด้วยข้อโต้แย้งที่ไม่มีเหตุผลและมีเหตุผล
5. อย่าแยกศีลธรรมออกจากความรัก
ส่วนใหญ่ของผู้ที่ไม่เชื่อ จะเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆเพราะเขาอาจมีเครื่องวัดศีลธรรมที่สูงมากจนรู้สึกว่าไม่สามารถหรือไม่อาจเต็มใจที่จะดำเนินชีวิตในลักษณะนี้และปรารถนาที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ได้ ให้เราเบอกพวกเขาให้รู้ว่าพระเจ้ารักพวกเขาเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
บอกไปว่าพระเจ้าไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าให้พวกเขาค้นพบความรักของพระองค์
ถึงกระนั้น ความรักของพระเจ้าก็มีพลัง มันเปลี่ยนเราได้ ดังนั้น
ในการเผชิญหน้ากับพระเจ้า ชีวิตของเราต้องเปลี่ยนแปลง
และเราต้องเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตและรักตามที่พระองค์สอนเรา อย่างไรก็ตาม
ความรักของพระเจ้าก็อดทนเช่นกัน พระองค์ทรงทราบดีว่าสิ่งต่างๆ
ต้องใช้เวลาและยินดีจะติดตามเราไปทุกย่างก้าว
6. อย่าพยายามเอาชนะการโต้เถียง
พูดโดยไม่พยายามเอาชนะการโต้แย้งหรือพยายามแสดงให้เห็นว่าคุณเก่งกว่าคนอื่น
มันไม่ใช่การแข่งขัน ฝึกมองสิ่งต่าง ๆ
จากมุมมองของความรัก เอาใจใส่กับบุคคลและเรื่องราวของเขา/เธออย่างจริงใจ
อย่าให้การสนทนาของคุณกลายเป็นการโต้วาที:
การโต้วาทีมักจะเน้นความแตกต่างของเราซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เรามีร่วมกัน! การประกาศข่าวประเสริฐ ต้องไม่ใช่การสนทนาเพื่อเลือกข้าง หรือเพื่อหา คนแพ้ คนชนะ
7. อย่าเลี่ยงปัญหา
เพราะคนอื่นรู้ว่าคุณเป็นผู้มีความเชื่อ
มันเหมือนกับเวลาไปงานปาร์ตี้ คุณไม่สามารถไปแอบนั่งในมุมใดมุมหนึ่งและมองดูคนอื่นๆอย่างเงียบ
ๆ เพราะผู้ที่ไม่มีความเชื่อ(โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า) เขาจะเปิดใจพูดคุยและรับฟังเรื่องราวพระเจ้ากับผู้ที่เชื่อที่กล้าคุยอย่างเปิดเผย
มาเตรียมตัวให้พร้อม และอย่ากังวลมากเกินไป
การหลีกเลี่ยงหัวข้อเพราะคุณกลัวมากเกินไปที่จะทำผิดพลาด บางครั้งอาจสร้างความรำคาญมากกว่าสิ่งอื่นใด จำไว้ว่าศรัทธาของคุณเป็นของขวัญ
เป็นสิ่งที่น่าขอบคุณและต้องแบ่งปัน
8. ให้ทั้งชีวิตของคุณพูดถึงพระเจ้า
ข้อโต้แย้งที่น่าเชื่อถือที่สุดคือความเชื่อมั่นที่แท้จริงของคุณ
เชื่อมั่นในจุดที่แต่ละวันคุณได้พยายามดำเนินชีวิตตามสิ่งที่คุณเชื่อ
(เรารู้ว่าการพยายามไม่ได้หมายถึงการบรรลุผลสำเร็จเสมอไป
แต่มันบ่งบอกถึงความพยายามอย่างจริงใจที่จะสอดคล้องและจริงจัง)
9. พูดจากใจ
เราเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอ
การพูดจากประสบการณ์ของเราเองเกี่ยวกับความเปราะบางและความสงสัยอาจเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างมาก
อันที่จริง หลายครั้งที่เกิดประสบการณ์แห่งความสงสัยนั้นก็เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด
เพราะมันทำให้เกิดพื้นฐานร่วมกัน (เราทุกคนต่างต้องเคยผ่านแบบทดสอบนี้!)
หลีกเลี่ยงการทำเหมือนว่าคุณมีพลังวิเศษและมีความรู้ที่กว้างขวาง:
พระเจ้าเป็นความลึกลับ พระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าเราทุกคน
และหลายครั้งพระองค์ทรงเรียกให้เราประสบกับความไม่แน่นอนค่อนข้างบ่อย
10. มองหาความเป็นอยู่ที่ดีให้ผู้อื่น
พระเจ้าเป็นของขวัญที่เราอยากแบ่งปัน และนั่นคือสิ่งที่คนตรงหน้าของเราควรได้สัมผัส
ศาสนาคริสต์เป็นมากกว่าพรรคการเมืองบางประเภทที่มีอุดมการณ์ของตนเอง
แต่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มีชีวิตระหว่างพระเจ้ากับคริสตจักรของพระองค์ พระเจ้าคือของขวัญที่ดีที่สุดที่เราจะมอบให้กับคนรอบข้างได้
11. คุณและเขา/เธอ
มีบางอย่างที่เหมือนกัน: คุณทั้งคู่มีอิสระที่จะเชื่อในสิ่งที่คุณต้องการ
ความเชื่อควรเป็นทางเลือกอิสระ ประสบการณ์แห่งความเชื่อต้องเป็นประสบการณ์ที่ไหลลื่น
ซึ่งเราได้รับมาและให้ออกไปอย่างเสรี ผู้ไม่เชื่อมีสิทธิเลือกอย่างอิสระและคุณต้องเคารพในสิ่งนี้
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหน
เราต้องรักคนๆ นั้น แม้ว่าการเลือกของเขา/เธออาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะชอบเสมอไป
จงจำไว้ว่า “การประกาศข่าวประเสริฐเป็นความรักเสมอ”
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
catholic-link.org
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น