ความสุขมีแก่ผู้ที่รักษากฎเกณฑ์และแสวงหาพระองค์
ความสุขมีแก่ผู้ที่รักษากฎเกณฑ์ของพระองค์
และแสวงหาพระองค์หมดทั้งใจ
สดุดี 119:2
ในสดุดี 119:2 ผู้ประพันธ์สดุดีกล่าวถึงผู้ที่แสวงหาพระเจ้า
“ด้วยสิ้นสุดใจ” ตอนนี้ การติดตามบางสิ่งบางอย่าง "ด้วยทั้งหมดของหัวใจ"
คือการทำอย่างสุดใจ ทำด้วยความมุ่งมันทั้งหมด ด้วยพันธสัญญาทั้งหมด ด้วยลำดับความสำคัญทั้งหมด ด้วยพลังและความกระตือรือร้นทั้งหมด อันที่จริง ตลอดบทเพลงสดุดีนี้
ผู้ประพันธ์เพลงสดุดีพูดหกครั้งเกี่ยวกับการแสวงหาบางสิ่ง “ด้วยสุดใจ” และในห้าครั้งนั้นเขาแสดงประจักษ์พยานเกี่ยวกับหัวใจและชีวิตของเขาเอง
ดังนั้น จากการอ้างอิงทั้งหกนี้ เราพบการแสวงหาสามประการที่เราควรทำตามแบบอย่างของผู้ประพันธ์เพลงสดุดีเพื่อติดตามพวกเขา
“อย่างสุดใจ”
1. เราควรแสวงหาการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าด้วยสุดใจของเรา
แต่จะเป็นอย่างไรหากเราได้ละทิ้งความรักครั้งแรกที่มีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราและการสามัคคีธรรมประจำวันกับพระองค์ไปแล้ว
ในกรณีเช่นนี้
เราต้องกระตือรือร้นสุดหัวใจที่จะกลับใจจากวิถีทางที่เป็นบาปของเราและหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
เราต้องหันจากทางบาปของเราด้วยใจที่ชอกช้ำและสำนึกผิด และต้องกลับมาหาพระเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของเราด้วยความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นสุดหัวใจของเรา
ถึงกระนั้น ยากอบ 4:8-10 ก็ประกาศว่า “8จงเข้ามาใกล้พระเจ้า
แล้วพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาปทั้งหลายจงล้างมือให้สะอาด
คนสองใจจงชำระใจให้บริสุทธิ์ 9จงเศร้าเสียใจ คร่ำครวญและร้องไห้
จงเปลี่ยนจากหัวเราะเป็นร้องไห้ จากชื่นชมยินดีเป็นเศร้าหมอง
10ท่านทั้งหลายจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระองค์จะทรงยกชูท่านขึ้น”
เราต้องกลับไปหาพระเจ้าของเราด้วยสุดใจ
จากนั้นพระองค์จะทรงฟื้นฟูเราฝ่ายวิญญาณอย่างแน่นอน
และยกเราขึ้นสู่สถานที่ของการสามัคคีธรรมของพระองค์
และฟื้นฟูเราให้มีชีวิตที่บริบูรณ์ฝ่ายวิญญาณของการสามัคคีธรรมของพระองค์
ถึงกระนั้นก็ตาม ในเยเรมีย์ 29:12-13 องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราตรัสว่า “12แล้วเจ้าจะร้องเรียกเรา
และมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า 13เจ้าจะแสวงหาเราและพบเรา
เมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสุดใจของเจ้า”
จากนั้นเราจะเติบโตในความรู้และประสบการณ์ของการสามัคคีธรรมที่ได้รับพรทุกวัน
ถ้าเราดำเนินต่อไปด้วยสุดใจที่จะดำเนินสามัคคีธรรมกับพระองค์ในฐานะรักแรกของเรา
2. เราควรรักษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างสุดใจ
ในสดุดี 119:33-34 ผู้ประพันธ์สดุดีได้ทูลขอและถวายพันธสัญญาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยกล่าวว่า
“33ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสอนข้าพระองค์ให้ปฏิบัติตามกฎหมายของพระองค์แล้วข้าพระองค์จะรักษาไว้จนถึงที่สุด34โปรดประทานความเข้าใจ
แล้วข้าพระองค์จะรักษาบทบัญญัติของพระองค์ ” อีกครั้งในสดุดี 119:69
เขาแสดงคำมั่นสัญญาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยกล่าวว่า “แม้คนเย่อหยิ่งใส่ร้ายป้ายสีข้าพระองค์
ข้าพระองค์ก็รักษาข้อบังคับของพระองค์ด้วยสุดใจ”
เช่นเดียวกับที่เราควรแสวงหาการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าด้วยสุดใจของเรา เราก็ควรรักษาพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยสุดใจของเราเช่นกัน
แท้จริงแล้ว การแสวงหาสามัคคีธรรมกับพระเจ้าของเราและการรักษาพระวจนะของพระเจ้านั้นเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด
ดังนั้นเราต้องไล่ตามทั้งสองอย่างสุดใจ
แท้จริงแล้วเราควรมีความมุ่งมั่นอย่างสุดหัวใจที่จะรักษาพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อที่เราจะปรารถนาและมีความสุขที่จะเรียนรู้ภูมิปัญญาและวิถีทางของพระคำมากขึ้น
ยิ่งกว่านั้น เราควรมีความมุ่งมั่นอย่างสุดหัวใจที่จะรักษาพระวจนะของพระเยซู
โดยเราจะยังคงเชื่อฟังอย่างซื่อสัตย์ต่อไปแม้ต้องเผชิญกับการทดลองที่ร้อนแรงและการข่มเหงที่รุนแรง
เราควรมองมาที่พระวจนะของพระเจ้าทุกวัน
ศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างขยันหมั่นเพียร
และเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า เราควรค้นหาความจริงในพระวจนะของพระเจ้าทุกวัน
เราควรศึกษาเพื่อแสดงตนว่าเป็นที่ยอมรับต่อพระเจ้า
ในฐานะคนทำงานฝ่ายวิญญาณที่ไม่จำเป็นต้องละอายต่อพระพักตร์พระองค์
3. เราควรวิงวอนต่อพระเจ้าอย่างสุดหัวใจ
ในสดุดี 119:58 ผู้ประพันธ์สดุดีเป็นพยานโดยกล่าวว่า “ข้าพระองค์แสวงหาพระพักตร์ของพระองค์หมดทั้งใจ ขอทรงโปรดเมตตาข้าพระองค์ตามที่ทรงสัญญาไว้” อีกครั้งในสดุดี 119:145-147 เขาประกาศว่า “ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลหมดทั้งใจ ขอทรงตอบข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะเชื่อฟังกฎหมายของพระองค์ ข้าพระองค์ทูลวิงวอน ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดเพื่อข้าพระองค์จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์ ข้าพระองค์ตื่นขึ้นก่อนรุ่งสาง ทูลขอความช่วยเหลือข้าพระองค์ ฝากความหวังไว้ที่พระวจนะของพระองค์”
จริงอยู่ หัวใจของเรื่องนี้ควรจะมีรากฐานมาจากสองเรื่องก่อนก่อนหน้านี้ คือเมื่อเราแสวงหาด้วยสุดใจที่จะดำเนินในสามัคคีธรรมกับพระเจ้า เราจะเรียนรู้มากขึ้นเพื่อให้วางใจอย่างสุดหัวใจในพระเมตตาอันอ่อนโยนและความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อเรา นอกจากนี้ ในขณะที่เรารักษาความจริงแห่งพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดหัวใจ เราจะเรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อตั้งความหวังอย่างสุดหัวใจในพระสัญญาในพระวจนะของพระองค์ที่จะดูแลผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ ถึงกระนั้น ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาในใจ เราควรสวดอ้อนวอนอย่างกล้าหาญต่อพระที่นั่งแห่งพระคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้า “เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และพบพระคุณที่จะช่วยในยามต้องการ” (ฮีบรู 4:16) เราควรวางใจในพระเจ้าอย่างสุดหัวใจตลอดเวลา และควรระบายความในใจของเราต่อพระองค์ โดยรู้ว่าพระองค์เป็น “ที่พึ่งของเรา” (สดุดี 62:8) เราควรสงบนิ่ง รอคอย และหวังใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราเท่านั้น โดยรู้ว่าความช่วยเหลือของเรามาจากพระองค์ ด้วยสุดใจของเรา เราควรทูลขอจากพระเจ้าของเราเพื่อเราจะได้รับ แสวงหาจากพระเจ้าของเราเพื่อที่เราจะได้พบ และเคาะพระที่นั่งแห่งพระคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เพื่อพระหัตถ์แห่งพระคุณของพระองค์จะเปิดให้เรา
เมื่อใดที่คุณรู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้ามากที่สุด?
เมื่อฉันนั่งอธิษฐานเงียบ ๆ ต่อหน้าพระพักตร์พระองค์
เมื่อฉันร่วมนมัสการพระองค์
เมื่อฉันใช้เวลาไตร่ตรองและเขียนแบ่งปันพระคำของพระองค์
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ลูกต้องการแสวงหาพระองค์สุดหัวใจ พระองค์คือทุกสิ่งทุกอย่างของลูก
ดังนั้นในแต่ละวัน ขอให้การกระทำของลูกตรงกับคำพูดของลูก ขอทรงช่วยให้ลูกได้เข้าใกล้พระองค์มากขึ้น
โปรดชี้แนะลูกในการตัดสินใจแต่ละครั้ง และสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกด้วยความฝันและการแสวงหาสิ่งใหม่ๆ
ลูกต้องการถวายเกียรติแด่พระองค์ในทุกสิ่งที่ลูกทำ ลูกอธิษฐานในพระนามพระเยซู
อาเมน
ความรู้เพิ่มเติม
ความหมายของคำว่า "สามัคคีธรรม" ในพันธสัญญาใหม่คือ koinonia ซึ่งหมายถึง "การเป็นหุ้นส่วน
การแบ่งปันร่วมกัน หรือความเป็นหนึ่งเดียว"
และสาระสำคัญของการเป็นหุ้นส่วนคือข้อตกลงหรือความเป็นเอกภาพของวัตุประสงค์ การสามัคคีธรรมกับพระเจ้าในขั้นพื้นฐานที่สุด
คือความยินยอมความเห็นพ้องกับพระองค์ในทุกสิ่ง พันธสัญญาใหม่รับรองผู้เชื่อในการเป็นหุ้นส่วนนี้
เราไม่เพียงมีสามัคคีธรรมกับพระเจ้าพระบิดาเท่านั้น
แต่เรายังมีสามัคคีธรรมกับพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย (1 โครินธ์ 1:9; 2 โครินธ์ 13:14; 1 ยอห์น 1:3) การจะมีสามัคคีธรรมกับผู้อื่นได้นั้นต้องมีใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
คือ สิ่งที่เชื่อมคนสองคนเข้าด้วยกัน และการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าเป็นไปได้โดยทางพระโลหิตของพระคริสต์เท่านั้น
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
Shepherdingtheflock
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น