พบพระเจ้าผ่านความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของคุณ
แบ่งปันโดย: จัสติน
คุณเคยผ่านสถานการณ์ในชีวิตที่ทำให้คุณสงสัยว่าทำไมพระเจ้าถึงยอมให้คุณประสบกับความเจ็บปวด
ความทุกข์ หรือแม้แต่ความท้อแท้ที่เกิดขึ้น? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความท้าทายบางอย่างในชีวิตเป็นผลมาจากการเลือกที่ไม่ดีของเราเอง แต่สำหรับผู้เชื่อทุกคน ความจริงก็คือเราทุกคนจะต้องเดินผ่านความยากลำบากและจะต้องพบกับความเจ็บปวด
พระเยซูบอกเราว่าความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา
“เราบอกสิ่งเหล่านี้แก่พวกท่านเพื่อพวกท่านจะได้มีสันติสุขในเรา
ในโลกนี้พวกท่านจะมีความทุกข์ยากแต่จงชื่นใจเถิด! เราได้ชนะโลกแล้ว”
-ยอห์น 16:33
พระเยซูไม่เพียงแค่บอกว่าเราจะมีการทดลองและความเศร้าโศก
แล้วปล่อยให้เราหาทางออกเอง แต่พระองค์ได้บอกถึงสัญญาที่จะนำมาซึ่งสันติสุขและเตือนเราว่าพระองค์ได้เอาชนะโลกแล้ว
ฉันชอบที่พระเยซูไม่เพียงแค่บอกว่าเราจะมีการทดลองและความเศร้าโศกเกิดขึ้นในชีวิต
แต่พระองค์ยังได้มอบสัญญาแห่งสันติสุขและเตือนเราว่าพระองค์ได้เอาชนะโลกแล้ว
ซึ่งหมายความว่าทุกความยากลำบากของเราไม่ได้เกิดขึ้นโดยปราศจากจุดประสงค์
นี่คือเหตุผลที่อัครสาวกเปาโลผู้ประสบความเจ็บปวดและความยากลำบากมากมายสามารถประกาศถ้อยคำเหล่านี้อย่างกล้าหาญในโรม
8:28
“และเรารู้ว่าในทุกๆ
สิ่งพระเจ้าทรงทำให้เกิดผลดีแก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์คือผู้ที่ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์”
ความเจ็บปวดและความทุกข์ของเรามีจุดมุ่งหมาย
เปาโลเลือกคำพูดของเขาอย่างระมัดระวัง และสังเกตว่าเขาเขียนว่าเรารู้
สำหรับผู้ชายที่เคยถูกเฆี่ยนตี เจอเรืออับปาง และถูกจองจำหลายครั้ง เปาโลตระหนักดีถึงบางสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องจดจำในฐานะผู้เชื่อ
คือความเจ็บปวดของเราไม่ได้ไร้ความหมาย แต่มีจุดประสงค์
และไม่ใช่แค่บางสถานการณ์เท่านั้น แต่เขาเขียนว่าทุกอย่างล้วนมีจุดประสงค์
ช่วงเวลาแหงความเจ็บปวดและความทุกข์ทำให้เราจะได้เห็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าตลอดในพระคัมภีร์มีให้เห็นว่าประชากรของพระเจ้าต้องผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก
เช่น โมเสสต้องหนีครอบครัวที่ต้องการจะฆ่าเขา เอลียาห์มีคนค้นหาความตาย
ราชินีเอสเธอร์เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตชาวยิว
สาวกของพระเยซูล้วนเป็นมรณสักขีเพราะคำมั่นสัญญาต่อพระคริสต์
และพระผู้ช่วยให้รอดของเราถูกเฆี่ยนและตรึงกางเขน เพื่อเรา.
แต่ทว่าพระคัมภีร์กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าความทุกข์ทรมานของเราไม่เคยจบลงโดยปราศจากฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่ทำงานเหนือธรรมชาติ
ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของเรามักจะทำให้เรามองเห็นการทำงานที่เหนือธรรมชาติของพระเจ้าในชีวิตของเรา
ความทุกข์ยากของเราไม่เคยจบลงโดยปราศจากฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่ทำงานเหนือธรรมชาติ
ไม่มีอะไรสามารถเตรียมคุณให้พร้อมสำหรับข่าวที่น่าผิดหวัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณรู้สึกว่าพระเจ้าตรัสกับใจคุณแล้วแต่สิ่งต่าง ๆ ดูไม่คืบหน้าเหมือนที่คุณวางแผนไว้
คำถามมากมายเริ่มเกิดขึ้นในจิตใจของคุณเช่น: เราได้ยินจากพระเจ้าอยู่หรือไม่? เราจะสามารถทำมันได้หรือไม่?
ตลอดฤดูกาลนั้นพระเจ้าทรงอยู่ใกล้และทรงช่วยเราผ่านความเจ็บปวดและความท้อแท้การสูญเสียเช่นนี้
พระองค์ยังเดินไปกับเราและสอนบางสิ่งที่ช่วยให้เราแข็งแกร่งขึ้นในความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์
ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญอะไรในวันนี้หรือความท้าทายใดที่รออยู่ข้างหน้า
สิ่งเหล่านี้คือหลักธรรมที่พระเจ้าต้องการให้คุณรู้เมื่อคุณต้องเดินผ่านวันที่ยากลำบาก
หลักการเดินกับพระเจ้าผ่านวันที่ยากลำบาก:
1. นำความเจ็บปวดของคุณไปหาพระเจ้าอย่าวิ่งหนีจากพระองค์
เมื่อคุณวิ่งหนีจากพระเจ้าในฤดูแห่งความท้าทาย
สิ่งที่คุณเหลือก็คือความสามารถที่มีขีดจำกัดของตัวเองในการรับมือกับสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่
ในทางกลับกัน พระเจ้าเชื้อเชิญให้เราเข้ามาใกล้พระองค์เพื่อเราจะได้สัมผัสกับความสงบ
การเยียวยา และความใกล้ชิดของพระองค์ และนี่คือสิ่งที่พระคัมภีร์ชี้เราไปสู่
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่หัวใจแตกสลาย
และทรงช่วยผู้ที่ท้อแท้สิ้นหวัง -34:18
พระคัมภีร์ไม่เคยสอนให้เราระงับความเจ็บปวด
แต่กลับแสดงให้เราเห็นว่าควรโฟกัสไปที่จุดใด
“พระองค์ทรงรักษาผู้ที่ดวงใจแหลกสลาย และสมานรอยแผลของเขาเหล่านั้น”
-สดุดี 147:3
เช่นเดียวกับที่เราต้องการศัลยแพทย์ในการแก้ไขบาดแผลทางร่างกาย
พระเจ้าปรารถนาที่จะทำการผ่าตัดจากพระเจ้าในจิตวิญญาณของเรา
ซึ่งส่งผลให้การรักษาเหนือธรรมชาติแม้ความท้าทายของเราจะยากเพียงใด
เมื่อเรานำความเจ็บปวดของเรามาสู่พระเจ้า เราได้ตระหนักดีว่ามีจุดประสงค์
และในเวลาที่พระองค์ผู้รักเราอย่างไม่มีเงื่อนไขจะเปิดเผยจุดประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ผ่านมัน
2. เติมเต็มชีวิตของคุณด้วยพระคำของพระเจ้าและผู้คนของพระเจ้า
วิธีที่เราตอบสนองต่อความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวิธีที่เราดำเนินการกับสิ่งที่เกิดขึ้นและวิธีการรักษาจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
หากคุณรักษาอาการเจ็บป่วยทางกายด้วยยาที่ไม่เหมาะสม
การเจ็บป่วยของคุณไม่เพียงแต่จะดำเนินต่อไปเท่านั้น แต่ยังอาจแย่ลงอีกด้วย
เมื่อคุณเติมชีวิตของคุณด้วยพระคำของพระเจ้าและล้อมรอบตัวคุณด้วยคนที่พูดความหวังและกำลังใจเข้ามาในชีวิตของคุณ
ประสบการณ์ของคุณจะดีขึ้นมาก
แต่หากคุณทำให้ความคิดของคุณเต็มไปด้วยความคิดที่ผิดๆ เช่น:
พระเจ้าโกรธฉัน พระเจ้าไม่รักฉัน พระเจ้าไม่ดี สิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นกับฉัน
ฯลฯ หากคิดแบบนี้ไปนานๆ อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของคุณ?
แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจจะปกป้องความคิดจิตใจของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์
- (ฟิลิปปี 4:7 )
“พระวจนะของพระองค์นั้น ข้าพระองค์ลิ้มลองแล้วหวานยิ่งนัก
หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากของข้าพระองค์!” - สดุดี
119:103
“เชิญชิมดูแล้วจะรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสนดี ความสุขมีแก่ผู้ที่ลี้ภัยในพระองค์!”
- สดุดี 34:8
เมื่อพระวจนะของพระองค์มาถึง ข้าพระองค์ก็กินพระวจนะนั้น
เป็นความชื่นชมยินดีและปลื้มปีติในจิตใจของข้าพระองค์
เพราะเขาเรียกข้าพระองค์ตามพระนามของพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
- เยเรมีย์ 15:16
เมื่อเราเติมความคิดของเราด้วยพระคำของพระเจ้า
เรากำลังเตือนตัวเองว่าพระเจ้าของเราเป็นใคร พระองค์เป็นอย่างไร
และเราแทนที่คำโกหกของศัตรูด้วยความจริงของพระเจ้าที่ดีของเรา
3.เปลี่ยนจากความกังวลไปสู่การนมัสการพระเจ้า
บางสิ่งที่มีพลังจะเกิดขึ้นเมื่อเราเลือกที่จะนมัสการผ่านความทุกข์ของเราอย่างแข็งขัน
เราไม่ได้ปฏิเสธความเป็นจริง เราเพียงแค่เปลี่ยนท่าทีของเราจากความวิตกกังวลไปสู่การนมัสการพระเจ้า
การนมัสการช่วยเปลี่ยนมุมมองของเรา
การนมัสการพูดถึงความเชื่อมั่นและความหวังของเรา
การนมัสการเปลี่ยนแนวความคิดของเรา การนมัสการให้ผลลัพธ์อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า
ไม่ว่าความเจ็บปวดของคุณจะเป็นผลมาจากความท้าทายในความสัมพันธ์
การดิ้นรนทางการเงิน การวินิจฉัยเรื่องสุขภาพ หรือความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต
เมื่อคุณเริ่มนมัสการพระเจ้าผ่านการต่อสู้ของคุณ
โซ่ตรวนแห่งจิตวิญญาณเริ่มแตกออกเพื่อที่คุณจะไม่ถูกควบคุมโดยสถานการณ์ของคุณ
แต่คุณได้กำหนดสถานที่ในใจของคุณในสิ่งที่สูงกว่า นี่คือเหตุผลที่เปาโลและสิลาสสามารถสรรเสริญเมื่อถูกล่ามโซ่ไว้ในคุก
เพราะพวกเขารู้ว่าพระเจ้ากำลังใช้การคุมขังเพื่อเผยแพร่ข่าวประเสริฐ
ซึ่งท้ายที่สุดแล้วส่งผลให้มีคริสตจักรในพันธสัญญาใหม่แห่งแรกในทวีปยุโรป
จงจำไว้ว่า พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่กว่าปัญหาที่เราเจอ
4. เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงเปลี่ยนความเศร้าโศกของคุณให้เป็นความยินดีได้
ความขัดแย้งประการหนึ่งของศาสนาคริสต์คือพระเจ้าที่แสนดีของเราทรงใช้ความเจ็บปวดเพื่อความดีของเรา
หมายความว่าความเศร้าโศกที่ใหญ่ที่สุดของเราสามารถส่งผลให้เรามีความสุขมากที่สุด
เมื่อคุณนึกถึงความเศร้าโศกที่สุดของพระเยซู – การทนรับความอับอาย การถูกลงโทษ
และความตายเพราะบาปของเรา ผลที่ได้คือความปิติยินดีอย่างยิ่ง –
การไถ่มนุษยชาติและโอกาสสำหรับความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
เปาโลเขียนใน 2 โครินธ์ 1:4 ว่า
“ผู้ทรงปลอบประโลมใจเราในความทุกข์ร้อนทั้งสิ้นของเรา เพื่อเราจะสามารถปลอบประโลมใจบรรดาผู้ทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ ด้วยการปลอบประโลมใจซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า”
นี่เป็นเรื่องจริงสำหรับเราทุกคน
เราสามารถแชร์ประสบการณ์ที่เคยผ่านมากับคนอื่นๆ
ที่กำลังประสบกับปัญหาเรื่องเดียวกัน พระเจ้าจะทรงใช้ความเจ็บปวดของเราเพื่อเสริมกำลังเราและสนับสนุนให้ผู้อื่นวางใจในพระเจ้าและเชื่อว่าพระองค์ทรงทำงานทั้งที่เราเห็นและไม่เห็น
ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของเราจะไม่คงอยู่ตลอดไป
Tim
Keller เขียนคำกระตุ้นความคิดเหล่านี้ในหนังสือของเขาเรื่อง “The
Reason for God”
“การโอบรับหลักคำสอนของคริสเตียนเกี่ยวกับการประสูติและไม้กางเขนนำมาซึ่งการปลอบประโลมอย่างลึกซึ้งเมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน
หลักคำสอนเรื่องการฟื้นคืนพระชนม์สามารถปลูกฝังความหวังอันทรงพลังแก่เรา
มันสัญญาว่าเราจะได้รับชีวิตที่เราใฝ่ฝันมากที่สุด และมันจะเป็นโลกที่รุ่งโรจน์อย่างไม่มีขอบเขต
พระเยซูเต็มใจทนทุกข์กับความเจ็บปวดครั้งใหญ่ที่สุดเพราะพระองค์รู้ตอนจบของเรื่อง
และเราเองก็เช่นกัน พระคัมภีร์แสดงให้เราเห็นในวิวรณ์ 21:3-4
3และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากพระที่นั่งว่า “บัดนี้ที่ประทับของพระเจ้ามาอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะสถิตกับพวกเขา เขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของพระองค์ และพระเจ้าเองจะทรงอยู่กับพวกเขาและเป็นพระเจ้าของพวกเขา 4พระองค์จะทรงซับน้ำตาทุกๆ หยดของพวกเขา จะไม่มีความตาย หรือการคร่ำครวญ หรือการร่ำไห้ หรือความเจ็บปวดรวดร้าวอีกต่อไป เพราะระบบเก่าได้ผ่านพ้นไปแล้ว”
มนุษยอย่างเราชอบละครและภาพยนตร์ที่จบลงด้วยความสุข นั่นเพราะเราถูกสร้างมาให้รู้จักและเดินกับพระเจ้า
และสำหรับผู้ที่วางใจในพระองค์ ตอนจบนั้นจะกลายเป็นความจริงสำหรับพวกเขา
พระเยซูเต็มใจทนทุกข์กับความเจ็บปวดครั้งใหญ่ที่สุดเพราะพระองค์ทรงรู้ตอนจบของเรื่อง
และเราเองก็เช่นกัน
นิรันดรกำลังมาถึง
ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของเราจะไม่ถูกลืมโดยสิ้นเชิง
แต่เหล็กในจะถูกขจัดออกไปและความเป็นนิรันดรจะยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
เมื่อคุณเดินผ่านความทุกข์ยากในวันนี้หรือในวันข้างหน้า ให้คุณระลึกถึงพระวจนะของพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ของเรา:
“เรามอบสันติสุขแก่พวกท่าน
สันติสุขที่เราให้ไม่เหมือนที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านทุกข์ร้อนและอย่ากลัวเลย” -ยอห์น
14:27
“สอนเขาให้เชื่อฟังทุกสิ่งที่เราสั่งพวกท่านไว้ และแน่นอน
เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไปตราบจนสิ้นยุค” -มัทธิว 28:20
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
Jamesriverchurch
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น