พระเจ้าอวยพรเราเพื่อเราจะได้เป็นพรแก่ผู้อื่น
พระเจ้าต้องการอวยพรเรา พระองค์รักเราและต้องการให้เราได้สิ่งดีที่สุด
แนวความคิดเรื่องพรนี้เกิดขึ้นตลอดทั้งพระคัมภีร์ในพันธสัญญาเดิม
พระเจ้ามักจะเชื่อมโยงพระพรของพระองค์กับการเชื่อฟังของผู้คนและทัศนคติในจิตใจของพวกเขา
ครั้งแรกที่เราพบคำนี้ในพระคัมภีร์ เป็นคำสัญญาที่ไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้าที่จะอวยพรอับราฮัม
พระองค์ทำสิ่งนี้ก่อนที่อับราฮัมจะทำอะไรเพื่อแสดงการเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าหรือความเชื่อของเขา
พระเจ้าอวยพรอับราฮัมเพราะเห็นแก่อับราฮัม
แต่ยังมีอะไรมากกว่านั้น โดยทางอับราฮัม
พระเจ้าสัญญาว่าจะอวยพรทุกคนบนแผ่นดินโลกผ่านทางเขา (ปฐมกาล 12:2-3) กล่าวโดยย่อคือ
พระเจ้าอวยพรอับราฮัมให้เป็นพรแก่ผู้อื่น
แต่สิ่งนี้ไม่ได้ใช้กับอับราฮัมเท่านั้น
คำอวยพรเกิดขึ้นหลายร้อยครั้งในพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ เป็นเรื่องที่เกิดซ้ำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วลี bless you เกิดขึ้นห้าสิบครั้ง
นอกจากนี้ แนวคิดในการให้พรผู้อื่นปรากฏขึ้นสี่สิบครั้ง และให้พรแก่ประเทศต่างๆ
ปรากฏขึ้นอีกสิบห้าครั้ง
พระเจ้าคาดหวังให้เราเป็นพรแก่ผู้อื่น
เราควรมองการจัดเตรียมของพระเจ้าสำหรับเราจากมุมมองนี้
พระองค์ทรงอวยพรเรา—ทรงทำให้เรารุ่งเรือง—เพื่อที่เราจะสามารถเป็นพรแก่ผู้อื่นได้
ต่อไปนี้คือวิธีที่เราสามารถทำได้:
การบริจาคเงิน
สำหรับคนโดยทั่วไป เมื่อพูดถึงความคิดที่ว่า เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเป็นพรแก่ผู้อื่น
หลายคนจะคิดถึงเรื่องเงิน เราสามารถใช้เงินที่พระเจ้าประทานพรให้เรามาเพื่อมอบให้กับองค์กรที่มีภารกิจสอดคล้องกับงานของพระเจ้า
หรือเราสามารถมอบเงินโดยตรงกับผู้ยากไร้เลยก็ได้
อย่างไรก็ตาม ในทั้งสองกรณี เราต้องทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลที่ดีของพรทางการเงินที่พระเจ้ามอบให้กับเรา
เพื่อที่ว่าเงินเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์สูงสุดกับพระศาสนจักรและงานของพระเจ้า
การแบ่งปันสิ่งของ
เราสามารถเป็นพรแก่ผู้อื่นได้เช่นกันเมื่อเราแบ่งปันสิ่งของของเรา
เมื่อเรามีสิ่งของที่ยังมีคุณภาพดีแต่ตัวเราไม่จำเป็นต้องใช้มันแล้ว
เราก็ไม่ควรทิ้ง เราควรนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ที่ต้องการมัน
เราสามารถมอบให้โดยตรงแก่บุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือหรือต่ออองค์กรต่างๆ
ที่เขาอาจจะนำไปแจกหรือขายเพื่อระดมเงินเพื่อการกุศลก็ได้
การแบ่งปันนั้นนอกจากจะให้ของที่เราไม่ใช้แล้ว เรายังสามารถให้สิ่งของที่เรายังคงใช้งานอยู่ได้ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งของที่ยังคงมีคุณค่าต่อเรา และต่อผู้อื่นด้วย ถ้ามีใครต้องการมันมากกว่าเรา เราก็อาจจะต้องยอมยกมันให้กับคนอื่น การทำสิ่งนี้เปรียบเสมือนเป็นการส่งต่อความรักของพระเจ้าให้กับเพื่อนมนุษย์
และยังมีวิธีอื่นอีกมากมายที่เราสามารถเป็นพรแก่ผู้อื่นได้ เช่น
การให้เวลา
นอกจากเรื่องสิ่งของวัตถุ จงคำนึงถึงเวลาของเรา. เราสามารถมอบเวลาของเราในการช่วยเหลือผู้อื่น สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยเริ่มจากการให้เวลาและใส่ใจกับสมาชิกในครอบครัวอย่างเต็มที่ ทำให้ดีกว่าที่เคยทำ และทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะความรักที่ดีควรเริ่มต้นจากคนในครอบครัว จากนั้นเราอาจไปเป็นอาสาสมัครให้กับองค์กรต่างๆ หรือที่โบสถ์ที่เขาเน้นการช่วยเหลือผู้อื่น นอกจากนี้เรายังสามารถทำมันได้โดยตรงโดยการช่วยเหลือเพื่อนบ้านตามความสามารถที่เรามี
และอย่าให้ใครมาบ่นว่า “ฉันมีเวลาไม่พอ”
ฉันขอเตือนคุณว่าเราทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน แต่มันขึ้นอยู่ที่ว่าตัวเราจะเลือกวิธีการ หรือบริหารในการใช้เวลานั้นๆอย่างไร
แล้วทำไมคุณไม่เลือกที่จะใช้เวลาของคุณเพื่อคนอื่นบ้างละ?
การเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษาในเขตชุมชนวัด
วิธีเฉพาะในการเป็นพรแก่ผู้อื่นด้วยเวลาของเราคือการให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว
ด้วยวิธีนี้เราจึงมอบตัวเองเพื่อช่วยให้พวกเขามีทัศนคติชีวิตที่ดีขึ้น
มีมุมมองที่แตกต่างออกไปโดยอาศัยพระคำของพระเจ้า เราและเขาก็จะเติบโตขึ้นไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย
ทางวิญญาณ อารมณ์ หรือทั้งสามอย่าง
การอธิษฐานเผื่อผู้อื่น
เป็นตัวเลือกสุดท้ายและตัวเลือกที่สำคัญที่สุด เพราะนี่คือสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้
เราทุกคนสามารถอธิษฐานเผื่อผู้อื่นได้ และเราสามารถเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ ทันที
การเป็นพรแก่ผู้อื่น
พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเราแต่ละคนไม่ว่าจะมากหรือน้อย จงมองหาวิธีที่จะใช้พรของพระองค์ที่มอบให้กับเราเพื่อส่งต่อความรักของพระองค์และเป็นพรที่เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นในทุกๆวัน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
Peterdehaan
ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น