วิธีอธิษฐานเมื่อชีวิตเจอความลำบาก
เมื่อการใช้ชีวิตดูยากขึ้น การอธิษฐานก็ยากขึ้น ความเศร้าโศก
ความเจ็บป่วย ความซึมเศร้า และความโกรธได้รุกล้ำชีวิตของเราและเราก็ยึดมั่นในความดื้อรั้น
ความรู้สึกเหล่านี้มันได้ขโมยความปรารถนาในการอยากที่จะอธิษฐานและความเชื่อของเราในการอธิษฐานไป(ในเวลาที่เราต้องการมากที่สุด)
เมื่อร่างกายและจิตใจอ่อนล้า เราพยายามดิ้นรน เพียงเพื่อให้ผ่านพ้นวันนี้ไปได้จนอาจทำให้เราออกห่างจาก "พระเจ้าผู้เป็นที่รัก"
ฉันพบว่าเป็นการยากที่จะบรรลุความคาดหวังของพระคัมภีร์เกี่ยวกับการอธิษฐาน
ข้าพเจ้าล้มเหลวในการอธิษฐาน "ด้วยการขอบพระคุณ" (ฟป. 4:6) เมื่อสถานการณ์ที่ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนมาเป็นเวลานานกลับเลวร้ายลง
จะมีพวกเราสักกี่คนที่สวดอ้อนวอน
"โดยไม่หยุด" (1 ธส. 5:17, KJV) เมื่อคลื่นแห่งความเศร้าโศกกระทบเรา ดึงเราลง
และรั้งเราไว้? เมื่อความผิดหวังและความโกรธ บวกกับแผนการที่พังทลายและความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวได้กลืนกินความคิดและจิตใจที่ไม่สงบของเรา
เราจะพบกับพลังงานทางอารมณ์ที่อยากจะสวดอ้อนวอนต่อไปได้ที่ไหน?
แต่พระเจ้าสั่งให้เราอธิษฐาน พระองค์ไม่ได้ทำให้การอธิษฐานเป็นทางเลือก
พระองค์ไม่ได้ประทานข้อแก้ตัวให้เราละทิ้งจากการอธิษฐาน
เมื่อชีวิตกลายเป็นเรื่องยาก พระเจ้ารู้ดีว่ากระบวนการทางความคิดของเราเกี่ยวกับ
"บางสิ่ง" ที่เรามองไม่เห็นอาจดูไม่เพียงพอเมื่อเราต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานที่กำลังเกิดขึ้น
ดังนั้น การใช้เวลาอยู่คนเดียวในห้องของเรา แล้วอธิษฐานในสิ่งเดิมๆอีกครั้ง อาจดูเดีกว่าการเดินไปแบบไร้จุดหมาย
พระองค์คงรู้ว่าเราแต่ละคนจะต้องมาถึงวันที่ต้องเจอกับความยากลำบากในชีวิต
และเมื่อเผชิญกับแรงกระตุ้นหรือความท้าทายในการอธิษฐาน เราหลายคนจะพูดว่า
"ฉันทำไม่ได้" และฉันจะไม่ทำต่อ
ในการเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้า
การอธิษฐานจะต้องเป็นสิ่งที่ Oswald Chambers
เรียกว่า
"ความพยายามของเจตจำนง"
เมื่อชีวิตยากลำบาก ความพยายามใดๆ อาจดูเหมือนมากเกินไป
แต่ถ้าเราสำรวจวิธีสวดอ้อนวอนที่อาจง่ายกว่าด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายและอารมณ์ที่จำกัด
เราก็อาจตั้งเจตจำนงของเราไปในทิศทางของการอธิษฐานได้ง่ายขึ้น
วิธีอธิษฐานเมื่อชีวิตลำบาก:
1. หาสถานที่เพื่ออธิษฐาน
พระเยซูมักจะไปอธิษฐานในที่เปลี่ยว เช่น บนยอดเขา ทะเลสาบ และสวน (ดู
มธ.14:23, 26:36-46, มาระโก1:35; และยอห์น 6:22-24) เราไม่สามารถจัดทริปขึ้นไปบนยอดเขาได้เสมอไป
แต่เราสามารถหาสถานที่อธิษฐานที่น่าสนใจได้ เข้าไปในวิหารของโบสถ์
แล้วมองไปที่ไม้กางเขนหรือหน้าต่างกระจกสี ใช้เวลาเงียบๆ ในห้องทำงาน หรือในบ้านของคุณ
หรือเพียงแค่ออกไปเดินเล่นเพื่อชื่นชมสิ่งสร้างของพระเจ้า
เราสามารถอธิษฐานได้ทุกที่ แต่จะให้ดีควรเป็นที่ที่เงียบสงบ
2. ใช้คำอธิษฐานของคนอื่น
เมื่อเราไม่รู้ว่าจะอธิษฐานอย่างไรดี เราสามารถใช้คำอธิษฐานของคนอื่นได้
พระคัมภีร์เต็มไปด้วยคำอธิษฐาน เช่น คำขอร้องของโมเสสในขณะที่เขาพยายามนำประชากรของพระเจ้า
: ฟังกษัตริย์แห่งอิสราเอลอธิษฐานขอความช่วยเหลือในการต่อสู้ : ยืมถ้อยคำของผู้ประพันธ์เพลงสดุดีขณะที่พวกเขาสวดอ้อนวอนขอการช่วยกู้
การปกป้อง และการให้อภัย : ในพันธสัญญาใหม่
ให้ใคร่ครวญพระวจนะของพระเยซูและอัครสาวก
ตัวอย่างเช่น คำอธิษฐานของกษัตริย์เยโฮชาฟัท
ผู้ส่งสารทักทายเขาด้วยคำพูดเหล่านี้: "กองทัพใหญ่กำลังโจมตีคุณ" (2 พงศาวดาร 20:2) อนาคตของอาณาจักรของเขาตกอยู่ในอันตราย
เขาและประชาชนของเขาติดกับดักโดยคู่ต่อสู้ที่มีอำนาจ พระราชาทรงฟังพระวจนะนี้แล้วอธิษฐานว่า
" เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลายไม่มีกำลังอำนาจจะรับมือกับกองทัพใหญ่ที่มาโจมตีนี้
ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ได้แต่หวังพึ่งพระองค์” " (ข้อ 12) ฉันได้ยืมคำพูดของกษัตริย์ที่ถูกปิดล้อมเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกครอบงำโดยสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉัน
คำอธิษฐานของเขาเป็นเหมือนเปลวไฟที่ยิงไปที่พระเจ้าผู้ทรงช่วย
ลองใช้คำอธิษฐานอื่นๆ ร่วมด้วย เช่นเพลงนมัสการหรือจากหนังสือสวดภาวนา
3. ใคร่ครวญชีวิตของพระเยซู
พระเยซูทรงมีชีวิตที่ยากลำบาก
เราจะพบบางสิ่งในชีวิตของพระองค์ที่สะท้อนช่วงเวลาที่ยากลำบากของเราได้หรือไม่? คำสอนของพระเยซูบอกเราเกี่ยวกับเวลาที่พระองค์ทรงสวดอ้อนวอนคนเดียวในตอนกลางคืน
เต็มไปด้วยอารมณ์ที่พระองค์ทรงหลั่งพระโลหิต เราสามารถอ่านเกี่ยวกับการทรยศโดยเพื่อนของพระองค์และองค์กรทางศาสนา
เราสงสัยว่าพระองค์ต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน ที่ถูกเข้าใจผิดโดยครอบครัวของพระองค์
พระองค์ทรงรู้สึกเศร้าโศกเมื่อถูกตำหนิแทนที่จะยกย่องเพราะทำการอัศจรรย์หรือไม่? พระองค์ทรงคิดอะไรขณะที่ทรงร้องไห้ให้กับหลุมศพของลาซารัสเพื่อนของพระองค์?
พระองค์ทรงพบกำลังที่จะเดินไปบนทางสู่การตรึงกางเขนของพระองค์ได้อย่างไร? เราสามารถเชื่อมโยงกับเสียงร้องของพระองค์บนไม้กางเขนว่า
"พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนพระองค์ทอดทิ้งข้าพระองค์" (มธ. 27:46)?
ฉันรู้สึกกลัวและขี้ขลาดเมื่อฉันต้องการความสงบและความกล้าหาญ
ฉันได้คิดถึงภาพพระเยซูเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์
แม้จะรู้ว่าวันข้างหน้าเป็นอย่างไร พระเยซูก็ทรงดำเนินเข้าสู่วิกฤตของพระองค์ทันที
สิ่งไม่ยุติธรรมและน่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้นกับพระองค์ ความอัปยศอดสูและความตายรออยู่
หากพระองค์สามารถเดินเข้าไปในสิ่งนั้น
ด้วยกำลังของพระองค์ ฉันก็สามารถเดินเข้าไปในประสบการณ์ที่ฉันกำลังเผชิญอยู่ได้เช่นกัน
เมื่อมีพระองค์
เมื่อเราใคร่ครวญถึงชีวิตของพระเยซูในลักษณะนี้ เราได้เชื่อมต่อกับพระองค์และแบ่งปันประสบการณ์ของเรากับพระองค์
นี่ก็เป็นวิธีการอธิษฐานเช่นกัน
4. อธิษฐานด้วยข้อพระคำภีร์ซ้ำไปมา
การสวดอ้อนวอนบ่อยๆโดยใช้คำสองสามคำเดียวกันอาจช่วยได้ ถ้อยคำเหล่านี้คุณสามารถสวดโดยออกเสียง
กระซิบ หรือพูดในใจขณะทำกิจกรรมอื่นได้
ไม่มีเวทมนตร์ในการทำซ้ำคำเหล่านี้
แต่สิ่งที่คุณกำลังมองหาคือการอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจถึงความจริงที่คุณจำเป็นต้องยึดถืออย่างยิ่ง
มันเป็นจุดรวมของความสนใจได้เมื่อความคิดของเรากำลังหลุดการโฟกัสไปด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แล้วความตื่นตระหนกและความเศร้าโศกที่กำลังเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจะคลี่คลายลง
เมื่อคุณเริ่มพูดพระคำของพระเยซูซ้ำแล้วซ้ำอีก: "เรามอบสันติสุขแก่พวกท่าน
สันติสุขที่เราให้ไม่เหมือนที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านทุกข์ร้อนและอย่ากลัวเลย"
(ยอห์น 14:27)
5. ระลึกถึงการวิงวอนของพระวิญญาณบริสุทธิ์
การสนับสนุนของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อเรามีอย่างไม่หยุดยั้ง ท่านเปาโลบอกเราว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์อธิษฐานเพื่อเราเมื่อเราอ่อนแอ
เมื่อเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอธิษฐานอย่างไรหรือจะอธิษฐานอย่างไร (ดู โรม 8:26:27)
เฉกเช่นโจทก์หรือจำเลยที่สับสน
โดยไม่มีความสามารถที่จะแก้ต่างในคดีของตัวเองก่อนที่ผู้พิพากษาและคณะลูกขุนจะขอให้ทนายความพูดแทนเขา
เพื่อที่เราจะสามารถมอบคดีของเราไว้กับพระวิญญาณบริสุทธิ์และนิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ความเงียบนี้ไม่ได้หมายความถึงการขาดความสนใจในการดำรงอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า
แต่เป็นการเลือกที่จะเป็นตัวแทนของคำวิงวอนของพระวิญญาณบริสุทธิ์
6. ท่าทีของการอธิษฐาน
มีเหตุผลที่ดีสำหรับท่าทีในการอธิษฐานแบบดั้งเดิมของการเก็บมือและตาที่ปิด:
ยิ่งเรามองเห็นและสัมผัสน้อยเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมุ่งเน้นไปที่การอธิษฐานได้มากขึ้นเท่านั้น
แต่เมื่อใจและความคิดของเรากำลังวิ่งแข่งกัน
แม้แต่ท่าอธิษฐานแบบดั้งเดิมนี้ก็อาจไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เรามีสมาธิ บางครั้ง
เราอาจต้องการท่าทางที่ดูตั้งใจมากขึ้น เช่น คุกเข่าหรือแม้กระทั่งนอนราบกับพื้น
เมื่อก้มหน้าลงกับพื้น
7. การเขียนลงกระดาษ
แค่คิดถึงปัญหาของเราก่อนอธิษฐานก็อาจทำให้เราหมดอารมณ์ และขุ่นเคืองด้วยความโกรธได้
เมื่อฉันเล่าให้เพื่อนฟังว่าฉันพยายามสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ยากลำบากกับเพื่อนคนหนึ่งของฉัน
เธอแนะนำให้ฉันเขียนคำอธิษฐานที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของปัญหา
จากนั้นเธอก็แนะนำให้ฉันอ่านคำอธิษฐานนี้ทุกครั้งที่รู้สึกว่าจำเป็นต้องอธิษฐาน
โดยเน้นที่ใจและความคิดของฉันไปที่คำที่ฉันเขียนไปแล้ว
การมีแผนสำหรับการสวดอ้อนวอนนั้นช่างทำให้โล่งใจจริง ๆ ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องคิดคำอธิษฐานใหม่ในทุกวัน
8. อธิษฐานด้วยน้ำตาของคุณ
มารีย์ร้องไห้แทบพระบาทของพระเยซูหลังจากลาซารัสน้องชายของเธอสิ้นชีวิต
(ดู ยอห์น 11:32-33) คุณจำเวลาที่คุณร้องไห้กับคนอื่นได้ไหม? คุณจำการปลดปล่อยอารมณ์และความผูกพันในภายหลังกับบุคคลนั้นหลังจากน้ำตาได้หรือไม่? เราสามารถเปิดใจของเราต่อพระเจ้าและกระชับความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ให้แน่นแฟ้นขึ้นโดยการร้องไห้ต่อหน้าพระองค์ น้ำตาของเราก็เป็นการอธิษฐานได้
9. ระบายความโกรธของคุณ
ความโกรธปิดกั้นการสื่อสาร คุณโกรธพระเจ้าเกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้น
บอกพระองค์ว่าคุณรู้สึกอย่างไร
ทำตามตัวอย่างของโยบในการพูดคุยกับพระเจ้าด้วยความซื่อสัตย์และให้เกียรติ พูดออกมา
จดไว้ และคอยดูคำตอบของพระองค์
10. เงียบ
เฉพาะเพื่อนที่ดีที่สุดเท่านั้นที่สามารถนั่งด้วยกันอย่างเงียบ ๆ
ได้อย่างสบายใจ ผู้เขียนสดุดีเตือนเราให้ “นิ่งเสีย
และรู้ว่าเราคือพระเจ้า” (สดุดี 46:10) และทำให้เรามั่นใจว่า
ปล่อยให้ตัวเองนั่งเงียบ ๆ ต่อหน้าพระเจ้า
11. ขอคำอธิษฐานจากผู้อื่น
เพื่อปลดปล่อยพลังของพระเจ้าในสนามรบ เพื่อนๆ ของโมเสสช่วยเขาถือไม้เท้า (ดู อพย. 17:8-13) ในทำนองเดียวกัน คำอธิษฐานของผู้อื่นก็ช่วยสนับสนุนเราและปลดปล่อยพลังของพระเจ้าเข้าสู่การต่อสู้ในชีวิตของเราได้
ต้องมีสักคนแหละที่มุ่งมั่นอยากจะอธิษฐานเผื่อคุณ
เมื่อฉันมองออกไปนอกหน้าต่างในห้องของโรงพยาบาลนั้น
ฉันรู้สึกชัดเจนว่าคนอื่นกำลังสวดอ้อนวอนให้ฉัน ความเหงาของฉันคลี่คลายและการต่อสู้เพื่ออธิษฐานดูผ่อนคลาย
ฉันไม่ต้องค้นหาคำในการอธิษฐานอีกต่อไป เพราะฉันรู้ว่าคำอธิษฐานของคนอื่นจะนำฉันเข้าเฝ้าพระเจ้าได้
คุณเชื่อหรือไม่?
ในพิธีไว้อาลัยให้กับลูกสาววัยทารกแรกเกิดของเรา
เราอ่านพระวจนะที่พระเยซูตรัสถึงมารธาผู้โศกเศร้าสี่วันหลังจากการตายของพี่ชายของเธอ
พระเยซูตรัสกับเธอว่า: "
“เราคือผู้ที่ทำให้คนเป็นขึ้นจากตายและให้ชีวิตแก่เขา
ผู้ที่เชื่อในเราจะมีชีวิตอยู่แม้ว่าเขาตายไป 26และไม่ว่าใครที่มีชีวิตอยู่และเชื่อในเราจะไม่ตายเลย
เจ้าเชื่ออย่างนี้หรือไม่?”.... มารธาตอบว่า " ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์คือพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้เสด็จเข้ามาในโลก”
" (ยอห์น 11:25-27) จากนั้นพระเยซูก็ไปที่อุโมงค์ฝังศพ ครู่ต่อมาลาซารัสเดินออกจากหลุมฝังศพ ฟื้นคืนชีพ
ข้อคิดไตร่ตรอง
วันนี้ลองถามตัวเองว่า คุณเชื่อหรือไม่ว่า โดยพระองค์คุณจะสามารถก้าวผ่านทุกมรสุมของชีวิตไปได้
วันนี้ ตอนนี้ คุณเชื่อในพระเยซูเจ้ามากพอหรือยัง? อย่าลืมให้เวลากับการอธิษฐานและ
ศึกษพระคำของพระองค์ให้มากขึ้น
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
Justbetweenus
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น