วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ฉันจะรักผู้อื่นได้อย่างไร

 


ฉันจะรักผู้อื่นได้อย่างไร

พระเยซูทรงบัญชาให้เรารักกันดังที่พระองค์ทรงรักเรา พระองค์ตรัสในยอห์น 13:34 ว่า “เราให้บัญญัติใหม่แก่ท่าน คือให้รักกัน เหมือนที่เราได้รักท่าน ท่านต้องรักกันด้วย”

 

พระบัญญัตินี้ปรากฏในที่อื่นๆ อีกหลายแห่งในพันธสัญญาใหม่ เช่น ในยอห์น 13:34, ยอห์น 15:12, ยอห์น 15:17, โรม 13:8, 1 เธสะโลนิกา 3:12, 2 เธสะโลนิกา 1:3, 1 เปโตร 1: 22 , 1 ยอห์น 3:11, 1 ยอห์น 3:23, 1 ยอห์น 4:7, 1 ยอห์น 4:11-12 และ 2 ยอห์น 5.

 

การรักผู้อื่นเป็นเรื่องใหญ่ เป็นบัญญัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดข้อหนึ่ง และเป็นแก่นแท้ของศาสนาคริสต์ แต่เราจะทำอย่างไร?

 

ก่อนหน้านี้ฉันได้ศึกษาคำศัพท์เกี่ยวกับความรักและได้เรียนรู้ว่าความรักในพระคัมภีร์ส่วนใหญ่เป็นการกระทำ คำถามคือ การกระทำอะไรที่แสดงถึงความรักต่อกัน?

 

โชคดีที่พระเจ้าไม่ได้ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกลับหรือเกินการคาดเดา ตรงกันข้าม พระองค์ประทานคำแนะนำโดยละเอียดพร้อมวิธีที่เราสามารถรักกันได้ดังที่พระองค์ทรงรักเรา ต่อไปนี้คือบางสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อรักผู้อื่น และวิธีที่พระเยซูทรงทำสิ่งเหล่านี้เพื่อเรา

 

*พระคัมภีร์ทั้งหมดนำมาจากเวอร์ชัน TNCV

1. รักผู้อื่นด้วยการให้กำลังใจ

 ความรักนั้นก็อดทน ความรักนั้นเมตตา...

คุณรักผู้อื่นได้โดยให้กำลังใจพวกเขา เมื่อคุณให้กำลังใจใครสักคน เท่ากับว่าคุณให้ความกล้าหาญ การสนับสนุน และความหวังแก่พวกเขา คุณช่วยให้พวกเขาผ่านการทดลองและก้าวไปข้างหน้า คำพูดให้กำลังใจสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากมายในชีวิตของผู้อื่น และเราควรมีให้อย่างไม่จำกัด

 

พระเยซูทรงยกตัวอย่างหลายครั้งกับเหล่าสาวกของพระองค์ ดังที่แสดงไว้ในยอห์น 14:1 ยอห์น 14:27 ยอห์น 16:33 พระองค์ยังทรงให้กำลังใจและปลอบโยนเราในทุกวันนี้ และทรงต้องการให้เราปลอบโยนผู้อื่นด้วย (2 โครินธ์ 1:3-5)

 

เหตุ​ฉะนั้นจงปลอบใจกันและกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้​เถิด” – 1 เธสะโลนิกา 4:18

 

เหตุ​ฉะนั้นจงหนุนใจกัน และต่างคนต่างจงก่​อกันขึ้น ตามอย่างที่ท่านกำลังทำอยู่​นั้น” – 1 เธสะโลนิกา 5:11

 

ท่านจงเตือนสติกันและกันทุกวัน ตลอดเวลาที่เรียกว่า “​วันนี้​” เพื่อว่าจะไม่​มี​ผู้​ใดในพวกท่านมีใจแข็งกระด้างไปเพราะเล่ห์กลของบาป ” – ฮีบรู 3:13

 

24และให้เราพิจารณาดู​กันและกัน เพื่อเป็นเหตุ​ให้​มี​ความรักและกระทำการดี 25ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้​หยุด เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น แต่​จงเตือนสติ​กันและกัน และให้มากยิ่งขึ้นเมื่อท่านทั้งหลายเห็​นวันเวลานั้นใกล้​เข้ามาแล้ว” - ฮีบรู 10:24-25

 

2. อธิษฐานเผื่อกัน

“…ไม่อิจฉาริษยากัน…”

 

แสดงความรักด้วยการอธิษฐานเผื่อผู้อื่น เพื่อนฝูง และศัตรู เมื่อคุณยกผู้อื่นให้อยู่ต่อหน้าพระเจ้า แสดงว่าคุณคิดถึงพวกเขา ใส่ใจในความต้องการของพวกเขา และต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา

 

เมื่อพระเยซูทรงดำเนินบนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงอธิษฐานเผื่อผู้อื่นเป็นประจำ พระองค์ทรงอธิษฐานเผื่อสาวกของพระองค์และผู้เชื่อทุกคนในยอห์น 17 และพระองค์ยังทรงอธิษฐานเผื่อศัตรูของพระองค์ แม้แต่คนที่ตรึงพระองค์ (ลูกา 23:34)

 

ท่านทั้งหลายจงสารภาพความผิดต่​อกันและกัน และจงอธิษฐานเพื่​อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้หายโรค คำอธิษฐานด้วยใจร้อนรนอย่างเอาจริงเอาจังของผู้ชอบธรรมนั้​นมีพลังมากทำให้​เกิดผล” – ยากอบ 5:16

 

3. ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างนอบน้อมถ่อมตน

“…ไม่โอ้อวด ไม่หยิ่งผยอง…”

 

การรักผู้อื่นหมายถึงการทำให้พวกเขาอยู่เหนือตัวเอง ซี.เอส. ลูอิสกล่าวว่า “ความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ใช่การคิดถึงตัวเองน้อยลง แต่คิดถึงตัวเองน้อยลง” คุณสามารถแสดงท่าทีสุภาพต่อผู้อื่นด้วยการฟังพวกเขา ไม่โทษพวกเขาสำหรับความผิดพลาดของคุณ ยอมรับคำวิจารณ์หรือติเตียนของพวกเขา รับความช่วยเหลือ คำนึงถึงเขา แสดงความสนใจในพวกเขา และไม่คิดหรือทำเหมือนว่าคุณดีกว่าหรือสำคัญกว่าพวกเขา .

 

พระเยซูทรงถ่อมพระองค์ลงเป็นมนุษย์และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน (ฟิลิปปี 2:8) พระองค์ทรงถ่อมตนต่อบิดามารดาทางโลกและเชื่อฟังพวกเขา (ลูกา 2:51) พระองค์ไม่เคยยกตัวเองขึ้น พระองค์ทรงฟังข้อกังวลของผู้อื่น และคิดถึงพวกเขามากขึ้นเสมอ

 

จงยอมฟั​งกันและกันด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า” - เอเฟซัส 5:21

 

อย่าทำสิ่งใดในทางทุ่มเถียงกันหรืออวดดี แต่​จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว” – ฟิลิปปี 2:3

 

“…ในทำนองเดียวกัน ท่านที่อ่อนอาวุ​โส ก็​จงยอมตามผู้​อาวุโส อั​นที่จริงให้ท่านทุกคนคาดเอวไว้ด้วยความถ่อมใจในการปฏิบั​ติ​ต่​อกันและกัน ด้วยว่าพระเจ้าทรงต่อสู้คนเหล่านั้​นที่ถือตัวจองหอง แต่​พระองค์​ทรงประทานพระคุณแก่คนทั้งหลายที่ถ่อมใจลง” – 1 เปโตร 5:5

 

4. มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับทุกคน

“…ไม่ดูหมิ่นผู้อื่น…”

 

คุณรักเหมือนพระคริสต์เมื่อคุณไม่เลือกปฏิบัติแต่ยอมรับทุกคนโดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังของพวกเขา ยินดีต้อนรับผู้อื่นที่อาจมีเชื้อชาติ ทัศนะทางการเมือง ฯลฯ แตกต่างออกไป และปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเมตตาและความเคารพ

 

พระเยซูต้อนรับทุกคน! พระองค์เล่นกับเด็ก ๆ ให้ความสำคัญแก่สตรี  โต้ตอบกับชาวสะมาเรีย รับประทานอาหารเย็นกับคนเก็บภาษี สัมผัสคนโรคเรื้อน ฯลฯ พระองค์ยังคงต้อนรับใครก็ตามที่จะมาหาพระองค์ในวันนี้ โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังของพวกเขาและชำระล้างให้พวกเขาด้วยความรักของพระองค์

 

“จงรั​กกันฉันพี่​น้อง ส่วนการที่​ให้เกียรติ​แก่​กันและกันนั้น จงถือว่าผู้อื่นดีกว่าตัว” – โรม 12:10

 

“เหตุ​ฉะนั้นจงต้อนรั​บกันและกัน เช่นเดียวกั​บที่พระคริสต์​ได้​ทรงต้อนรับเราทั้งหลายเพื่อพระเกียรติของพระเจ้า” – โรม 15:7

 

“แสดงความเอื้ออาทรต่อกันโดยไม่บ่น” – 1 เปโตร 4:9

 

5. รับใช้ผู้อื่นด้วยความรัก

“…มันไม่ใช่การค้นหาตัวเอง…”

 

การรักผู้อื่นคือการรับใช้พวกเขา คุณรักผู้อื่นเมื่อคุณทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อพวกเขาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อาจเป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบทำ และนั่นอาจจะทำให้คุณต้องมีค่าจ่ายหรือไม่ได้รับความสะดวก จำไว้ว่า ไม่มีความรักใดที่ปราศจากรับใช้

 

พระเยซูตรัสว่ามาเพื่อรับใช้ผู้อื่น (มาระโก 10:45) พระองค์ทรงทำให้สำเร็จตลอดชีวิตโดยปาฏิหาริย์มากมายที่ทรงทำ ปฏิบัติศาสนกิจผู้ป่วย ยอมให้พระองค์ถูกขัดจังหวะเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ฯลฯ พระองค์ทรงแสดงความรักและการรับใช้ที่สำคัญที่สุดบนไม้กางเขนเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา

 

“ฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระอาจารย์ของท่าน ได้​ล้างเท้าของพวกท่าน พวกท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วย” – ยอห์น 13:14

 

“พี่​น้องทั้งหลาย ที่​ทรงเรียกท่านก็​เพื่อให้​มี​เสรีภาพ อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง แต่​จงรับใช้ซึ่​งกันและกันด้วยความรักเถิด” - กาลาเทีย 5:13

 

“แต่ละคนควรรับใช้ผู้อื่นตามของประทานที่ได้รับมา บริหารของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้าในรูปแบบต่างๆ ที่ได้รับมาอย่างสัตย์ซื่อ” - 1 เปโตร 4:10

 

6.อยู่กันอย่างสันติสุข

“…ไม่ได้โกรธง่าย…”

 

เรารักกันโดยอยู่อย่างสันติกับพวกเขา คุณสามารถอยู่อย่างสงบสุขร่วมกับผู้อื่นได้โดยไม่แสดงความคิดเห็นหรือกล่าววาจาที่แสดงความเกลียดชังต่อพวกเขา ไม่สร้างปัญหา ไม่ยั่วยุ ฯลฯ และเมื่อเกิดความขุ่นเคือง พยายามสร้างสันติภาพด้วยการขอโทษหรือให้อภัยกัน

 

พระเยซูทรงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน พระองค์ไม่ทรงยั่วยุผู้อื่น และพระองค์ไม่ทรงปล่อยให้ตนเองถูกยั่วยุ พระองค์ไม่ทรงแสวงหาการทะเลาะวิวาทหรือการต่อสู้ และเมื่อพวกฟาริสีทดสอบพระองค์ พระองค์ทรงตอบด้วยความรักเสมอ

 

“จงอยู่ร่วมกันด้วยความกลมเกลียว อย่าหยิ่งผยอง แต่จงเต็มใจคบหาสมาคมกับคนที่มีฐานะต่ำ อย่าทะนงตน” – โรม 12:16

 

“ขอพระเจ้าผู้ประทานความทรหดอดทนและกำลังใจทรงโปรดให้ท่านทั้งหลายติดตามพระเยซูคริสต์ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” -โรม 15:5

 

“เกลือเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามันหมดความเค็มแล้วจะทำให้กลับเค็มอีกได้อย่างไร? ท่านจงมีเกลืออยู่ในตัวและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข" – มาระโก 9:50

 

“เราอย่าอวดดี ยั่วโมโห และอิจฉากันเลย” -กาลาเทีย 5:26

 

“จงถ่อมใจและสุภาพอ่อนโยนในทุกด้าน จงอดทนอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” - เอเฟซัส 4:2

 

7. แสดงความรักด้วยการให้อภัย

“…ไม่จดจำความผิด…”

 

เมื่อเรารักผู้อื่นอย่างแท้จริง เราจะให้อภัยเขา เราจะละทิ้งความขุ่นเคืองที่มีต่อพวกเขาและเลือกที่จะไม่ถือโทษพวกเขา หากคุณปิดบังการไม่ให้อภัยใครซักคนในใจ คุณตัดสินใจที่จะทำแบบนั้นมากกว่าที่จะคืนดีกัน คุณเลือกสถานการณ์แทนความสัมพันธ์ และนั่นไม่ใช่ความรักแน่นอน เพราะการให้อภัยคือการแสดงความรัก เราไม่สามารถมีความรักได้หากปราศจากการให้อภัย

 

พระเยซูทรงให้อภัยผู้อื่นเสมอไม่ว่าจะทำอะไร พระองค์ทรงยกโทษให้คนที่รักพระองค์และคนที่ไม่รักพระองค์ สิ่งสุดท้ายที่พระองค์ทรงทำก่อนสิ้นพระชนม์คือการให้อภัยผู้ที่ตรึงพระองค์ไว้ และพระองค์ยังคงให้อภัยทุกคนที่ทูลขอพระองค์ในวันนี้ด้วย

 

“จงเมตตาและสงสาร เห็นใจกันและกัน ให้อภัยต่อกันเหมือนที่พระเจ้าทรงอภัยแก่ท่านในพระคริสต์” – เอเฟซัส 4:32

 

“จงอดทนอดกลั้นต่อกันและกัน และไม่ว่าท่านมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจประการใดต่อกันก็จงยกโทษให้กัน ท่านจงยกโทษให้กันเหมือนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงยกโทษให้ท่าน” – โคโลสี 3:13

 

“จงสอดส่องดูแลอย่าให้ใครทำชั่วตอบแทนการชั่ว แต่จงพากเพียรทำดีต่อกันและดีต่อคนอื่นๆ ทุกคนเสมอ” – 1 เธสะโลนิกา 5:15

 

8.อย่าด่าคนอื่น

“…ความรักไม่ชื่นชมยินดีในความชั่ว..”

 

การบ่น พูดใส่ร้ายผู้อื่น การดูถูก และนินทาเป็นการไม่แสดงความรักต่อผู้อื่น ตรงกันข้าม สิ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่การโต้เถียง การทะเลาะวิวาท และความเกลียดชัง คุณสามารถรักผู้อื่นได้โดยการพูดจาดีๆ เกี่ยวกับพวกเขาเสมอ และแต่งเติมคำพูดเกี่ยวกับพวกเขาด้วยความรักและความสง่างาม

 

พระเยซูไม่เคยนินทาหรือประพฤติหยาบคายต่อผู้อื่น พระองค์ไม่เคยบ่นเกี่ยวกับผู้ที่ปฏิบัติต่อพระองค์อย่างไม่ยุติธรรม และพระองค์ไม่ได้ดูหมิ่นพวกเขา พระองค์ไม่ทรงกล่าวร้ายสาวกของพระองค์เมื่อพวกเขาละทิ้งพระองค์และปฏิเสธพระองค์

 

“พระเยซูตรัสตอบว่า “หยุดบ่นกันได้แล้ว” – ยอห์น 6:43

 

“พี่น้องทั้งหลายอย่าใส่ร้ายกัน ผู้ใดกล่าวร้ายหรือตัดสินพี่น้องก็กล่าวร้ายและตัดสินบทบัญญัติ เมื่อท่านตัดสินบทบัญญัติ ท่านก็ไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัตินั้นแต่ตั้งตนเป็นผู้ตัดสิน…” - ยากอบ 4:11

 

“พี่น้องทั้งหลายอย่าบ่นว่ากันเพื่อจะไม่ถูกตัดสินโทษ องค์ผู้พิพากษาทรงยืนอยู่ที่ประตูแล้ว!” – เจมส์ 5:9

 

9. พูดความจริงกับคนอื่นด้วยความรัก

“…แต่ชื่นชมยินดีด้วยความจริง…”

 

การบอกความจริงอันเจ็บปวดแก่กันและกันเป็นการกระทำของความรัก เมื่อผู้อื่นอยู่ในความผิดพลาดหรือทำบาป อย่าปล่อยให้พวกเขาทำสิ่งผิดต่อไปเพราะกลัวว่าจะทำให้พวกเขาขุ่นเคือง แต่ให้เราแสดงความรักโดยการบอกกล่าวอย่างอ่อนโยนและเป็นส่วนตัวด้วยความเมตตาและกรุณา สร้างพวกเขาด้วยความจริง(ของพระเจ้า) อย่าทำลายพวกเขาด้วยการโกหกหรือการละเลย

 

พระเยซูไม่เคยโกหกและไม่เคยเบือนหน้าหนีจากการบอกความจริงอันเจ็บปวด พระองค์ทรงเรียกพวกฟาริสีถึงความหน้าซื่อใจคดของพวกเขา (มัทธิว 23:1-39) และตำหนิสาวกของพระองค์เมื่อพวกเขาประพฤติตัวไม่เหมาะสม (มัทธิว 16:23) หลายคนถึงกับละทิ้งพระองค์เพราะพระดำรัสของพระองค์ (ยอห์น 6:66) อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงพูดความจริงเสมอเพราะมันทำให้เราเป็นไทและเพราะพระองค์ทรงรักเรา

 

“แต่โดยการพูดความจริงด้วยความรัก เราจะเติบโตขึ้นในทุกสิ่งสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์” – เอเฟซัส 4:15

 

“เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายต้องทิ้งสิ่งจอมปลอมและพูดความจริงต่อเพื่อนบ้านของตน เพราะเราทั้งปวงล้วนเป็นอวัยวะในกายเดียวกัน” – เอเฟซัส 4:25

 

“อย่าโกหกกันในเมื่อท่านสลัดทิ้งตัวตนเก่าๆ พร้อมกับความประพฤติเดิมๆ แล้ว” - โคโลสี 3:9

 

“จงให้พระวจนะของพระคริสต์เปี่ยมล้นอยู่ในท่านขณะที่ท่านสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น และขณะที่ท่านร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และบทเพลงฝ่ายวิญญาณด้วยใจกตัญญูต่อพระเจ้า” – โคโลสี 3:16

 

10. ช่วยรับภาระคนอื่น

…ปกป้องเสมอ เชื่อใจเสมอ มีความหวังอยู่เสมอ อดทนเสมอ…”

 

คุณสามารถแสดงความรักต่อผู้อื่นได้โดยแบกรับสิ่งที่ถ่วงพวกเขาไว้ (ปัญหาที่หนักใจ) การทำเช่นนี้จะช่วยลดภาระที่พวกเขาต้องแบกรับและช่วยให้พวกเขาผ่านการทดลองต่างๆ ได้ คุณสามารถทำได้โดยการอยู่เคียงข้างพวกเขา เช่น เพื่อนของโยบ รับฟัง ยื่นไหล่ให้ร้องไห้ ฯลฯ

 

พระเยซูทรงแบกภาระของผู้อื่นและยังทรงทำอยู่จนถึงทุกวันนี้ พระองค์ทรงแบกรับบาปหนักของเราและทรงรับโทษของเรา (อิสยาห์ 53:6) พระองค์ทรงแบกรับปัญหาและความกังวลของเรา และประทานสันติสุขและการพักผ่อนแก่เรา (มัทธิว 11:28-30)

 

“จงช่วยรับภาระของกันและกัน ทำดังนี้แล้วท่านก็ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระคริสต์” – กาลาเทีย 6:2

 

สรุปแล้ว

 

"…รักไม่เคยทำให้ผิดหวัง." – 1 โครินธ์ 13:4-8 (NIV)

 

ว้าว! การมีความรักที่เหมือนพระเยซูไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พระสิริจงมีแด่พระเจ้าตลอดไป เราไม่ต้องทำด้วยกำลังของเราคนเดียว! พระเยซูทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มาให้เรา และด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ เราสามารถรักผู้อื่นเช่นนั้นได้อย่างแท้จริง

 

คู่มือนี้ไม่ได้ละเอียดถี่ถ้วน แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หากคุณต้องการเรียนรู้ที่จะรักซึ่งกันและกันเหมือนพระเยซู

ขอพระคุณและสันติสุขจงมีแด่คุณทุกท่าน!

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 wordsoffaithhopelove.com

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...