วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ความเชื่อทำให้พระเจ้าพอพระทัย

 


มุ่งความสนใจของคุณไปที่พระเจ้า  

ถ้าไม่มีความเชื่อก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย เพราะผู้ที่จะมาหาพระเจ้าต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่และประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง

ฮีบรู 11:6

 

บัดนี้ศรัทธาคือความเชื่อมั่นในสิ่งที่หวังไว้ เป็นความเชื่อมั่นในสิ่งที่มองไม่เห็น  ความเชื่อและความหวังเป็นของคู่กัน ใช่ไหม?

 

ข้อแรกของฮีบรู 11  กล่าวถึงความเชื่อ เชื่ออย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ และในบทที่เหลือทำให้เห็นชัดเจนว่าสาระสำคัญของข้อนี้คือวลี “สิ่งที่หวังไว้” และ “สิ่งที่มองไม่เห็น” ความเชื่อเกี่ยวข้องกับอนาคต สิ่งที่หวังไว้ และสิ่งที่ยังมองไม่เห็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความเชื่อเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ไม่รู้ สิ่งเร้นลับ และความไม่สงบ

 

ตัวอย่างเช่น ฉันกำลังว่างงานและต้องการงานอย่างมาก นี่เป็นโอกาสทางความเชื่อ โอกาสที่จะวางใจพระเจ้า มันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ฉันไม่รู้ สิ่งที่ฉันมองไม่เห็น และความไม่สงบในใจของฉัน  มันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่หวัง สิ่งที่ยังมองไม่เห็น ฉันไม่รู้แน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะเกิดเมื่อไร เกิดที่ไหน และจะเกิดได้อย่างไร ดังนั้นฉันจึงวางใจพระเจ้า ฉันไม่ได้อยู่ในการควบคุม อันที่จริง ความเชื่อหมายถึงการเลิกควบคุมแล้วปล่อยวางไว้กับพระเจ้า เพราะบางสิ่งที่ก็ยากสำหรับมนุษย์

 

นี่คือธรรมชาติของความเชื่อ ความเชื่อจะทำให้เราวางใจพระเจ้าท่ามกลางความไม่แน่นอน ความเชื่อจะทำให้เราวางใจว่าพระเจ้าจะเสด็จมาเพื่อเรา ในเวลาและในทางของพระองค์ ดังนั้น เมื่อพูดถึงความเชื่อ ประเด็นคือไม่ใช่เพราะเรารู้ว่าอะไรจะเกิด    อันที่จริง ทุกวันนี้ ฉันไม่ได้มองไปที่ขนาดความเชื่อของฉันว่ามันมีน้อยหรือมาก  แต่ฉันมุ่งความสนใจของฉันไปที่พระเจ้า และฉันให้ความสำคัญกับพระองค์มากกว่าขนาดความเชื่อของฉัน

 

เพราะประเด็นที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ขนาดของความเชื่อของฉัน แต่เป็นขนาดของพระเจ้าของฉัน พระเจ้าใหญ่กว่าปัญหาของฉัน   พระเจ้าใหญ่กว่าความต้องการของฉัน  ดังนั้น ให้คุณมุ่งความสนใจไปที่พระเจ้าของคุณ ไม่ใช่ที่ความเชื่อของคุณ

 

วันนี้คุณจะเสริมสร้างศรัทธาในพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?

ฉันจะใช้เวลากับพระคำของพระองค์

ฉันจะจำบันทุกวิธีที่พระองค์ทรงทำงานในชีวิตของฉัน

ฉันจะใคร่ครวญถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์และนมัสการพระองค์

 

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกต้องการทำให้พระองค์พอพระทัยกับความเชื่อของลูก และในทุกวันลูกต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพระองค์ เพื่อใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น โปรดให้ลูกมีความกล้าหาญที่จะแสวงหาพระองค์ในโลกที่กำลังหันหลังให้กับพระองค์ โปรดช่วยลูกให้เป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นและให้ทุกการตัดสินใจของลูกถวายเกียรติแด่พระองค์  ขอพระองค์โปรดช่วยให้ลูกเห็นพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ โปรดช่วยลูกให้วางใจในพระองค์สำหรับอนาคตที่ลูกไม่อาจมองเห็นได้ ลูกอธิษฐานในพระนามพระเยซู อาเมน

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

  bible.com  

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565

คำพูดและทัศนคติที่ผิดบาป

 




คำพูดและทัศนคติที่ผิดบาป

เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงขจัดสารพัดความมุ่งร้าย การฉ้อฉล ความหน้าซื่อใจคด ความอิจฉาริษยา และการว่าร้ายทุกอย่างไปจากตัวท่าน

1เปโตร 2:1

 

การเป็นคริสเตียนเราควรแสดงออกให้คนอื่นเห็นได้ผ่านการดำเนินชีวิตของเรา แม้แต่ในรายละเอียดเล็กน้อย ในข้อพระคัมภีร์ปัจจุบัน เปโตรกล่าวถึงความมุ่งร้าย การหลอกลวง ความหน้าซื่อใจคด ความอิจฉาริษยา และการใส่ร้าย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นบาปที่อาจไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเราในทันที แต่มักจะถูกซ่อนไว้ "ใต้ผิวน้ำ" พวกมันอาจดูไม่ชัดเจนเท่าการฆาตกรรมก็จริง แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกมันเป็นอันตรายน้อยลงเลย อัครสาวกยากอบอธิบายว่า “ที่ใดมีความอิจฉาและทะเยอทะยานอย่างเห็นแก่ตัว ที่นั่นย่อมมีความวุ่นวายและการประพฤติชั่วทุกอย่าง” และ “ ลิ้นก็เป็นเช่นไฟ เป็นโลกแห่งความชั่วร้ายท่ามกลางอวัยวะทั้งหลาย ลิ้นทำให้คนทั้งคนเสื่อมทรามไป ทำให้ชีวิตทั้งชีวิตลุกเป็นไฟและตัวมันเองก็ลุกเป็นไฟโดยนรก

 

คำพูดและทัศนคติที่ผิดบาปเหล่านี้เป็นการทำลายความสัมพันธ์ของเรากับผู้อื่น และไม่เหมาะสำหรับคริสเตียนที่หัวใจได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยพระโลหิตของพระเยซู พระเยซูตรัสว่าสิ่งที่ออกจากปากออกมาจากใจ “คนดีย่อมนำสิ่งดีออกจากความดีที่สะสมไว้ในใจของตน ส่วนคนชั่วก็นำสิ่งชั่วออกจากความชั่วที่สะสมไว้ในใจของตน เพราะปากย่อมเอ่ยสิ่งที่เอ่อล้นออกมาจากใจ” (ลูกา 6:45)  ดังนั้น ถ้าใจของเราได้รับการชำระให้สะอาดจากความบาปแล้ว พวกเราก็ไม่ควรที่จะใส่ร้ายป้ายสีกันอีกต่อไป ในทางกลับกัน สาวกของพระเยซูถูกเรียกให้ “ฉลาดเหมือนงูและสุภาพไม่มีพิษภัยเหมือนนกพิราบ” (มัทธิว 10:16) ทัศนคติของพวกเขาควรตรงไปตรงมาและควบคุมตนเองได้

 

วันนี้คำพูดของคุณน่ารักและตรงไปตรงมา หนุนใจ หรือเป็นคำพูดที่อิจฉาและหลอกลวง หน้าซื่อใจคด?

 

คำอธิษฐานกลับใจ

 ข้าแต่พระบิดา พระคำของพระองค์บอกให้ลูกพิจารณาคำพูดทุกคำ อย่าพูดในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์  วันนี้ลูกมาขอให้พระองค์โปรดทรงยกโทษให้ในสิ่งที่ลูกได้เคยพูดเท็จ นินทา ว่าร้าย บ่นว่า เหน็บแนม เสียดสี ขอพระองค์โปรดทรงยกโทษให้ลูกสำหรับทุกคำพูดที่ไร้ประโยชน์ ที่ลูกได้เคยพูดกับคนในคริสตจักร ครอบครัว ญาติ เพื่อนพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้าน รวมถึงคนอื่น ๆ รอบตัวลูกทั้งในตอนนี้และในอดีต

 

ลูกยังมาขอรับการอภัยจากพระองค์สำหรับทุกคำพูดที่ลูกได้พูดด้วยความสงสัย ความกลัว และความไม่เชื่อในพระคำของพระองค์ และความสามารถของพระองค์ในการสำแดงสิ่งที่พระองค์ได้สัญญาไว้ในชีวิตของลูก พระคำของพระองค์บอกว่าถ้าลูกสารภาพบาป  พระโลหิตของพระคริสต์จะชำระลูกให้พ้นจากความอธรรม ลูกจึงขอสารภาพและกลับใจจากบาปเหล่านี้ ตอนนี้ขอพระองค์โปรดชำระลูกด้วยพระโลหิตของพระเยซู ชำระจิตใจของลูกและป้องกันไม่ให้ลูกปล่อยให้บาปเหล่านี้หยั่งรากในใจลูกได้อีก

 

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอพระองค์ช่วยให้ทุกคำพูดจากปากของลูกและความคิดในใจของลูก เป็นที่ยอมรับในสายพระเนตรของพระองค์ ให้ทุกคำที่ลูกพูดได้รับความยินยอมจากพระองค์ ลูกยังอธิษฐานขอให้พระองค์ช่วยให้ความคิดที่ลูกได้รับมาและคิดอยู่ในใจได้รับการอนุมัติจากพระวิญญาณบริสุทธิ์  ลูกขอขอบพระคุณสำหรับความเมตตาและพระคุณ  ลูกอธิษฐานในพระนามพระเยซู อาเมน

 

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซู  ข้าพระองค์รู้ว่าข้าพระองค์เป็นคนบาป และข้าพระองค์มาขอรับการอภัยจากพระองค์ ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของข้าพระองค์และเป็นขึ้นมาจากความตาย วันนี้ข้าพระองค์จึงหันจากบาปและเชิญพระองค์เข้ามาประทับอยู่ในหัวใจและชีวิตของข้าพระองค์  ข้าพระองค์ต้องการวางใจและติดตามพระองค์ในฐานะพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ อาเมน

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

  bible.com  

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


อย่าให้เรารักกันด้วยากเท่านั้น แต่ให้เรารักกันด้วยการกระทำ

 


อวยพรผู้คนทั้งในและนอกโบสถ์

เราเป็นพยานถึงความรักและพระกิตติคุณของพระเยซูเมื่อเราได้อวยพรผู้อื่น ทั้งในและนอกโบสถ์ เราอยากให้คุณอวยพรคนสักสามคนในแต่ละสัปดาห์ดู อย่างน้อยหนึ่งในสามคนนั้นอาจเป็นสมาชิกของโบสถ์เดียวกับคุณและที่เหลืออาจจะเป็นเพื่อนบ้าน หรือเพื่อนที่ทำงาน เราสามารถอวยพรผู้อื่นได้ผ่านทางคำพูดที่ให้กำลังใจ คำพูดหนุนใจกัน, การแสดงความมีน้ำใจต่อกัน และการรู้จักให้โดยเราอาจจะแบ่งปันสิ่งของ หรือเวลาส่วนตัวของเรา

 

ยอห์นบอกว่า 17 ถ้าผู้ใดมีทรัพย์สิ่งของ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแต่ยังไม่สงสารเขา ความรักของพระเจ้าจะอยู่ในผู้นั้นได้อย่างไร? 18ลูกที่รัก อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่ให้เรารักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง (1 ยอห์น 3:17–18)

 

ควรท่องจำ : 1 เธสะโลนิกา 5:11 เหตุฉะนั้นจงให้กำลังใจกันและเสริมสร้างซึ่งกันและกันขึ้นเหมือนที่ท่านก็กำลังทำอยู่แล้ว

 

คุณจะแบ่งปันความเชื่อในพระเจ้าให้กับผู้อื่นได้อย่างไร

ด้วยการดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า

โดยการอธิษฐานเผื่อพวกเขา

โดยเชิญคนที่ยังไม่รู้จักพระเยซูมาโบสถ์กับฉัน

 

คำอธิษฐาน:

ข้าแต่พระเจ้า ลูกไม่ละอายต่อการประกาศข่าวประเสริฐ ลูกรู้สึกขอบพระคุณสำหรับความรักที่พระองค์มีให้ลูก และลูกต้องการแบ่งปันความดีของพระองค์กับคนทั้งโลก โปรดช่วยลูกให้ยึดมั่นในความเชื่อ การรักผู้อื่นอย่างจริงใจ และดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ โปรดแนะนำลูกในขณะที่ลูกนำผู้คนมาหาพระองค์ ลูกอธิษฐานในพระนามพระเยซู อาเมน

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

  bible.com  

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2565

สามสิ่งจะคงอยู่ตลอดไป ความเชื่อ ความหวัง ความรัก

 


สามสิ่งจะคงอยู่ตลอดไป ความเชื่อ ความหวัง ความรัก

ความรักไม่ปีติยินดีในความชั่ว แต่ชื่นชมยินดีในความจริง

1โครินธ์ 13:6

 

อัครสาวกเปาโลเข้าถึงหัวใจของเรื่องนี้ได้อย่างถูกต้องใน 1 โครินธ์ 13 บทที่เรียกกันทั่วไปว่าบทเกี่ยวกับความรัก เป็นไปได้ว่าแม้แต่ผู้ที่ไม่ใช่สาวกของพระเยซูก็ยังคุ้นเคยกับข้อนี้ หลังจากอธิบายคำว่าความรักอย่างละเอียดและแม้กระทั่งแบ่งปันเกี่ยวกับของประทานฝ่ายวิญญาณ เช่น คำพยากรณ์และภาษาต่างๆ เปาโลจบบทโดยกล่าวว่า “สามสิ่งจะคงอยู่ตลอดไป ความเชื่อ ความหวัง และความรัก”

 

ก่อนที่เราจะพูดถึงแผนนี้ต่อไป เรามานิยามคำเหล่านั้นกันก่อน

 

ความเชื่อ: ความมั่นใจหรือไว้วางใจในบุคคลหรือสิ่งของ ความเชื่อที่ไม่อิงหลักฐาน

 

ความหวัง : อยากให้บางสิ่งเกิดขึ้นหรือเป็นจริง

 

ความรัก: การมีความรักหรือเสน่หาต่อบุคคลหรือวัตถุอื่น

 

หลังจากอ่านแล้วพวกมันอาจจะสะท้อนภาพให้คุณได้เข้าใจ แต่ในฐานะผู้ติดตามพระเยซู เราสามารถเจาะลึกเข้าไปในคำเหล่านี้ได้มากกว่าสิ่งที่นิยามไว้ในพจนานุกรมที่ถูกเขียนขึ้นโดยผู้คน เราสามารถพยายามทำความเข้าใจความหมายที่แท้จริงที่พบในพระคำของพระเจ้า เพื่อที่เราจะสามารถแสดงให้ผู้อื่นเห็นความหมายแท้จริงในชีวิตของเรา

 

ใน 1 เธสะโลนิกา 1:3 NIV เราเรียนรู้ความจริงอันเหลือเชื่อเกี่ยวกับความเชื่อ ความหวัง และความรัก เปาโลกล่าวเกี่ยวกับผู้เชื่อในเมืองเทสซาโลนิกาว่า งานของพวกเขา “เกิดจากความเชื่อ” การงานของพวกเขา “ถูกกระตุ้นด้วยความรัก” และความอดทนของพวกเขา “ได้รับแรงบันดาลใจจากความหวัง” ศรัทธาของพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาลงมือทำ ความรักที่ผลักดันพวกเขาให้รับใช้ผู้อื่น และความหวังของพวกเขาช่วยให้พวกเขาอดทนได้ คุณเห็นไหม ความเชื่อ ความหวัง และความรักเป็นตัวเร่งให้เกิดการกระทำ การทำงานหนัก และมีความอดทนในสิ่งที่เรามองไม่เห็นมักจะทำให้เกิดสิ่งที่เราสามารถมองเห็นได้

 

จะมีหลายครั้งในชีวิตเราที่ความเชื่อ ความหวัง และความรักของเราลดลง และเนื่องจากเราไม่รู้สึกถึงมัน มันจึงมักกีดกันเราไม่ให้เราลงมือทำ หากเราต้องการให้แน่ใจว่าเราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ กระทำด้วยความรัก และอดทนในความหวัง เราจะต้องดำดิ่งลงไปในแต่ละคำ วันนี้เรามาตั้งเป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจว่าความเชื่อ ความหวัง และความรักแต่ละอย่างนั้นมีความหมายอย่างไร และเราจะใช้คุณลักษณะเหล่านี้ได้อย่างไร และเราควรทำอย่างไรในโลกที่เราอาศัยอยู่นี้

 

การรู้ว่าความเชื่อ ความหวัง และความรักคืออะไร และแสดงออกถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เราต้องใช้สิ่งที่เรารู้มาและเริ่มต้นใช้ในชีวิตจริง เมื่อเราเรียนรู้และประยุกต์ใช้ความจริงเหล่านี้ เราจะเป็นแบบฉบับที่ดีขึ้นและเป็นคนที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกให้เราเป็น และเราจะได้เห็นโลกเล็กๆ ของเรานี้เปลี่ยนไปเช่นกัน

 

วันนี้คุณรู้สึกว่าพระเจ้าเรียกให้คุณทำอะไร

อธิษฐานเผื่อใครบางคนที่ฉันเคยเปรียบเทียบตัวเองด้วย

ให้ฉันมีความสุขกับความสุขของคนอื่น

ถามพระเจ้าว่าฉันจะรักคนอื่นได้ดีขึ้นได้อย่างไร

 

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงรักลูก ลูกจึงอยากรักคนอื่นให้ดีขึ้น บางครั้งลูกเองก็หลงไปเปรียบเทียบตัวเองกับคนรอบข้าง และลูกพบว่ามันยากที่จะมีความสุขเมื่อเห็นพวกเขาได้รับพร ในช่วงเวลาเหล่านั้น ขอพระองค์โปรดช่วยลูกให้ระลึกว่าลูกเองก็ได้รับพรและพรนั้นก็ถูกสร้างขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์เพื่อลูก ไม่ว่าลูกจะรู้สึกอย่างไร โปรดช่วยให้ลูกรักผู้อื่นได้อย่างจริงใจ เต็มใจ ลูกอธิษฐานในพระนามพระเยซู  อาเมน

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

  bible.com  

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2565

เฉลียวฉลาดเหมือนงูและสุภาพไม่มีพิษภัยเหมือนนกพิราบ

 




 เฉลียวฉลาดเหมือนงูและสุภาพไม่มีพิษภัยเหมือนนกพิราบ

พระเยซูได้ทรงเสริมกำลังแก่เหล่าสาวกและได้สั่งสอนพวกเขาโดยเฉพาะ พวกเขาต้องเทศนา รักษาคนป่วย ประกาศอาณาจักรของพระเจ้า แต่พวกเขาต้องดูแลตนเองให้ดีเพราะพระองค์ส่งพวกเขาออกไปในโลกที่ซาตานปกครอง มันอันตราย ถ้าพวกเขาจะเติบโต พวกเขาจะต้องกลายเป็นคนบางประเภท เป็นคนที่เป็นเหมือนพระคริสต์  สุภาพไม่มีพิษภัย แต่เฉลียวฉลาด

 

ตลอดการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซู พระองค์มักใช้เรื่องเล่าอุทาหรณ์ในการสั่งสอน เพื่อกระตุ้นให้ผู้ฟังพิจารณาความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเมื่อทรงเสริมกำลังเหล่าสาวกของพระองค์ ก่อนที่จะส่งพวกเขาออกไปในโลก พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า

 

เราส่งท่านไปเหมือนลูกแกะในหมู่สุนัขป่า ฉะนั้นจงเฉลียวฉลาดเหมือนงูและสุภาพไม่มีพิษภัยเหมือนนกพิราบ”

- มัทธิว 10:16

 

ฝูงสัตว์เกี่ยวอะไรกับคำแนะนำของพระเยซู? นี่คือสิ่งที่คุณควรทราบ:

ประการแรก

 #1 “เรากำลังส่งท่านออกไป…”

สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับพันธกิจเฉพาะ แต่คริสเตียนควรเข้าใจตนเองในฐานะผู้ส่ง ภารกิจที่ยิ่งใหญ่ คือคำพูดสุดท้ายของพระเยซูต่อเหล่าสาวกของพระองค์บนโลก พิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจของพระองค์คือการที่พระศาสนจักรจะดำเนินพันธกิจบนแผ่นดินโลกของพระองค์ต่อไป โดยได้รับอำนาจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ (มธ 28:18-20) ไม่ว่าคุณจะได้รับเรียกให้ไปเป็นมิชชันนารีในต่างประเทศหรือในบ้านของคุณเอง คุณก็คือสาวกที่ถูกส่งออกไปทำพันธกิจในทุกวัน

 

ประการที่สอง

#2 “…เหมือนแกะท่ามกลางหมาป่า”

คนที่เป็นแกะเป็นบรรทัดฐานทั่วไปในพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ ผู้เชื่อเป็น “แกะในทุ่งหญ้าของพระองค์” (สด 100:3) พระเยซูทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี (ยน 10:11) และหัวหน้าผู้เลี้ยง (1 ปต. 5:4) ใครก็ตามที่คุ้นเคยกับการต้อนแกะจะเข้าใจถึงอันตรายของหมาป่า  คำเตือนของพระเยซูคือเราต้องระแวด ระวัง และฉลาด เพราะจะมีคนที่มาทำร้าย แต่จงอย่าแปลกใจหรือไม่ทันตั้งตัวเลย

 

ประการที่สาม

#3 “ฉะนั้นจงฉลาดเฉกเช่นงู…”

ตั้งแต่สวนเอเดน งูก็ถูกมองว่าชั่วร้าย แต่ที่นี่งูถูกพูดถึงความเฉลียวฉลาดของมัน พระเยซูตรัสให้เหล่าลูกแกะหลีกเลี่ยงหรือต่อสู้กับหมาป่า แต่พวกเขาจะต้องฉลาดพอๆ กับงู ในทุกวันนี้คริสเตียนต้องพึ่งพาการอธิษฐาน การศึกษาพระวจนะ การสามัคคีธรรม และยืนอยู่บนศิลาแห่งความจริงเพื่อประเมินและจัดการกับสิ่งที่ซาตานและโลกนี้เหวี่ยงใส่เราตอดเวลา และประตูแดนมรณาจะเอาชนะคริสตจักรนั้นไม่ได้เลย (มธ 16:18)

 

พระเยซูไม่ได้ทำให้ภารกิจของเหล่าสาวกดูเรียบง่าย พระองค์ไม่ได้ดึงดูดพวกเขาด้วยความสะดวกสบาย ความหรูหรา หรือความรู้สึกปลอดภัย  แต่พระองค์ทรงเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับสิ่งที่อยู่ข้างหน้าโดยเตือนพวกเขาถึงอันตรายที่รออยู่  เช่น “หมู่หมาป่า” ที่พยายามจะทำลายพวกเขา

 

พระเยซูทรงเปรียบเทียบสาวกของพระองค์กับแกะ ไม่ใช่สัตว์ที่หิวโหยและมีอำนาจเหนือกว่าสิ่งอื่นใดอย่างสิงโต เสือ หรือหมี แต่เป็นสัตว์ที่เชื่อฟังและถ่อมตนเหมือนแกะ และแกะต้องใกล้ชิดกับผู้เลี้ยงของมัน และฝูงของมัน เพื่อคุ้มครองกันและก้าวเดินต่อไป

 

ประการที่สี่

#4 “…และไร้เดียงสา(สุภาพไม่มีพิษภัย)เหมือนนกพิราบ”

ในเรื่องของความคิด เราต้องเป็นคนที่ฉลาดคิด ส่วนในการกระทำของเรา เราต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ควรให้เหตุผลกับการทำบาปและการไม่เชื่อฟังพระเจ้า  อาดัมและเอวาอาจพยายามฉลาดเหมือนงู แต่พวกเขาลืมที่จะไร้เดียงสาเหมือนนกพิราบและเชื่อฟังพระเจ้า ให้เราวางใจในพระบัญชาและความชอบธรรมของพระองค์ มากกว่าเชื่อมั่นความเฉลียวฉลาดของตนเอง

 

พระเยซูทรงแนะนำสาวกของพระองค์ให้ฉลาดเหมือนงู แต่ไร้เดียงสาเหมือนนกพิราบ เพื่อใช้สมองในขณะที่ยังรักษาใจให้อ่อนโยน ไม่ละทิ้งสัญชาตญาณในขณะที่ต้องรักษาตนให้บริสุทธิ์ เพื่อยกระดับความเฉลียวฉลาดของพวกเขาในขณะที่ยังคงไร้ที่ติ

 

และแม้ว่าพระเยซูจะประทานข้อความพิเศษนี้แก่เหล่าสาวกที่อยู่ต่อหน้าพระองค์ในวันนั้น แต่พระวจนะของพระองค์ยังคงใช้ได้กับผู้ติดตามพระองค์มาจนถึงทุกวันนี้

 

เราอยู่ในโลกที่แตกสลาย โลกที่ปล่อยให้ความชั่วร้ายดำรงอยู่  แต่ถึงแม้ความชั่วร้ายที่เราเห็นในข่าวและในละแวกบ้านของเราจะมีมากมายก็ตาม

 

เราถูกส่งมาในโลก  ให้เป็นคนฉลาดและชอบธรรม ฉลาดและอ่อนโยน นี่เป็นความจริงและพระคุณที่คุณต้องจำเอาไว้  พระเยซูทรงสั่งเหล่าสาวกว่า พวกเขาจะต้องไร้เดียงสา (ไม่มีพิษภัย) หรืออย่างที่บางคนแปลว่า ความสุภาพซึ่งเป็นผลของพระวิญญาณ (กท 5) พวกเขาจะต้องไม่ทำความชั่ว พวกเขาต้องรักทุกคน พวกเขาต้องฉลาด  พวกเขาต้องมีความเข้าใจเช่นเดียวกับพระอาจารย์ที่ว่ามนุษย์เรานั้นล้วนมีข้อบกพร่องและไม่ควรไว้วางใจ (ยน 2:24) จนกว่าพวกเขาจะได้รับการพิสูจน์ว่าเชื่อถือได้

 

ดังนั้นจงเตรียมพร้อมสำหรับการต่อต้าน เพราะเรามีศัตรูตัวจริงล้อมรอบเราอยู่  และจงจำไว้ว่าคุณเป็นใคร  คุณเป็นลูกของพระเจ้า

 

และอย่าลืมใช้สมองและหัวใจของคุณ เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า เพราะพระเจ้าได้มอบให้คุณทั้งสองอย่างแล้ว

 

คุณต้องการอะไรจากพระเจ้าในวันนี้

ความกล้าในการทำสิ่งที่ถูกต้อง

ความมั่นใจในตัวตนของฉันในพระคริสต์

สติปัญญาที่จะรู้วิธีตอบสนองต่อผู้คน

 

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกต้องการแบ่งปันความรักของพระองค์ให้กับคนทั้งโลก และด้วยเหตุนี้ ลูกจึงรู้ว่าบางครั้งลูกเองก็ต้องเผชิญกับความท้าทาย แต่ลูกก็รู้ว่าพระองค์จะทรงอยู่กับลูก โปรดมอบความกล้าหาญที่จะแบ่งปันข่าวดีของพระองค์ให้กับลูก โปรดมอบภูมิปัญญาเพื่อที่ลูกจะพูดกับผู้คนที่ยังไม่รู้จักพระองค์ และโปรดมอบความสุภาพเมื่อลูกต้องเผชิญหน้ากับคนที่ต่อต้านพระองค์ อธิษฐานในพระนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

  bible.com  

connectusfund

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ข้อคิดทางวิญญาณ จาก สดุดี 34:19

 


ข้อคิดทางวิญญาณ จาก สดุดี 34:19   

คนชอบธรรมอาจเจอความทุกข์ร้อนหลายอย่าง

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้เขาผ่านพ้นทุกอย่างไปได้

สดุดี 34:19

 

ตอนนี้ฉันรู้สึกมืดไปหมดทั้งแปดด้าน

ตอนนี้ฉันสามารถใช้ความช่วยเหลือจากพระองค์ได้จริงๆหรือ?

ตอนนี้จิตวิญญาณของฉันไม่รู้สึกว่า 'มันเป็นแบบนั้นเลย'”

 

เราทุกคนต่างก็เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน… ที่ที่มืดมิด เหงา ที่ซึ่งมีความเจ็บปวดจนรู้สึกว่าทนไม่ได้ และจิตใจของคุณเต็มไปด้วยความสับสนและเครื่องหมายคำถามมากมายในใจ

 

-         คุณได้รับโทรศัพท์จากแพทย์พร้อมกับข่าวร้ายที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ

-         คุณปล่อยให้จิตใจของคุณหลุดลอยไปกับหัวใจที่แตกสลาย

-         คุณสูญเสียสมาชิกในครอบครัวหรือบุคคลอันเป็นที่รัก

-         อาการซึมเศร้าครอบงำหัวใจของคุณจนหายใจไม่ออก

-         คุณทำให้ผู้ที่ไว้วางใจคุณรู้สึกผิดหวัง และตอนนี้คุณแบกรับความอับอายไว้กับคุณในทุกวัน

-         เขานอกใจเธอ เธอหักหลังเขา

-         คุณตกงาน 

  - คุณมีปัญหาทางการเงิน  และเรื่องทุกข์ร้อนอีกมากมายที่เกิดขึ้นได้ในแต่ละวัน

 

บางทีตอนนี้คุณกำลังเดินอยู่ในฤดูกาลแบบที่กล่าวมาข้างบนนี้และคุณก็กำลังดิ้นรนเพื่อค้นหาความสงบท่ามกลางพายุเหล่านั้น  ฉันมาที่นี่เพื่อบอกคุณว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียวแต่เรามีพระเจ้า  ใน สดุดี 34:18 บอกไว้ว่า เรามีพระเจ้า  ผู้ที่สัญญาว่าแม้ในหุบเขาที่มืดมิดที่สุด พระองค์จะทรงอยู่เคียงข้างเราเพื่อปลอบโยนและนำทางเรา… (สดุดี 23)

 

ในตอนท้ายของการให้ข้อคิดทางวิญญาณนี้ ความหวังของฉันคือการหวังว่าจิตใจของคุณจะได้รับการส่งเสริมในการวางใจในพระเจ้าแม้คุณจะทำได้เพียงเล็กน้อยก็ขอให้คุณวางใจในความซื่อสัตย์และความรักของพระเจ้าที่เรารับใช้อยู่นี้  ในระหว่างนี้ ในขณะที่คุณกำลังเผชิญกับสิ่งที่คุณต้องเผชิญในวันนี้  ฉันขอบอกคุณถึงความจริงง่ายๆ ต่อไปนี้ให้คุณทราบเอาไว้:

 

ความสงบไม่ใช่ความรู้สึกเสมอไป แต่เป็นการที่เรารู้แจ้ง

ใช่แล้ว เรารู้แจ้งว่าแม้ว่าเราจะไม่เข้าใจ "เหตุผล" เบื้องหลังกับสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ในขณะนี้ แต่เรารู้ว่าพระเจ้าผู้ทรงถือจักรวาลไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์พระองค์นั้นแสนดี พระองค์ทรงรักเราและพระองค์ทรงควบคุม พระองค์ทรงสัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งหรือละทิ้งคุณ (ฮีบรู 13:5)... ถ้าคุณไม่มีอะไรจะยึดเหนี่ยวเพื่อความหวังในวันนี้ จงยึดมั่นในพระคำของพระเจ้า พระองค์อยู่เคียงข้างคุณและพระองค์ทรงห่วงใยคุณ

 

คุณจะตอบสนองต่อปัญหาของคุณได้อย่างไร?

ฉันสามารถขอความสงบสุขจากพระเจ้าได้

ฉันสามารถขอบคุณพระเจ้าได้เพราะฉันรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่กับฉัน

ฉันสามารถวางใจได้ว่าพระเจ้าเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่งอย่าง

 

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์รู้ว่าในโลกนี้ข้าพระองค์จะต้องพบกับปัญหามากมาย แต่ข้าพระองค์ก็รู้ว่าพระองค์จะทรงอยู่กับข้าพระองค์ ข้าพระองค์รู้สึกขอบพระคุณที่ข้าพระองค์สามารถไว้วางใจให้พระองค์นำทางและปกป้องได้ ในขณะที่ข้าพระองค์เผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก โปรดมอบสันติสุขให้แก่ข้าพระองค์ในระหว่างการท้าทายนี้ และโปรดช่วยให้ข้าพระองค์ได้พักผ่อนตามคำสัญญาที่พระองค์ให้ไว้  ในพระนามพระเยซูเจ้า อาเมน

 

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

  bible.com by Lydia

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...