วิธีมอบความโกรธของคุณไว้กับพระเจ้า
พระคำของพระเจ้าไม่เพียงแต่สอนวิธีจัดการกับความโกรธเท่านั้น
แต่ยังสอนวิธีเอาชนะความโกรธที่เป็นบาปไว้ด้วย
เคยมีคนบอกคุณไหมว่า “อารมณ์เป็นสิ่งที่ไม่ดี” หรือ “จงเพิกเฉยต่อความรู้สึกของตัวเองแล้วดำเนินชีวิตด้วยศรัทธาต่อไป”? คุณเคยคิดสงสัยหรือไม่ว่าแล้วทำไมพระเจ้าถึงมอบอารมณ์ความรู้สึกให้กับคุณตั้งแต่แรก
หากคุณต้องเพิกเฉยต่อพวกมัน?
“ในยามโกรธ ท่านอย่าทำบาป”
อย่าให้ถึงดวงอาทิตย์ตกแล้วท่านยังโกรธอยู่” (เอเฟซัส 4:26)
ฉันถูกเลี้ยงดูมาในบ้านที่ไม่ใช่คริสเตียน
และฉันเรียนรู้เพียงสองวิธีในการจัดการความเจ็บปวดและความโกรธ นั่นก็คือการตะโกนออกมาด้วยการกรีดร้อง
หรือไม่ก็กลั้นมันเอาไว้ พ่อของฉันมีเหตุผลมากมายที่จะโกรธ แต่น่าเสียดายที่มันถูกแสดงออกมาจากภายนอกด้วยการตะโกนใส่ครอบครัวของเขา
แม่ของฉันถูกทารุณกรรมมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กและแม่ไม่เคยจัดการกับมันอย่างเหมาะสม
ดังนั้นความโกรธภายในใจของเธอจึงกลายเป็นความหดหู่ใจอย่างสุดซึ้ง
จากการที่ฉันได้เห็นการทดลองในชีวิตของพ่อกับแม่และวิธีการเอาชีวิตรอดในยามวิกฤตของพวกเขา ฉันได้เรียนรู้ว่าทางเลือกเหล่านี้จะไม่นำมาซึ่งความช่วยเหลือหรือการรักษาแน่นอน วันนี้ฉันต้องการช่วยให้พวกคุณหลุดพ้นจากความโกรธหรือความขมขื่นที่จะเข้ามาควบคุมหัวใจของพวกคุณ และเพื่อที่คุณจะได้หายใจและได้รับพร
บางทีคุณอาจเคยถามตัวเองว่า “ถ้าพระเจ้ารักฉัน
ทำไมฉันถึงรู้สึกปวดร้าวเช่นนี้” ฉันขอรับรองกับคุณว่าพระเจ้าได้ทรงออกแบบความโกรธด้วยเหตุผลที่ดี
ประการแรก คุณถูกสร้างขึ้นตามพระฉายของพระองค์
และพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพก็มีความรู้สึกโกรธเช่นกัน
มีตัวอย่างในพระคัมภีร์มากกว่า 2,000 กรณีที่กล่าวถึงอารมณ์ของพระเจ้า
อารมณ์เชิงบวกและเชิงลบถูกสร้างขึ้นเพื่อเปิดเผยสภาพของจิตวิญญาณของหัวใจมนุษย์
ประการที่สอง บางครั้งอารมณ์ก็เป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่ามีบางอย่างกำลังทำร้ายเรา
เฉกเช่นความเจ็บปวดทางกายเผยให้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของเรา
อารมณ์ก็สามารถเผยให้เห็นว่าวิญญาณของเราต้องการความเอาใจใส่
การรู้สึกโกรธจึงไม่ใช่บาป แต่การปล่อยให้ความโกรธกลายเป็นความพินาศหรือการทำร้ายตัวเองนั่นคือเวลาที่บาปกำลังเกิดขึ้น
ทุกวันนี้มีเหตุผลมากมายที่เราจะโกรธ และความโกรธที่ชอบธรรมซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางบวกจะทำให้พระเจ้าพอพระทัย แต่อย่างไรก็ตาม หากความโกรธกำลังกลืนกินคุณและแสดงออกมาในทางที่เป็นอันตราย วันนี้ฉันต้องการให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และได้ผลในการรักษา
1.ยอมรับความจริงกับพระเจ้า
เราไม่สามารถซ่อนตัวจากพระเจ้าได้
และพระองค์ทรงรักเราไม่ว่าเราจะรู้สึกอย่างไร
ในพระธรรมสดุดี
กษัตริย์ดาวิดทรงเคร่งขรึมราวกับกำลังอ่านบันทึกส่วนตัวของพระองค์ ดาวิดพยายามหาทางแก้แค้นอย่างไม่ถูกต้องและขอให้พระเจ้าลดชีวิตของศัตรูให้สั้นลง
แต่พระเจ้าเรียกดาวิดว่าเขาเป็นชายที่ตามหาน้ำพระทัยของพระองค์
ศัตรูต้องการให้เรากลัวเกินกว่าจะเข้าหาพระเจ้าเมื่อเราโกรธ
เราต้องเอาชนะความกลัวนี้ เพราะวิธีเดียวที่จะหลุดพ้นจากความโกรธคือการพูดความจริงกับพระเจ้า
แม้ว่าเราจะต้องกรีดร้องและตะโกนออกมาก็ตาม
พระเจ้ารักคุณมาก คุณคือลูกของพระองค์
และพระองค์ทรงเป็นบิดาบนสวรรค์ของคุณ พระองค์ต้องการได้ยินคุณร้องไห้
เพื่อที่พระองค์จะทรงสามารถกุมหัวใจคุณและรักษาคุณได้ ยิ่งคุณจริงจังกับพระเจ้ามากเท่าไร
พระองค์ก็จะยิ่งกลายเป็นจริงสำหรับชีวิตคุณมากเท่านั้น!
2.สารภาพความโกรธของคุณต่อพระเจ้า
การสารภาพความโกรธต่อพระเจ้าจะทำให้คุณสะอาดจากภายใน อาจฟังดูแปลกที่จะพูดคุยกับพระเจ้าเมื่อคุณรู้สึกโกรธ
อิจฉา หรือเกลียดชัง แต่เป็นวิธีเดียวที่จะหลุดพ้น
ฉันสนับสนุนให้คุณสารภาพกับพระเจ้าทุกครั้งที่คุณรู้สึกโกรธ
หากไม่รู้จะเริ่มตรงไหน? ฉันมีตัวอย่างคำอธิษฐานสารภาพด้านล่าง
อ่านแล้วคุณสามารถปรับเปลี่ยนทำให้มันเป็นแบบของตัวคุณเองได้
ข้าแต่พระเจ้าที่รัก,
ลูกขอสารภาพความโกรธทั้งหมดที่มีอยู่ตอนนี้ต่อพระองค์ และขอเชิญพระองค์เสด็จเข้ามาในบริเวณที่มืดสนิทในใจของลูก ที่ซึ่งลูกได้พยายามซ่อนความโกรธเอาไว้จากพระองค์ ลูกอนุญาตให้พระองค์เข้ามาประทับและโปรดส่องแสงของพระองค์ลงมายังบาปของลูก ขอโปรดแสดงให้ลูกได้เห็นวิธีที่จะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความโกรธทั้งหลายที่มันพยายามควบคุมลูกอยู่นี้ ลูกขอเลือกที่จะเชื่อว่าตอนนี้พระองค์กำลังทำความสะอาดใจลูกและสร้างใจใหม่ในตัวของลูก
ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกเชื่อว่าพระองค์ทรงมอบกำลังเหนือธรรมชาติแก่ลูกในการดำเนินอยู่ในพระวิญญาณ ที่ไม่ใช่ในเนื้อหนัง เพื่อที่ลูกจะได้ไม่แพ้ต่อการล่อลวงอีกต่อไป ลูกอธิษฐานในพระนามพระเยซูเจ้า อาเมน
หากเราพยายามจัดการกับความโกรธของเราเอง
แสดงว่าเรากำลังเล่นบทเป็นพระเจ้า แต่ถ้าเรายอมจำนนต่อพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรัก
พระองค์จะทรงแทนที่ความเจ็บปวดจากความโกรธของเราด้วยสันติสุขอันสมบูรณ์ของพระองค์ โดยผ่านความเข้าใจของเราเองว่าพระองค์ได้ทรงทำงานอย่างไรในใจเราและผ่านเรา
3.มอบความโกรธของคุณไว้กับพระเจ้า
เมื่อสามีของฉันและฉันกำลังดิ้นรนในความสัมพันธ์ของเราเมื่อหลายปีก่อน
ฉันทำผิดที่พูดบอกลูกๆ และสามีของฉันว่าตัวฉันโกรธสามีมากแค่ไหน (แน่นอน เพราะฉันเกิดมาจากครอบครัวที่แสดงออกด้วยวิธีนี้) แต่การทำแบบนั้นมันทำให้ฉันโกรธและเกิดความขมขื่นยิ่งกว่าเดิม ฉันทำให้เพื่อนๆรอบตัวโกรธ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ฉันทำให้ลูกๆ ของเราพลอยอารมณ์เสียไปด้วย จึงเห็นได้ชัดว่าฉันปล่อยให้ความโกรธควบคุมพฤติกรรมของฉัน
วันนี้ฉันรู้แล้วว่าการร้องทูลต่อพระเจ้าและสารภาพความโกรธเป็นวิธีเดียวที่ฉันจะได้รับอิสรภาพ
หลายครั้งที่เราเลือกจะพูดบอกคนรอบกายเกี่ยวกับความโกรธของเรา ขอเน้นว่าทุกคนแต่ยกเว้นพระเจ้า แต่ยิ่งเราบอกคนอื่นมากเท่าไหร่
เราก็ยิ่งขมขื่นมากขึ้นเท่านั้น จงปล่อยให้ถ้อยคำของพระเจ้ารักษาเรา จงยกหินแห่งความโกรธออกจากใจเราและแทนที่มันด้วยพระสัญญาของพระองค์เถิด
เมื่อมีบางสิ่งที่น่ากลัวมาทำลายศรัทธาของคุณ คุณจะทำอย่างไรเมื่อคุณโกรธ? พระองค์คือผู้เดียวที่มีอำนาจรักษาหัวใจของคุณและปลอบโยนคุณ และเป็นไปไม่ได้ที่จะพบการบรรเทาทุกข์ชั่วนิรันดร์เมื่อคุณโกรธพระเจ้า
น่าเศร้าที่เราอาศัยอยู่ในดินแดนที่ล่มสลาย ไม่ใช่ในเทพนิยาย
ความเจ็บปวดจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต นั่นก็เพราะความบาปของมนุษย์ ไม่ใช่เพราะพระเจ้า (ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนของความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูก
การที่สามีมีชู้ การตกงาน หรือการทรยศจากเพื่อนที่เราไว้ใจ)
ประการแรก จงรู้เถิดว่าพระบิดาบนสวรรค์ของคุณสามารถเข้าใจได้เมื่อคุณโกรธพระองค์
และพระองค์จะไม่มีวันหยุดรักคุณ เมื่อพระเยซูอยู่บนไม้กางเขน
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พระองค์ร้องทูลพระเจ้า ถามว่าทำไมพระบิดาจึงละทิ้งพระองค์ และพระเยซูทรงร้องอยู่ที่สวนในคืนที่พระองค์ถูกทรยศ ในความทุกข์ยากของพระองค์
พระองค์จะขอทางอื่นจากพระบิดาก็ได้ แต่ทว่าพระเยซูทรงวางพระทัยแผนการของพระเจ้ามากกว่า เพราะพระองค์รู้ว่าชัยชนะที่สูงสุดนั้นอยู่ที่ไม้กางเขน
อย่าสงสัยเลยว่าพระเจ้าจะอยู่กับคุณหรือเปล่า
หากคุณจะร้องทูลพระองค์ในการอธิษฐาน พระองค์จะทรงเดินไปพร้อมกับคุณผ่านสวนแห่งความเศร้าโศกและตรงไปยังกางเขน ที่ซึ่งการทดลองของคุณจะเปลี่ยนไปสู่ชัยชนะและพบความหลงใหลในการใช้ชีวิตใหม่
ฉันเชื่อว่าถ้าหากพระบิดาบนสวรรค์ของคุณจะเขียนจดหมายรักส่วนตัวถึงคุณในวันนี้
มันจะเป็นข้อความประมาณนี้:
แด่ผู้เป็นที่รักของฉัน,
เรารู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในโลกที่ทำให้ลูกต้องรู้สึกโกรธ
แต่ความโกรธเป็นกับดักที่ศัตรูของจิตวิญญาณลูกได้วางเอาไว้ หากลูกจับเหยื่อแห่งความโกรธ
ลูกจะขมขื่น และไม่มีอะไรดีเกิดขึ้นนอกจากความขมขื่น ดังนั้นเมื่อลูกรู้สึกโกรธ
ให้ลูกร้องไห้ออกมาและสารภาพความโกรธนั้นกับเรา เราเป็นคนเดียวที่สามารถจัดการกับหัวใจของลูกและนำลูกผ่านสนามรบแห่งความโกรธนี้ไปได้
เราจะสอนวิธีดำเนินชีวิตให้ปราศจากความโกรธแค้นที่จะนำมาซึ่งความพินาศ ลูกสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้ในขณะที่ลูกเรียนรู้ที่จะเชื่อใจเราและปล่อยให้เราจัดการกับทุกคนและทุกสิ่งที่ทำร้ายลูก
ด้วยรักจากใจ,
จากพระราชาผู้ทรงยุติธรรม
เพื่อนเอ๋ย อย่าแก้แค้น
แต่จงปล่อยให้พระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธ เพราะมีเขียนไว้ว่า
“การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเราเอง เราจะคืนสนอง” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ (โรม
12:19)
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
Beliefnet
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น