วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

วิธีทำให้จิตใจสงบเพื่อให้คุณได้ยินจากพระเจ้า

 




วิธีทำให้จิตใจสงบเพื่อให้คุณได้ยินจากพระเจ้า

ในขณะที่ฉันนั่งอยู่ที่นี่ที่โต๊ะทำงานเพื่อเตรียมเขียนแบ่งปันบางสิ่งต่อคุณผู้อ่านที่รัก ฉันคิดว่าตัวฉันเองต้องฝึกฝนมันก่อน สิ่งที่ฉันต้องการจะแบ่งปันกับคุณในวันนี้ คือฉันเองก็ต้องหยุดและฟัง ฉันต้องสงบสติอารมณ์และฟังพระเจ้าตรัสก่อนเช่นกัน

ฉันจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร

นี่เป็นวินัยที่ฉันเองยังคงต้องพยายามและทำอยู่ (และอาจจะต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป) จิตใจของฉันไม่ได้เป็นที่ที่สามารถเงียบสงบได้โดยธรรมชาติ เชื่อว่า ของคุณเองก็คงจะเหมือนกัน ใช่ไหม?

สิ่งรบกวนมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่มันมีขั้นตอนที่เราสามารถทำได้เพื่อลดเสียงจากสิ่งรบกวนสมาธิเหล่านั้นและทำให้ความคิดของเราสงบลง แม้ในท่ามกลางชีวิตที่วุ่นวายของเราได้ เราต้องการหยุดเงียบ ๆ ในวันนั้นของเรา เราจำเป็นต้องสร้างพื้นที่สำหรับการฟังเสียงที่สำคัญที่สุด ซึ่งนั่นคือ เสียงของพระผู้เป็นเจ้า

เมื่อเราฟังพระเจ้า เราอาจพิจารณาข้อต่อไปนี้

11พระองค์ตรัสว่า “จงออกไปยืนต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าบนภูเขา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะเสด็จผ่าน”

แล้วมีลมพายุกล้าพัดปะทะภูเขาอย่างรุนแรง ทำให้หินแตกเป็นเสี่ยงๆ ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ประทับอยู่ในลมนั้น หลังพายุก็เกิดแผ่นดินไหว แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ประทับอยู่ในแผ่นดินไหวนั้น 12และภายหลังแผ่นดินไหวก็เกิดไฟลุก แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ประทับอยู่ในไฟนั้น หลังจากไฟมีเสียงกระซิบอันอ่อนโยน 13เมื่อเอลียาห์ได้ยิน เขาก็ยกเสื้อคลุมขึ้นปิดหน้า และออกไปยืนอยู่ตรงปากถ้ำ

มีเสียงหนึ่งกล่าวกับเขาว่า “เอลียาห์เอ๋ย เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?”1 กษัตริย์ 19:11-13

สังเกตได้ว่าพระสุรเสียงของพระเจ้ามาถึงเอลียาห์ด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา เราเองก็ต้องเงียบเพื่อฟังเสียงกระซิบของพระองค์เช่นกัน

 ฉันเองยังคิดถึงวิธีที่พระเยซูเสด็จไป "ที่เปลี่ยวและอธิษฐาน" (ลูกา 5:16)

ประสบการณ์ของตัวเองในการได้ยินพระเจ้าตรัสกับฉันดูเหมือนว่าจะมาในช่วงเวลาที่เงียบสงบเช่นกัน

ฉันได้ยินเสียงที่ควรได้ยินทุกครั้งหรือไม่? โดยส่วนตัวฉันอาจยังไม่ได้ยินเสมอไป (แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้น) นี่คงจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่เราจะต้องค้นหาซึ่งตัวอย่างทั้งหมดที่พระเจ้าได้ตรัสกับผู้คนมากมายซึ่งมีให้เราเห็นตลอดในพระคัมภีร์ เป็นเรื่องที่เราควรค้นหา ศึกษาดู

สำหรับฉัน ฉันจะได้ยินพระเจ้าเมื่อฉันอ่านพระคัมภีร์ ความหมายของข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ฉันเคยอ่านมาหลายครั้งแล้ว แต่แล้วจู่ๆ มันก็ชัดเจนขึ้น โดยมักจะตรงกับช่วงชีวิตของฉันในเวลานั้นๆ หรือเมื่อฉันเกิดมีคำถาม

มีหลายครั้งที่ฉันอ่านพระคัมภีร์ ฉันอาจไม่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้รับอะไรมากมายจากการอ่านในครั้งนั้น แต่ต่อมา บางครั้งในภายหลัง เมื่อฉันต้องการมัน พระคำช่วงตอนหนึ่งจะย้อนกลับมาหาฉัน และมันเหมือนกับหลอดไฟที่ติดสว่าง ฉันเกิดมุมมองใหม่ ความคิดใหม่ที่ฉันรู้แน่ว่ามันไม่ได้มาจากตัวฉันแน่นอน…นี่คือบางวิธีที่ทำให้ฉันรู้ได้ว่าฉันกำลังได้ยินพระเจ้าตรัสกับฉัน

พระเจ้าตรัสกับเราผ่านพระคัมภีร์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงส่องสว่าง พระวจนะของพระองค์ตรัสกับเราเพื่อให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นและรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราอย่างไร

หากเราสงสัยว่าเสียงที่เราได้ยินนั้นเป็นเสียงของพระเจ้าหรือไม่ มีการทดสอบง่ายๆ พระเจ้าจะไม่ขัดแย้งในตัวเอง เราสามารถวัดทุกอย่างกับพระคำของพระองค์ได้ในพระคัมภีร์

 16พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสั่งสอน การว่ากล่าวตักเตือน การแก้ไขข้อบกพร่อง และการฝึกฝนในความชอบธรรม 2 ทิโมธี 3:16  

 เราสามารถและเราควรทดสอบทุกสิ่งที่เราได้ยินเกี่ยวกับพระคัมภีร์

11ชาวเมืองเบเรอามีจิตใจสูงกว่าชาวเมืองเธสะโลนิกาเพราะพวกเขารับเรื่องนี้ด้วยความกระตือรือร้นและค้นพระคัมภีร์ทุกวันเพื่อตรวจสอบว่าสิ่งที่เปาโลกล่าวเป็นจริงหรือไม่” กิจการ 17:11

ฉันเชื่อว่าพระเจ้าตรัสกับเรา แต่ที่เราพลาดสิ่งที่พระองค์ตรัสก็เพราะว่าเราไม่ฟังพระองค์

เราจะสงบสติอารมณ์และลดความฟุ้งซ่านที่จะมาขัดขวางการได้ยินจากพระเจ้าให้เหลือน้อยที่สุดได้อย่างไร

1. วางตัวเองในสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้คุณมีสมาธิ หามุมสงบหรือห้องที่ห่างไกลจากสิ่งรบกวนสมาธิ ฉันอาศัยอยู่ในบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปกับสามีและลูก ดังนั้นเราจึงมีห้องส่วนตัวที่เงียบพอที่เราจะใช้เวลาในการอ่านพระคัมภีร์และใช้เวลาเป็นส่วนตัวกับพระเจ้าได้

2. พูดคุยกับพระเจ้าเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังอ่านในพระคัมภีร์เมื่อคุณอธิษฐาน ปฏิบัติเหมือนเป็นการสนทนา เว้นที่ว่างและเงียบสงบเพื่อให้พระองค์ตอบกลับ

3. อย่าต่อสู้กับความคิดที่ทำให้เราเสียสมาธิโดยการพยายามหลีกเลี่ยงมันทั้งหมด เพราะยิ่งเรารู้สึกว่าเราไม่อยากคิด เราจะยิ่งคิดถึงมัน! ให้เรานึกถึงความคิดที่ทำให้เราเสียสมาธิราวกับว่าคุณกำลังนั่งอยู่ริมทางด่วนที่พลุกพล่าน ความคิดเหล่านั้นก็เหมือนรถที่ขับเร็วผ่านไป ให้เรารับรู้ว่าพวกมันอยู่ที่นั่น แล้วดูพวกมันผ่านไป และให้เราปล่อยมันไป

4. เลือกวลีหรือประโยคสั้น ๆ จากพระคัมภีร์ ไตร่ตรอง อ่านแล้วอ่านซ้ำจนฝังใจ

 5. หาเวลาอธิษฐานและรำพึงที่เหมาะกับคุณและสอดคล้องกับเวลาของคุณ ซึ่งหากมันเป็นสิ่งแรกในตอนเช้าของทุกวันได้มันจะได้ผลดีอย่างมาก

6. เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ อาจมีขั้นตอนเหมือนเด็กน้อย ถ้าหากคุณไม่คุ้นเคยกับการนั่งเงียบๆ ให้ลองเริ่มจาก 5 นาทีจนกว่าจะง่ายขึ้น จากนั้นค่อยๆ ยืดเวลาออกไปให้นานขึ้น แต่ระยะของเวลาไม่ได้เป็นตัวบอกว่าดีที่สุด แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุณได้ใช้ช่วงเวลานั้นกับพระเจ้าอย่างมีคุณภาพได้มากแค่ไหนมากกว่า

 นิสัยการฟังเป็นสิ่งที่คุณสามารถปรับปรุงและพัฒนาได้ มันไม่ได้มาง่ายๆ เสมอไป แต่ด้วยการฝึกฝนและตั้งใจ ทำไปทีละเล็กทีละน้อย คุณก็สามารถเสริมสร้างความสามารถในการทำให้จิตใจสงบและทำสมาธิได้

วันนี้ให้เราเริ่มฝึกฟังเสียงของพระเจ้า เพราะพระองค์มีบางอย่างจะพูดกับเราเป็นการส่วนตัว

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

Dawnklinge


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...