วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

4 ขั้นตอนในการตอบสนองต่อความเจ็บปวดกับชีวิตการแต่งงานในทางของพระเจ้า

 


4 ขั้นตอนในการตอบสนองต่อความเจ็บปวดกับชีวิตการแต่งงานในทางของพระเจ้า

คุณและคู่สมรสของคุณไม่เหมือนใคร เช่นเดียวกับการแต่งงานของคุณ อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่คุณมีเหมือนกันกับคู่สามีภรรยาคู่อื่นๆ - คุณและคู่สมรสของคุณเป็นคนบาป เพราะความจริงนี้ คุณจะทำร้ายคู่สมรสของคุณและคู่สมรสของคุณจะทำร้ายคุณ คำถามที่เราต้องเตรียมคำตอบคือ แล้วฉันจะตอบรับอย่างไร? เราจะประนีประนอมกันอย่างไร? ฉันจะให้อภัยได้ไหม?

 สิ่งที่เราเรียนรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ในการแต่งงานของเราคือเราไม่สามารถควบคุมวิธีที่คู่สมรสจะพูดกับเราหรือกระทำต่อเรา เราไม่สามารถป้องกันไม่ให้คู่สมรสทำร้ายเราได้ แต่มีอย่างอื่นที่เราต้องเรียนรู้นั่นก็คือ: เราควบคุมวิธีที่เราจะตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์

 เราไม่ได้พูดถึงสถานการณ์การล่วงละเมิดหรือการทำบาปที่ไม่สำนึกผิดอย่างต่อเนื่องซึ่งต้องมีการแทรกแซง แต่ในทางกลับกัน เรากำลังพูดถึงความเจ็บปวดตั้งแต่สามีที่พูดจาหยาบคายกับภรรยา จนถึงภรรยาที่ไม่เคารพสามี จนถึงคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่สารภาพการผิดประเวณี ความผิดจะมากหรือน้อย แต่การตอบสนองของเราต่อความผิดนั้นมีความสำคัญสูงสุด เรามาดูสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าว

เราควรเริ่มด้วยยากอบ 1:19 “พี่น้องที่รักของข้าพเจ้าจงรู้ไว้ ให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ” เมื่อคู่สมรสของเราทำร้ายเรา ไม่ว่าความผิดนั้นจะมากหรือน้อย การตอบสนองครั้งแรกของเรามักจะเป็นการเฆี่ยนตีและทำร้ายพวกเขากลับ แม้ว่าเราไม่ได้เฆี่ยนตีอย่างมีสติ แต่ปฏิกิริยาตามธรรมชาติของเราคือการป้องกันตัวเอง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ยากอบบอกให้เราทำ อันที่จริงเขาบอกให้เราทำสิ่งตรงกันข้าม “ไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ” การพูดไวไม่ใช่เรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคู่สมรสของเราทำร้ายเราด้วยคำพูดของพวกเขา การพูดช้าอาจพิสูจน์ได้ว่ายากขึ้น เช่นเดียวกับความโกรธช้าได้ ดังนั้นคุณควรทำอย่างไร?

ขั้นตอนที่ 1: ควบคุมลิ้นของคุณ

บอกคู่สมรสของคุณว่าคุณต้องการเวลาคิดก่อนตอบเพราะคุณไม่ต้องการพูดอะไรที่คุณอาจจะเสียใจได้ในภายหลัง คู่สมรสของคุณอาจรู้สึกรำคาญในขณะนั้น แต่หวังว่าในท้ายที่สุด พวกเขาจะเข้าใจสติปัญญาของคุณ และอาจทำตามตัวอย่างของคุณในครั้งต่อไปที่พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ

ตอนนี้หากคุณอยู่คนเดียว จงใช้เวลาของคุณอย่างชาญฉลาด


ขั้นตอนที่ 2: นำความเจ็บปวดของคุณมาสู่พระเจ้าด้วยการอธิษฐาน

นี่อาจเป็นเรื่องยากสำหรับคู่สมรสที่ถูกดูถูก และแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับคู่สมรสที่เพิ่งรู้ว่าคู่ของตนนอกใจ ทำไมละ? เพราะมันยากที่จะอธิษฐานเผื่อศัตรูของเราไง แต่พระคัมภีร์บอกให้ทำอย่างนั้น พระเยซูตรัสว่า “จงรักศัตรูของคุณและอธิษฐานเผื่อผู้ที่ข่มเหงคุณ” (มัทธิว 5:44) พระองค์ยังตรัสอีกว่า “จงทำดีแก่ผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานเผื่อผู้ที่ทำร้ายท่าน” (ลูกา 6:27–28)

บ่อยครั้งเมื่อเราอ่านข้อเหล่านี้ เราอาจคิดว่านี่อาจจะหมายถึงแค่คนที่ต้องการจะฆ่าเราเพราะว่าเราเชื่อในพระเจ้า แต่อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของพระเยซูข้อนี้ใช้ได้กับคู่สมรสที่ชอบอารมณ์เสีย หรือกับผู้ที่รักการดื่ม  หรือผู้ที่ตกหลุมพรางของสื่อลามกด้วย

ในช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวด ความโกรธ และความผิดหวัง อาจเป็นการยากที่จะรู้วิธีสวดอ้อนวอน บางทีตัวอย่างต่อไปนี้อาจช่วยคุณได้

ข้าแต่พระบิดา ลูกขอขอบพระคุณสำหรับชีวิตการแต่งงานและคู่สมรสของลูก ลูกไม่รู้จะพูดอะไรตอนนี้ ลูกรู้สึกขมขื่นใจและเจ็บจนแทบจะคิดไม่ออก ลูกเหนื่อยกับการต่อสู้นี้และลูกต้องการความช่วยเหลือ พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่รู้รายละเอียดของสถานการณ์ของเรา พระองค์ทรงรู้ว่าลูกทำบาปอย่างไร โปรดช่วยลูกให้จำไว้ว่าลูกเองก็เป็นคนบาปด้วย โปรดเตือนลูกว่าพระองค์ทรงยกโทษให้ลูกครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อลูกทำให้พระองค์ขุ่นเคืองและลูกเองก็จำเป็นต้องเต็มใจให้อภัยในแบบเดียวกัน ได้โปรดสงบสติอารมณ์ลูกที โปรดช่วยลูกให้มีจิตใจที่แจ่มใส เพื่อลูกจะได้พูดด้วยความรัก ไม่ใช้อารมณ์โกรธเคือง เพื่อกันไม่ให้ลูกพูดสิ่งที่จะทำให้เจ็บช้ำมากขึ้น อย่าให้ลูกทำบาปด้วยความโกรธของลูก ได้โปรดทำให้ใจทั้งสองของเราอ่อนลง เพื่อที่เราจะก้าวผ่านมันไปได้ โปรดช่วยลูกปล่อยวางความเจ็บปวดและไม่ยึดติดกับมันเพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการโต้แย้งอื่นๆอีก โปรดปกป้องและเสริมสร้างการแต่งงานของเรา โปรดช่วยคู่สมรสของลูกให้เห็นว่าเขาไม่เพียงแต่ทำบาปต่อลูกแต่ต่อพระองค์ด้วย โปรดนำคู่สมรสของลูกกลับใจและฟื้นฟูความไว้วางใจในชีวิตแต่งงานของเรา ลูกอธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

บางครั้งการล่วงละเมิดนั้นรุนแรงถึงขนาดที่เราไม่มีคำพูดใดๆ จะสามารถบรรยายออกมาได้และเราทำได้เพียงนั่งเงียบ ๆ ต่อพระพักตร์พระเจ้าและร้องไห้ ในช่วงเวลาเหล่านั้น เราสามารถมั่นใจได้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยเราในความอ่อนแอและวิงวอนแทนเราเมื่อเราไม่มีคำพูด (โรม 8:26-27). ช่างเป็นเครื่องเตือนใจว่าเราได้รับใช้พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และทรงพลัง!

อธิษฐานแล้ว...ฉันต้องทำอะไรต่อนะ?

 

ขั้นตอนที่ 3: ก้าวไปสู่การคืนดีด้วยของประทานแห่งการให้อภัย

ฮีบรู 12:14 จงเพียรพยายามที่จะอยู่อย่างสงบสุขร่วมกับคนทั้งปวงและเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะถ้าปราศจากความบริสุทธิ์แล้วก็ไม่มีใครจะได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย

โคโลสี 3:13 กล่าวว่า “จงอดทนต่อกันและยกโทษให้กันถ้าใครในพวกท่านมีความคับข้องใจต่อใครซักคน ยกโทษตามที่พระเจ้าให้อภัยคุณ” สำหรับบางคน การให้อภัยเป็นเรื่องง่ายเหมือนการหายใจแต่สำหรับคนบางคนอาจรู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังถูกขอให้หายใจอยู่ใต้น้ำลึก แต่เราต้องใช้เวลาสักครู่ เเพื่อระลึกถึงพระเยซูบนไม้กางเขน

เราต้องนึกภาพพระองค์ถูกทารุณ ถูกเฆี่ยน เยาะเย้ย และถ่มน้ำลายใส่ เราจะเห็นพระองค์ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนพร้อมกับมงกุฎหนามที่ฝังลึกอยู่ในหนังศีรษะของพระองค์ ทรงชดใช้โทษสำหรับความผิดที่พระองค์ไม่ได้ก่อ พระองค์ตะโกนตอบโต้กลับไปหรือไม่? พระองค์ทรงถ่มน้ำลายตอบโต้หรือไม่? พระองค์ทรงปกป้องพระองค์เองและทรงขอร้องเหล่าทหารหรือไม่? ไม่เลย พระองค์ไม่ได้ทำอย่างนั้น แล้วพระองค์ทรงทำอะไรล่ะ? คำตอบคือ พระเยซูทรงตรัสว่า “พระบิดา ขอทรงยกโทษให้พวกเขา เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” (ลูกา 23:34)

อาจเป็นเพราะว่าเราใจอ่อนกับคู่ครองของเรา เลยทำให้เรารู้สึกอัปยศอดสูเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเมื่อเราถูกทำร้ายโดยคนคนเดียวกันที่เคยสาบานว่าจะรักเราทั้งในยามสุขและในยามทุกข์ ทั้งในยามเจ็บป่วยและในยามสบาย สัญญาว่าจะรักและให้เกียรติยกย่องจนกว่าชีวิตจะหาไม่  เราจึงรู้สึกว่าเราถูกละเมิด เรารู้สึกว่าถูกหักหลัง และในบางกรณี การหักหลังเป็นคำเดียวที่อธิบายถึงความผิด ถึงกระนั้น เราก็ยังถูกเรียกเพื่อที่จะให้อภัยเขา

คำถามต่อไปของคุณอาจเป็น “ฉันยังต้องพูดคำว่าให้อภัย ทั้งที่ในใจของฉันจะไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น  จริงเหรอ?”

บางทีคู่สมรสของคุณไม่ได้ขอการให้อภัย หรือสำนึกผิด บางทีคุณอาจจะต้องทนทุกข์กับผลที่ตามมาของความบาปของพวกเขาเป็นเวลานาน ดังนั้นความเจ็บปวดจึงเป็นสิ่งรบกวนในชีวิตของคุณ บางทีพวกมันอาจไม่ได้แสดงสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง แต่มันจะดำเนินอยู่ต่อไปได้ แล้วคัมภีร์ ไบเบิล พูด อย่าง ไร เกี่ยว กับ การ ให้อภัย?


ขั้นตอนที่ 4: จงแทนที่ความเจ็บปวดและความโกรธของคุณด้วยความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ

เอเฟซัส 4:31-32 สรุปไว้อย่างดี โดยบอกเราว่า “จงขจัดความขมขื่น ความเดือดดาล ความโกรธ การทะเลาะวิวาท การใส่ร้าย รวมถึงการคิดร้ายทุกรูปแบบ จงมีเมตตากรุณาและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับในพระคริสต์พระเจ้าให้อภัยคุณ”

กล่าวอีกนัยหนึ่งเราไม่ควรนั่งอยู่ในความโกรธของเรา เราไม่ควรจะขมขื่นต่อคู่สมรสของเราหรือใส่ร้ายพวกเขากับเพื่อนๆของเรา เราต้องกำจัดความรู้สึกเหล่านั้นและแทนที่มันด้วยความเมตตา เห็นอกเห็นใจ และให้อภัย

เช่นเดียวกับที่เรามักต้องนึกภาพของพระเยซูบนไม้กางเขนถูกตรึงที่กางเขน เราต้องนึกภาพว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีกในขณะนั้น ขณะที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขน สิ้นพระชนม์เพื่อคุณและคู่สมรสของคุณ พระเจ้าได้ทรงปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเพื่อเป็นการขยายพระคุณและการให้อภัยแก่บุตรธิดาของพระองค์ เมื่อเรานั่งด้วยความโกรธและความขมขื่น เมื่อเราใส่ร้ายคู่ครองของเราต่อเพื่อนเพราะเราเจ็บปวด เรากำลังเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงที่ว่าเราได้ทำบาปต่อพระเจ้าเช่นกันและพระองค์ทรงให้อภัยเราครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน

บางครั้งเราโน้มน้าวใจตนเองว่าเราไม่ได้ทำบาปมากเท่ากับที่คู่ครองของเราทำ และเราหาเหตุผลมาเพื่อระงับการให้อภัยเขา หากเป็นกรณีนี้ ก็ถึงเวลาที่คุณต้องกลับไปหาพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา คู่สมรสของลูกได้ทำบาปต่อลูกอีกครั้ง และในขณะที่ลูกรู้ว่าพระคำของพระองค์บอกให้ลูกให้อภัย ลูกเองไม่ต้องการทำมันเลย ลูกรู้สึกโกรธและคิดว่าการให้อภัย ก็เท่ากับลูกยอมรับว่า มันไม่เป็นไรที่เขาจะทำร้ายลูกอีก โปรดเตือนลูกถึงบาปของตัวเอง เตือนลูกว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของลูก เพราะคู่สมรสของลูกได้ทำบาปต่อพระองค์ด้วย โปรดช่วยลูกให้ตายจากความต้องการของตัวเองและไม่จมอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง โปรดช่วยลูกให้มีความเห็นอกเห็นใจคู่สมรสของลูก และความปรารถนาที่จะช่วยพาเขามาหาพระองค์ด้วยการสารภาพผิดและการกลับใจ โปรดช่วยลูกให้วางสุขภาพฝ่ายวิญญาณของคู่สมรสอยู่เหนือความรู้สึกของตัวลูกเอง ลูกอธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

อีกเหตุผลหนึ่งที่เราจำเป็นต้องควบคุมความรู้สึกของตัวเองก็คือ ยากอบ 1:2-4 2พี่น้องทั้งหลายเมื่อใดที่ท่านเผชิญความทุกข์ยากนานาประการ จงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ 3เพราะท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้นทำให้เกิดความอดทนบากบั่น 4จงอดทนบากบั่นให้ถึงที่สุดเพื่อท่านจะเติบโตเต็มที่และสมบูรณ์เพียบพร้อมและไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย พระคัมภีร์บอกให้เราถือเป็นความยินดีเมื่อเราต้องเผชิญการทดลองต่างๆ แต่สามีของคุณทำผิดต่อคุณไม่ใช่หรือ? ใช่..อาจจะเป็นอย่างนั้น. และฉันสามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมาว่าเมื่อสามีทำบาปต่อฉัน การนับว่าเป็นปีติไม่ใช่สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดของฉันเลยสักนิด! แต่มันเป็นสิ่งที่ฉันควรจะทำ ทำไมละ? เพราะการแต่งงานเป็นหนทางหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อชำระเราให้บริสุทธิ์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง พระเจ้าใช้ความเครียดและความกดดันในชีวิตการแต่งงานเพื่อทำให้เรามีบางอย่างที่ดูเหมือนพระคริสต์มากขึ้น

เมื่อคู่สมรสของเราทำบาปต่อเรา เรามีทางเลือกสองทาง เราสามารถทำตามการนำของโลก ตอบโต้ด้วยความโกรธ และนั่งอยู่ในความขมขื่นของเรา หรือเราสามารถไปหาพระเจ้า สวดอ้อนวอนเพื่อสันติ การให้อภัย และขอให้พระเจ้าใช้สถานการณ์นี้เพื่อทำให้คุณและคู่สมรสของคุณเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้น

พระบิดาเจ้าข้า การแต่งงานไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เรารู้ว่ามันเป็นของขวัญที่พระองค์มอบให้เรา โปรดทรงยกโทษให้เราที่บิดเบือนของขวัญนี้และทำให้เป็นสิ่งที่มักจะทำให้พระองค์ขุ่นเคือง แทนที่จะนำเกียรติมาสู่พระองค์ โปรดช่วยให้เราแสวงหาพระองค์ก่อนสิ่งอื่นใดท่ามกลางสายหมอกของพายุชีวิตคู่ โปรดช่วยเรารู้จักให้อภัยกันในแบบที่พระองค์ทรงยกโทษให้เรา โปรดช่วยเราให้ดำเนินชีวิตตามที่เอเฟซัส 4:22-24 ที่จะละทิ้งตัวตนเก่าของเราซึ่งเป็นของวิถีชีวิตเดิมของเราซึ่งกำลังถูกทำให้เสื่อมโทรมไปโดยตัณหาอันล่อลวงของมัน และเพื่อให้จิตวิญญาณแห่งความคิดของเรารับการสร้างขึ้นใหม่ และเพื่อสวมตัวตนใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นตามแบบอย่างของพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง  ลูกอธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

Crosswalk


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...