จะทำอย่างไรเมื่อความคิดของคุณกับสามีไม่ตรงกัน
โดย Lizzie Smiley
มีผู้หญิงที่เข้มแข็ง อ่อนน้อมถ่อมตนและน่าทึ่งคนหนึ่งเขียนถึงฉันเมื่อเร็วๆ
นี้ เธอเคยอ่านโพสต์ไวรัลของฉัน Let Your
Husband Be A Man และสิ่งที่เธอได้อ่านมันได้พูดตรงไปยังหัวใจของเธอ และยังทิ้งคำถามไว้กับเธอด้วย
เนื่องจากสามีของเธอรู้สึกได้ว่าเธอต่อต้านเขาอย่างแข็งขันและเธอเองก็กำลังแสวงหาคำแนะนำจากพระเจ้าเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำ
ฉันสามารถบอกได้ว่าเธอกำลังติดอยู่ในซอกหินและมันหนักหนามากสำหรับเธอ
และเสียงร้องจากใจจริงของเธอคือ ต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องตามพระคัมภีร์ แม้ว่าเธอจะไม่เห็นด้วยทั้งหมดก็ตาม
ฉันเขียนกลับถึงเธอด้วยคำแนะนำแบบเดียวกับที่ฉันจะเสนอให้กับทุกคนในวันนี้
สำหรับตอนนี้ ฉันแค่อยากจะแบ่งปันว่าคุณสามารถเดินออกจากสถานการณ์นั้นได้และคุณจะรักษาบ้านที่สงบสุขไว้ได้อย่างไรเมื่อสามีของคุณตัดสินใจบางเรื่องโดยที่คุณไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ด่วนมาก ฉันจะบอกคุณที่นี่และตอนนี้ว่าหากความสัมพันธ์ของคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่คุณต้องพูดด้วยอารมณ์
ความรู้สึก การแสดงท่าทาง และอาจนำไปสู่การล่วงละเมิด
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการยอมแพ้ แต่ฉันมีความเห็นที่คิดต่างและเฉพาะเจาะจงสำหรับเรื่องนี้มาแบ่งปัน
ฟังนะ เมื่อก่อนฉันเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉันเป็นอยู่อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
อันที่จริง ในหลาย ๆ ด้านเลยก็ว่าได้ ฉันจะทำมันตรงกันข้ามหมด
ฉันเคยมีค่านิยมที่แตกต่างกันมากเกี่ยวกับการแต่งงาน สิทธิผู้หญิง
และความเชื่อจนกระทั่งฉันถูกเปลี่ยนใหม่ในพระเยซูคริสต์ในปี 2010 ฉันเองก็ไม่ได้เติบโตขึ้นมาโดยมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระคริสต์ตั้งแต่แรก
ฉันไม่ได้อ่านพระคัมภีร์จบทั้งเล่มจนกระทั่งอายุ 27 ปี
และฉันใช้ชีวิตในวัยหนุ่มสาวในฐานะสตรีนิยม (สตรีนิยมที่มีจิตสำนึกที่จะต่อต้านการข่มเหงรังแกผู้หญิง)
แต่แล้วพระเจ้าก็เข้ามาแทรกแซง ครั้งใหญ่. และกระบวนทัศน์ทั้งหมดของฉันก็เปลี่ยนไป
พระองค์สัญญาว่า “เจ้าจะแสวงหาเราและพบเรา
เมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสุดใจของเจ้า” -เยเรมีย์ 29:13
1. การอธิษฐาน
6อย่ากระวนกระวายในเรื่องใดๆ เลย
แต่จงทูลขอทุกสิ่งต่อพระเจ้าด้วยการอธิษฐานและการอ้อนวอนพร้อมกับการขอบพระคุณ 7แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจจะปกป้องความคิดจิตใจของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์
-ฟิลิปปี 4:6-7
ให้คุณอธิษฐานเผื่อสามี ตัวคุณเอง และทุกคนที่เกี่ยวข้องโดยไม่มีข้อกำหนด
คุณเพียงยกทุกคนขึ้นไปหาพระเจ้าและขอให้พระองค์นำน้ำพระทัยที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ออกมาในชีวิตของทุกคน
อธิษฐานขอพรและพระคุณแห่งการรักษาและความรอดเหนือแต่ละคน นี่เป็นรูปแบบการอธิษฐานที่บริสุทธิ์ที่สุดที่คุณสามารถมอบให้กันได้
2. การให้เกียรติสามีของคุณ
“ภรรยาต้องเคารพสามีของตน”
–เอเฟซัส 5:33
หากคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสามีของคุณ
และคุณมักจะพูดคุยกันถึงปัญหาและมีการตัดสินใจร่วมกันในฐานะหุ้นส่วนชีวิต ให้คุณระบุความคิดเห็นของคุณอย่างชัดเจน
แต่ต้องทำอย่างให้เกียรติ ไม่แสดงอารมณ์ และมีเหตุผล
วางแผนคำพูดของคุณล่วงหน้าแทนที่จะตอบสนองอย่างหุนหันพลันแล่นในขณะนั้น
สิ่งสำคัญคือคุณต้องใส่ใจกับทัศนคติ น้ำเสียง
การแสดงออกทางสีหน้า และภาษากายเมื่อคุณสื่อสาร สุภาษิตโบราณที่ว่า “ภาพๆหนึ่งภาพมีค่าหนึ่งพันคำ”
เราสามารถนำมาใช้ในที่นี้ได้เลย วิธีที่คุณสื่อสารจะมีความหมายมากเท่ากับที่คุณพูด
ยิ่งคุณนำเสนอความคิดเห็นของคุณอย่างสุภาพ รัดกุม และรอบคอบมากเท่าใด สามีก็จะยิ่งได้รับสารนั้นและพิจารณาได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น
จงนำความคิดเห็นของคุณไปหาเขาด้วยดวงตาที่อ่อนโยนและอ่อนหวานและหน้าตาที่ผ่อนคลาย
“ใครจะพบภรรยาที่ดีเลิศ? นางล้ำค่ายิ่งกว่าทับทิมมากนัก”
-สุภาษิต 31:10
หากคุณได้แสดงเจตจำนงค์ของคุณแล้วและเขาแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาเองก็ไม่ได้เปลี่ยนใจ—ก็ถึงเวลาที่จะต้องยุติเรื่องนี้
ใช่ แม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยก็ตาม หากเป็นเรื่องที่คุณจริงจัง
จากนี้ไปการต่อสู้ควรต่อสู้ด้วยคำอธิษฐานที่ถ่อมตนและบริสุทธิ์ใจ
ไม่ใช่ในเนื้อหนัง
อย่าตกหลุมพรางของการหยิบยกประเด็นเดิมขึ้นมาพูดเรื่อยๆ
อย่ากวนใจเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพบกับสันติสุขในที่ที่คุณอยู่ ท้ายที่สุด
พวกเราไม่มีใครอยากเป็นภรรยาที่ชอบทะเลาะวิวาท เราอยากเป็นภรรยาที่มีค่ามากกว่าทับทิมแน่นอน
“อยู่หัวมุมดาดฟ้า
ดีกว่าอยู่ร่วมบ้านกับเมียขี้ทะเลาะ”
–สุภาษิต 25:24
ต่อไปนี้อาจฟังรุนแรงบ้างเล็กน้อย
แต่ฉันเชื่อว่าจำเป็นต้องพูด:
นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำสงครามเย็นกับสามีของคุณ โดยการเงียบ บูดบึ้ง
หรืองดการมีเพศสัมพันธ์เพื่อประกาศสงคราม ผู้หญิงจำนวนมากใช้
"การลงโทษแบบเงียบ" เหล่านี้เพื่อจัดการสามีเพื่อให้เขาปฏิบัติตามสิ่งที่พวกเธอต้องการ
พวกเธอปกป้องตัวเองโดยบอกว่าพวกเธอไม่ได้โต้เถียงกับสามีหรือไม่เชื่อฟังเขาแต่อย่างใด
แต่ฉันคิดว่าเราทำได้ดีกว่านี้
ฉันเชื่อว่าผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่สามารถและควรอยู่เหนือพฤติกรรมเหล่านี้
และถ้าเราสนใจที่จะเชื่อฟังพระเจ้าและรอให้พระองค์ให้คำตอบกับคำอธิษฐานของเรา—เราก็ต้องอยู่เหนือมันได้เช่นกัน ฉันรักคุณมากพอที่จะบอกความจริงกับคุณ: และมันมีวิธีที่ดีกว่านี้
“อย่าปฏิเสธการอยู่ร่วมกัน
เว้นแต่เห็นพ้องกันเป็นการชั่วคราวเพื่ออุทิศตนในการอธิษฐาน
จากนั้นจึงมาอยู่ร่วมกันอีก เพื่อซาตานจะไม่ล่อลวงท่านให้ทำผิดเนื่องจากขาดการควบคุมตนเอง”
-1 โครินธ์ 7:5
“…เมื่อท่านทูลขอท่านไม่ได้รับเพราะท่านขอด้วยแรงจูงใจผิดๆ
เพื่อจะนำไปปรนเปรอตนเอง…” - ยากอบ 4:3
ในท้ายที่สุด สภาวการณ์ของเราไม่ได้เป็นตัวควบคุมความสุขหรือความสงบภายในใจของเรา
แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวของเรากับพระเจ้าต่างหากที่ควบคุม ลองใช้พลังที่คุณอยากจะใช้เพื่อพยายามเปลี่ยนความคิดของสามี
มาเป็นการเปลี่ยนเส้นทางที่จะนำตัวคุณเองไปสู่การแสวงหาพระเจ้าแทนจะดีกว่าไหม
หากจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงคนอื่น ก็ปล่อยให้พระเจ้าดำเนินการ
ให้พระเจ้าพูดและชี้นำสามีของคุณ พระองค์สามารถดึงความสนใจจากสามีของคุณได้อย่างแน่นอนหากพระองค์าต้องการหรือจำเป็นต้องทำ
เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างจักรวาลทั้งหมด
สำหรับตอนนี้ ให้เราเอาชนะสามีของคุณด้วยความเคารพ รัก
และให้เกียรติเสียสละ ฉันอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อนซึ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่
แต่มันได้สอนฉันอย่างมากและปรับปรุงความสัมพันธ์ของฉันกับสามีให้ดีขึ้นจริงๆ
มันถูกเรียกว่า The Proper Care & Feeding of
Husbands โดย Laura Schlessinger อาจไม่ง่าย แต่หากทำได้
ก็เปลี่ยนชีวิตได้
3. แสวงหาพระเจ้าด้วยทุกสิ่งที่คุณมี
“แต่จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน
และพระองค์จะประทานสิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่านด้วย”
–มัทธิว 6:33
บัดนี้เป็นเวลาที่จะมุ่งหน้าไปหาพระเจ้าและยอมให้พระองค์นำพาคุณผ่านพ้นฤดูกาลนี้ไป
นี่จะเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตเมื่อคุณได้เรียนรู้ว่าพระองค์คือทุกสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริง
ใช้ประโยชน์จากความยากลำบากในปัจจุบัน ความคับข้องใจ ความกลัว
หรืออารมณ์ด้านลบอื่นๆ ในปัจจุบันของคุณ
และนำมันทั้งหมดไปไว้หน้าพระที่นั่งแห่งพระคุณ ซึ่งคุณจะพบความเมตตาในเวลาที่คุณต้องการ
(ฮีบรู 4:16) นี่เป็นเรื่องระหว่างคุณกับพระบิดาบนสวรรค์ของคุณ
และพระองค์รอคอยที่จะพบคุณในห้องที่เงียบสงบ เพื่อเป็นทุกอย่างของคุณ
อย่ามองหาความรอดของคุณแค่ที่โบสถ์หรือศิษยาภิบาล/ผู้ทำหน้าที่อภิบาล
หรือการการเติมเต็มทางวิญญาณของคุณเท่านั้น
โบสถ์ในวันอาทิตย์มีความสวยงามมากกว่าสิ่งอื่นใด
เป็นวันที่เราจะได้เพลิดเพลินกับการมีสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อคนอื่นๆ แต่มันจะไม่นำเราไปสู่ทางแคบแห่งความรอด
และนี่ไม่ใช่ที่ที่เดียวที่เราควรจะได้รับอาหารฝ่ายวิญญาณทั้งหมดของเรา
ความสัมพันธ์ส่วนตัวของฉันกับพระเจ้าดำเนินไปทุกวันโดยใช้เวลาทุ่มเทในการอ่านพระคัมภีร์
อธิษฐาน และนมัสการพระเจ้าด้วยเพลงสรรเสริญ และของคุณก็ต้องทำเช่นเดียวกัน
คุณควรให้ความสำคัญกับการทรงเรียกส่วนตัวของคุณ มากกว่าที่จะรอให้ศิษยาภิบาล
หรือผู้มีหน้าที่อภิบาลเพียงคนใดคนหนึ่งมานำทางคุณ พี่น้องที่รัก!
พระเจ้าต้องการเวลาใกล้ชิดเพื่อพูดคุยกับคุณโดยตรง สอนคุณ
และประทานการเปิดเผยผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
แทนที่จะมองหาที่โบสถ์เพื่อทำสิ่งนี้ ให้คุณลองติดตามพระเจ้าด้วยทุกสิ่งที่คุณมี
และทำให้มันกลายเป็นภารกิจประจำวันของคุณเพื่อที่คุณจะได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์เหนือสิ่งอื่นใด
4. เปลี่ยนแปลงตัวคุณเอง
“และเราทั้งหลายผู้ไม่มีผ้าคลุมหน้าล้วนใคร่ครวญพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เรากำลังรับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระองค์ด้วยรัศมีที่เพิ่มพูนขึ้นทุกที
อันเป็นรัศมีซึ่งมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ ”
-2 โครินธ์ 3:18
หากฉันสามารถให้คำแนะนำเพียงข้อเดียวเกี่ยวกับการยอมจำนน
แม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับสามีของคุณ ก็คงจะเป็นดังนี้:
ขอให้พระเจ้าชำระจิตใจของคุณให้บริสุทธิ์และนำคุณไปสู่ความสงบสุข
และอย่าหยุดถามจนกว่าจะได้คำตอบ
ปล่อยให้เสียงร้องของหัวใจเป็นไปเพื่อพระเจ้าจะทรงนำคุณไปสู่การรักษาระดับที่คุณไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการคือ ขอให้คุณกลายเป็นคนที่เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้หรือเรื่อง อื่นๆ
และวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปของโลกเราในทุกวันนี้ เพราะฉันเป็นห่วงชุมชนแห่งความเชื่อ/คริสตจักรของเรามาก
พระเยซูคริสต์ทรงต้องการและสมควรได้รับเจ้าสาวที่บริสุทธิ์ เพราะพระองค์ยอมสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
เราจึงเป็นหนี้พระองค์ที่จะแสวงหาจิตใจที่บริสุทธิ์และจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์
ความจริงก็คือพระเจ้าอาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่ แต่สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือวิธีที่เราเลือกตอบสนองกับสถานการณ์เหล่านั้น
เราสามารถโกรธ รำคาญ และบ่นกับสามีของเราได้จนกว่าสามีจะยอมจำนนและทำในสิ่งที่เราต้องการ—แต่นั่นจะทำให้พระเจ้าและกิจการของพระองค์ได้รับการสรรเสริญในการดำเนินชีวิตของเราได้อย่างไร?
อีกทางเลือกหนึ่งคือเราสามารถยอมจำนนต่อสามีของเรา
และเลือกใช้พลังงานของเราในการใฝ่หาความใกล้ชิดกับพระเจ้าและสันติสุขในที่ที่เราอยู่
มีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ฉันกังวลคือทัศนคติของจิตใจที่ฉันมีต่อพระเจ้าและคนอื่นๆ
ในขณะที่ฉันต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ซึ่งมันยากมากกว่าสภาพการณ์ของฉันเสียอีก
ฉันขอบอกไว้ ณ ที่นี้เลยว่า ฉันใช้เวลาหลายปีจมอยู่กับความคับแค้นใจกับทุกสิ่งที่ฉันไม่ชอบและมันไม่ส่งผลดีต่อฉันเลย
หากเรามีสันติสุขกับทุกเรื่องและคนรอบๆตัวเราได้ มันคงเป็นที่ที่มีความสุขมาก
พี่น้องที่รักฉันหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยคุณได้! ฉันแบ่งปันบทความนี้ให้คุณด้วยความหวังและคำอธิษฐานมากมาย
คุณมีค่ามากและฉันสวดอ้อนวอนขอให้พระเจ้าใช้ฤดูกาลนี้นำคุณไปสู่แผนการอันทรงพลังที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าสำหรับคุณ
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
Createapeacefulhome
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น