วันที่ห้าสิบเก้า –
เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
หากท่านปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าในพระคัมภีร์อย่างแท้จริงที่ว่า
“จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” ท่านก็ทำถูกแล้ว
ยากอบ 2:8
คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับกฎทองหรือไม่??
กฎทอง ที่ว่าก็คือ จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่ท่านปรารถนาให้เขาปฏิบัติต่อท่าน
นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราแสดงออกถึงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
คุณอาจจะชอบเมื่อมีคนสนใจฟังสิ่งที่คุณพูด ชอบคนคอยชื่นชมคุณ ชอบคนที่พูดจาไพเราะ
ชอบคนที่มีน้ำใจกับคุณเสมอ
ถ้าหากสิ่งที่กล่าวมานี้คือสิ่งที่คุณชอบและต้องการจากคนอื่น จงจำไว้ว่า
คนอื่นก็ต้องการสิ่งเหล่านี้จากคุณด้วยเช่นกัน
กฎทองเป็นวิธีที่ทรงพลังในการแสดงความรักของพระเจ้าต่อผู้อื่น
เรามักคิดว่าเพื่อนบ้านของเราก็คือคนที่อยู่บ้านใกล้กันกับเรา
แต่เมื่อคนหนึ่งถามพระเยซูว่า “ใครเล่าเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้าจริง ๆ?” พระเยซูตอบเขาโดยยกตัวอย่างเรื่องเพื่อนบ้านชาวซะมาเรียเพื่ออธิบายว่าใครคือเพื่อนบ้านและการรักเพื่อนบ้านหมายถึงอะไรจริง ๆ (อ่านลูกา
10:29-37) ในตัวอย่างนั้นพูดถึงชาวยิวคนหนึ่งถูกปล้น ถูกทุบตี
และถูกทิ้งให้ตายอยู่ข้างถนน
มีปุโรหิตชาวอิสราเอลคนหนึ่งกับคนตระกูลเลวีอีกคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนเป็นเพื่อนบ้านที่น่าจะช่วยเหลือชายคนนี้
แต่เขากลับเดินผ่านไปเฉย ๆ ไม่ช่วยอะไร แต่ชาวซะมาเรียคนหนึ่งกลับช่วยชายที่บาดเจ็บคนนี้ทั้ง ๆ ที่สมัยนั้นชาวยิวกับชาวซะมาเรียเกลียดกัน
ชาวซะมาเรียพันแผลให้โดยเอาน้ำมันและเหล้าองุ่นเทใส่แผลของเขา
แล้วพาเขาไปพักฟื้นที่โรงแรม
และยังให้เงินกับเจ้าของโรงแรมสองเดนาริอนซึ่งเท่ากับค่าแรงของการทำงานสองวันในสมัยนั้น
เมื่อคิดถึงวิธีที่ชาวซะมาเรียช่วยชายชาวยิวที่บาดเจ็บนี้
ทำให้เราเข้าใจว่าการรักเพื่อนบ้านหมายถึงอะไร
เราก็เป็นเหมือนชาวซะมาเรียคนนี้ได้ถ้าเราเห็นอกเห็นใจและรักคนอื่นจริง ๆ
“จงพยายามมีสันติสุขกับคนทั้งปวง” (ฮีบรู
12:14) เราคงมีสันติสุขกับคนทั้งปวงไม่ได้ถ้าเรายังมีปัญหากับพี่น้องของเราอยู่
พระเยซูบอกว่าถ้าเรารักพี่น้องของเราจริง เมื่อเรามีปัญหากับเขาเราควรพยายามปรับความเข้าใจกับเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าเราทำอย่างนั้น พระเจ้าจะพอใจเราอย่างแน่นอน
อย่าตัดสินคนอื่น
“จงเลิกตัดสินผู้อื่นเพื่อเจ้าทั้งหลายจะไม่ถูกตัดสิน”
พระเยซูสอนว่าเราไม่ควรตัดสินคนอื่นจากความผิดพลาดของเขา ท่านยังบอกอีกว่า
“เหตุใดเจ้าจึงมองดูเศษฟางในตาพี่น้องของเจ้า แต่ไม่มองท่อนไม้ในตาของเจ้าเอง? หรือเจ้าจะพูดกับพี่น้องของเจ้าได้อย่างไรว่า ‘ให้ข้าเอาเศษฟางออกจากตาเจ้าเถิด’
ในเมื่อมีไม้ทั้งท่อนอยู่ในตาของเจ้าเอง? คนหน้าซื่อใจคด!
จงเอาท่อนไม้ออกจากตาเจ้าเองก่อน
แล้วเจ้าจึงจะมองเห็นชัดว่าจะเอาเศษฟางออกจากตาของพี่น้องเจ้าอย่างไร” (มัทธิว.
7:1-5) พระคัมภีร์ข้อนี้แสดงให้เห็นว่าเราไม่ควรตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเมื่อเขาทำอะไรผิดพลาด
เพราะตัวเราเองก็ทำผิดพลาดหลายครั้งเหมือนกัน
ความรัก “ไม่โกรธง่าย
ไม่จดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บใจ” เมื่อมีบางคนทำไม่ดีต่อเรา
เราจะไม่โกรธเร็วและจะไม่จดจำทุกสิ่งที่คนอื่นทำ
ถ้าเราเก็บความโกรธหรือความไม่พอใจเอาไว้ ความรู้สึกนั้นจะเป็นเหมือนไฟที่เผาไหม้อยู่ในใจเราและจะไม่ส่งผลดีกับทั้งตัวเราและคนอื่นแน่
ๆ แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เราควรให้อภัยและลืมเรื่องนั้นไปเลย ความรัก
“ไม่ยินดีในการอธรรม แต่ยินดีกับความจริง” ถ้าเราเห็นคนที่ไม่ชอบเรากำลังเดือดร้อน
เราจะไม่สมน้ำหน้าเขา
พระเยซูกำลังสอนว่าเราควรรักทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว
และวิธีที่ดีที่สุดเพื่อแสดงว่าเรารักคนอื่นก็คือ
เราต้องสอนให้เขารู้จักพระเจ้าและราชอาณาจักรของพระองค์ ถ้าเพื่อนบ้านที่เราสอนทำตามความรู้ในพระคัมภีร์
พวกเขาก็จะมีความสุขเพราะได้มาเป็นเพื่อนของพระเจ้าเหมือนกับเรา เราได้เรียนแล้วว่าเราควรรักพระเจ้าสุดหัวใจ
สุดชีวิต และสุดความคิดของเรา
และเราได้เรียนเกี่ยวกับวิธีแสดงความรักต่อเพื่อนบ้านของเราด้วย ดังนั้น
ถ้าเรารักพระเจ้าและเพื่อนบ้านก็แสดงว่าเราเชื่อฟังพระบัญญัติข้อนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เรากำลังทำให้พระเจ้าพ่อที่รักของเรามีความสุข
ข้อคิดระหว่างวัน
ให้คุณแสดงออกถึงความรักของพระเจ้าโดยการปฏิบัติดีต่อผู้อื่นอย่างจริงใจในทุก
ๆวัน
เราสามารถแสดงให้เห็นความรักที่เรามีต่อพระเจ้า เมื่อเรารักซึ่งกันและกัน
ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกขอบพระคุณสำหรับความรักที่พระองค์ประทานให้กับลูกอย่างท่วมท้นในแต่ละวัน
โปรดสอนลูกให้ห่วงใยผู้อื่น ขอทรงเปิดตาของลูกให้เห็นความขัดสนของผู้คนและทำสิ่งที่ทรงปรารถนาให้ลูกทำ
ลูกขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก
พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา
แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้
ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์.
ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด ลูกจะไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่ประกาศข่าวดี
ลูกจะแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า
ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป
อย่าลืมศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ
เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ
KC Love God
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น