วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2562

เรียบง่ายแต่ทรงพลัง



วันที่ห้าสิบเก้า – เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
หากท่านปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าในพระคัมภีร์อย่างแท้จริงที่ว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” ท่านก็ทำถูกแล้ว
ยากอบ 2:8

     คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับกฎทองหรือไม่?? กฎทอง ที่ว่าก็คือ จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่ท่านปรารถนาให้เขาปฏิบัติต่อท่าน นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราแสดงออกถึงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

     คุณอาจจะชอบเมื่อมีคนสนใจฟังสิ่งที่คุณพูด ชอบคนคอยชื่นชมคุณ ชอบคนที่พูดจาไพเราะ ชอบคนที่มีน้ำใจกับคุณเสมอ  ถ้าหากสิ่งที่กล่าวมานี้คือสิ่งที่คุณชอบและต้องการจากคนอื่น จงจำไว้ว่า คนอื่นก็ต้องการสิ่งเหล่านี้จากคุณด้วยเช่นกัน
     กฎทองเป็นวิธีที่ทรงพลังในการแสดงความรักของพระเจ้าต่อผู้อื่น

     เรามักคิดว่าเพื่อนบ้านของเราก็คือคนที่อยู่บ้านใกล้กันกับเรา   แต่เมื่อคนหนึ่งถามพระเยซูว่า “ใครเล่าเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้าจริง ๆ?” พระเยซูตอบเขาโดยยกตัวอย่างเรื่องเพื่อนบ้านชาวซะมาเรียเพื่ออธิบายว่าใครคือเพื่อนบ้านและการรักเพื่อนบ้านหมายถึงอะไรจริง ๆ (อ่านลูกา 10:29-37) ในตัวอย่างนั้นพูดถึงชาวยิวคนหนึ่งถูกปล้น ถูกทุบตี และถูกทิ้งให้ตายอยู่ข้างถนน มีปุโรหิตชาวอิสราเอลคนหนึ่งกับคนตระกูลเลวีอีกคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนเป็นเพื่อนบ้านที่น่าจะช่วยเหลือชายคนนี้ แต่เขากลับเดินผ่านไปเฉย ๆ ไม่ช่วยอะไร แต่ชาวซะมาเรียคนหนึ่งกลับช่วยชายที่บาดเจ็บคนนี้ทั้ง ๆ ที่สมัยนั้นชาวยิวกับชาวซะมาเรียเกลียดกัน

     ชาวซะมาเรียพันแผลให้โดยเอาน้ำมันและเหล้าองุ่นเทใส่แผลของเขา แล้วพาเขาไปพักฟื้นที่โรงแรม และยังให้เงินกับเจ้าของโรงแรมสองเดนาริอนซึ่งเท่ากับค่าแรงของการทำงานสองวันในสมัยนั้น เมื่อคิดถึงวิธีที่ชาวซะมาเรียช่วยชายชาวยิวที่บาดเจ็บนี้ ทำให้เราเข้าใจว่าการรักเพื่อนบ้านหมายถึงอะไร เราก็เป็นเหมือนชาวซะมาเรียคนนี้ได้ถ้าเราเห็นอกเห็นใจและรักคนอื่นจริง ๆ

     “จงพยายามมีสันติสุขกับคนทั้งปวง” (ฮีบรู 12:14) เราคงมีสันติสุขกับคนทั้งปวงไม่ได้ถ้าเรายังมีปัญหากับพี่น้องของเราอยู่ พระเยซูบอกว่าถ้าเรารักพี่น้องของเราจริง เมื่อเรามีปัญหากับเขาเราควรพยายามปรับความเข้าใจกับเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเราทำอย่างนั้น พระเจ้าจะพอใจเราอย่างแน่นอน

     อย่าตัดสินคนอื่น “จงเลิกตัดสินผู้อื่นเพื่อเจ้าทั้งหลายจะไม่ถูกตัดสิน” พระเยซูสอนว่าเราไม่ควรตัดสินคนอื่นจากความผิดพลาดของเขา ท่านยังบอกอีกว่า “เหตุใดเจ้าจึงมองดูเศษฟางในตาพี่น้องของเจ้า แต่ไม่มองท่อนไม้ในตาของเจ้าเอง? หรือเจ้าจะพูดกับพี่น้องของเจ้าได้อย่างไรว่า ‘ให้ข้าเอาเศษฟางออกจากตาเจ้าเถิด’ ในเมื่อมีไม้ทั้งท่อนอยู่ในตาของเจ้าเอง? คนหน้าซื่อใจคด! จงเอาท่อนไม้ออกจากตาเจ้าเองก่อน แล้วเจ้าจึงจะมองเห็นชัดว่าจะเอาเศษฟางออกจากตาของพี่น้องเจ้าอย่างไร” (มัทธิว. 7:1-5) พระคัมภีร์ข้อนี้แสดงให้เห็นว่าเราไม่ควรตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเมื่อเขาทำอะไรผิดพลาด เพราะตัวเราเองก็ทำผิดพลาดหลายครั้งเหมือนกัน

     ความรัก “ไม่โกรธง่าย ไม่จดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บใจ” เมื่อมีบางคนทำไม่ดีต่อเรา เราจะไม่โกรธเร็วและจะไม่จดจำทุกสิ่งที่คนอื่นทำ ถ้าเราเก็บความโกรธหรือความไม่พอใจเอาไว้ ความรู้สึกนั้นจะเป็นเหมือนไฟที่เผาไหม้อยู่ในใจเราและจะไม่ส่งผลดีกับทั้งตัวเราและคนอื่นแน่ ๆ แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เราควรให้อภัยและลืมเรื่องนั้นไปเลย ความรัก “ไม่ยินดีในการอธรรม แต่ยินดีกับความจริง” ถ้าเราเห็นคนที่ไม่ชอบเรากำลังเดือดร้อน เราจะไม่สมน้ำหน้าเขา

     พระเยซูกำลังสอนว่าเราควรรักทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว และวิธีที่ดีที่สุดเพื่อแสดงว่าเรารักคนอื่นก็คือ เราต้องสอนให้เขารู้จักพระเจ้าและราชอาณาจักรของพระองค์ ถ้าเพื่อนบ้านที่เราสอนทำตามความรู้ในพระคัมภีร์ พวกเขาก็จะมีความสุขเพราะได้มาเป็นเพื่อนของพระเจ้าเหมือนกับเรา เราได้เรียนแล้วว่าเราควรรักพระเจ้าสุดหัวใจ สุดชีวิต และสุดความคิดของเรา และเราได้เรียนเกี่ยวกับวิธีแสดงความรักต่อเพื่อนบ้านของเราด้วย ดังนั้น ถ้าเรารักพระเจ้าและเพื่อนบ้านก็แสดงว่าเราเชื่อฟังพระบัญญัติข้อนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เรากำลังทำให้พระเจ้าพ่อที่รักของเรามีความสุข

ข้อคิดระหว่างวัน
ให้คุณแสดงออกถึงความรักของพระเจ้าโดยการปฏิบัติดีต่อผู้อื่นอย่างจริงใจในทุก ๆวัน
เราสามารถแสดงให้เห็นความรักที่เรามีต่อพระเจ้า เมื่อเรารักซึ่งกันและกัน

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รัก  ลูกขอบพระคุณสำหรับความรักที่พระองค์ประทานให้กับลูกอย่างท่วมท้นในแต่ละวัน โปรดสอนลูกให้ห่วงใยผู้อื่น ขอทรงเปิดตาของลูกให้เห็นความขัดสนของผู้คนและทำสิ่งที่ทรงปรารถนาให้ลูกทำ
ลูกขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์.

 ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด  ลูกจะไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่ประกาศข่าวดี ลูกจะแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป  อย่าลืมศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ
KC Love God

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...