วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2566

5 เคล็ดลับในการวางใจพระเจ้าเมื่อคุณป่วย

 


5 เคล็ดลับในการวางใจพระเจ้าเมื่อคุณป่วย

 

เราแต่ละคนจะต้องผ่านการทดลองในชีวิตของเรา ไม่มีใครซ่อนตัวจากมันและไม่มีใครหลีกเลี่ยงจากมันได้ คุณอาจจะกำลังอยู่ในการทดลองตอนนี้ คุณอาจจะเพิ่งจบจากการทดลอง หรือคุณกำลังเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่การทดลอง'

 

ความเจ็บป่วยเป็นการทดลองทั่วไปที่หลายคนต้องเผชิญในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือคนที่คุณห่วงใยจะป่วยหนักในช่วงชีวิตนี้ บางทีความทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วยก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

การวางใจในพระเจ้าเมื่อคุณป่วยอาจเป็นเรื่องยากมาก! มันจะมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจคุณ คุณอาจสงสัยในความซื่อสัตย์และความรักของพระองค์ เช่นเดียวกับโยบ คุณอาจคิดว่าพระเจ้าต่อต้านคุณด้วยซ้ำ

 

เมื่อฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ศรัทธาของฉันถูกท้าทายในแบบที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้เลย ฉันถามพระเจ้าและโทษพระองค์สำหรับความทุกข์ของฉัน แต่พระเจ้าทรงนำฉันผ่านพ้นไฟนั้น และฉันก็สามารถหลุดพ้นออกมาอีกด้านด้วยศรัทธาและความหวังใหม่

 

หลายปีผ่านไปพร้อมกับการทดลองอื่น ๆ ฉันต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ บางครั้งหนักจนดูเหมือนว่าฉันไม่สามารถหยุดพักได้! ฉันร้องหาพระเจ้าว่ามันไม่ยุติธรรม ทำไมต้องเป็นฉัน?

 

ฉันไม่รู้ว่าทำไมสุขภาพของฉันถึงไม่เหมือนเดิม ชีวิตนี้ฉันคงไม่มีวันได้คำตอบ และฉันก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดยังมีผู้คนมากมายที่มีความทุกข์ยากมากกว่าฉัน แต่ฉันรู้ว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ พระองค์ทรงสอนให้ฉันวางใจพระองค์เมื่อเจ็บป่วย ในวันนี้ ฉันจะแบ่งปันกับคุณถึง 5 วิธีที่ฉันเรียนรู้ที่จะวางใจพระเจ้าเมื่อฉันป่วย

 

 สิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวเกี่ยวกับความเจ็บป่วย

ก่อนที่เราจะพูดถึงสิ่งที่ช่วยให้ฉันวางใจในพระเจ้าในยามเจ็บป่วย ฉันต้องการทบทวนข้อพระคัมภีร์ มาดูกันว่าในพระคัมภีร์พูดถึงโรคภัยไข้เจ็บไว้อย่างไร พระคัมภีร์บางข้อที่ฉันชื่นชอบได้สัญญาว่าจะปลอบโยนจากพระเจ้าสำหรับผู้ที่เจ็บป่วยหรือทนทุกข์

 

มัทธิว 5 เป็นข้อความยอดนิยมที่รู้จักกันในนามของความสุข ในข้อ 1-12 พระเยซูทรงบอกลักษณะนิสัยของใครบางคน แล้วประทานพรแก่บุคคลนั้น ข้อ 3 เป็นพรข้อแรก ซึ่งอ่านว่า “ผู้มีใจยากจนก็เป็นสุข เพราะว่าอาณาจักรสวรรค์เป็นของพวกเขา” (NIV) ฉันรู้สึกแย่ในจิตวิญญาณทุกครั้งที่ฉันเผชิญกับความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น ดังนั้นพรนี้จึงปลอบโยนฉันได้มาก

 

ข้อพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับความเจ็บป่วยคือ สดุดี 30:2 “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลขอความช่วยเหลือ และพระองค์ทรงรักษาข้าพระองค์ให้หาย” นี่เป็นข้อพระคำที่ดีในการใคร่ครวญและอธิษฐานเมื่อคุณเจ็บป่วย

 

มีเพลงสดุดีมากมายเกี่ยวกับความเจ็บป่วยและความทุกข์ทรมาน อีกเพลงหนึ่งที่ฉันชอบคือ สดุดี 41:3 มีข้อความว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประคับประคองเขาในยามเจ็บป่วย และจะทรงช่วยให้เขาหายเป็นปกติ” แม้ว่าเราจะไม่พบการรักษาของเราบนโลกนี้ แต่ฉันก็รู้สึกสบายใจที่รู้ว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะทรงทำให้ฉันหายเป็นปกติ

 

พระคำบางข้อมีคำแนะนำเฉพาะให้ปฏิบัติตามเมื่อคุณป่วย ยากอบ 5:14-16 กล่าวว่า “ 14ถ้าผู้ใดในพวกท่านเจ็บป่วยผู้นั้นควรเชิญบรรดาผู้ปกครองคริสตจักรมาอธิษฐานเผื่อและเจิมด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า 15คำอธิษฐานด้วยความเชื่อจะทำให้ผู้ป่วยหายดี องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงรักษาเขา ถ้าเขาทำบาปพระองค์ก็จะทรงอภัยให้เขา 16ฉะนั้นจงสารภาพบาปของท่านต่อกันและอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านจะได้รับการรักษาให้หาย คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมทรงอานุภาพและเกิดผล”

 

วันก่อนที่ฉันจะเข้ารับการผ่าตัดมะเร็ง ครอบครัวคริสตจักรของเราทำสิ่งนี้เพื่อฉันและสามีของฉัน ฉันเชื่อ 100% ว่าการทำตามคำแนะนำเหล่านี้ในพระคัมภีร์เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันยังอยู่ที่นี่ การอ่านพระคัมภีร์จะช่วยให้วางใจพระเจ้าได้เมื่อคุณป่วย

 

ผิดไหมที่จะตั้งคำถามต่อพระเจ้าเมื่อคุณป่วย?

เมื่อคุณป่วยและเจ็บปวด เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถามคำถาม ว่า ทำไมต้องเป็นฉัน? ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น? คุณอาจต้องการตั้งคำถามนี้กับพระเจ้าด้วยซ้ำ แต่การถามพระเจ้าเมื่อคุณป่วยเป็นบาปหรือไม่? เราลองมาค้นหาคำตอบไปด้วยกัน

 

ในพันธสัญญาเดิม เรื่องราวของโยบบอกเราว่า เขาตั้งคำถามกับพระเจ้า เมื่อโลกทั้งใบของเขาแตกสลาย เขาร้องทูลพระเจ้าว่า “เหตุใดข้าพเจ้าจึงไม่พินาศตั้งแต่เกิด และตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์” (โยบ 3:11 NIV) ความทุกข์ทรมานของโยบนั้นยิ่งใหญ่มาก เขาทูลถามพระเจ้า ทำไมเขาถึงได้รับอนุญาตให้เกิด

 

ไม่ใช่บาปสำหรับโยบที่จะตั้งคำถามกับพระเจ้า พระเจ้าอยู่ที่นั่นเพื่อตอบคำถามของเรา พระองค์ต้องการฟังความคิดของเราทั้งที่ดีและไม่ดี

 

แม้ว่าโยบจะถามถึงพระเจ้า แต่เขาก็ยังจำได้ว่าพระเจ้าคือใคร ในบทที่ 42 โยบกล่าวว่า “ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งได้ แผนการของพระองค์ไม่มีอะไรขวางได้” (ข้อ 2) โยบเข้าใจว่าวิถีทางของพระเจ้านั้นไม่ใช่วิถีทางของเขา แม้ว่าเขาจะตั้งคำถามว่าทำไมเขาถึงต้องทนทุกข์ เขาก็ไม่เคยสงสัยในพระเจ้าเลย

 

5 วิธีที่จะช่วยให้คุณเรียนรู้ที่จะวางใจในพระเจ้าเมื่อต้องเจอกับปัญหาสุขภาพ

ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าพระคัมภีร์พูดว่าอย่างไรเกี่ยวกับความเจ็บป่วย เช่นเดียวกับตัวอย่างของโยบ คุณรู้ว่าเป็นเรื่องปกติที่จะถามพระเจ้าเมื่อเรามีความทุกข์ ตอนนี้ได้เวลาก้าวข้ามสิ่งนั้นไปแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องวางใจในพระเจ้าเมื่อคุณป่วย

 

ฉันอยากจะพูดว่าทันทีที่ฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ฉันได้อธิษฐานและมอบความเจ็บป่วยให้กับพระเจ้าไปในทันทีและพยายามที่จะไม่กังวลเกี่ยวกับมันอีกเลย แต่มันก็ไม่ง่ายเลย เพราะจริงๆแล้วตัวฉันเองก็ดิ้นรนอย่างหนักโดยเฉพาะในช่วงสองสามเดือนแรก อารมณ์ของฉันพลุ่งพล่านไปทั่ว ฉันใช้เวลาหลายเดือนจมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆที่ท่วมท้นในใจ ความอ่อนล้า และความหดหู่ใจ

 

แล้วฉันเรียนรู้ที่จะเริ่มวางใจพระเจ้าได้อย่างไรเมื่อเจ็บป่วย? และฉันจะวางใจพระองค์ต่อไปได้อย่างไรเมื่อปัญหาทางร่างกายเริ่มถาโถมเข้ามาหาฉันมากขึ้นๆ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ และฉันต้องดิ้นรนต่อสู้กับมันทุกวัน และนี่คือวิธีที่ฉันเรียนรู้ที่จะวางใจพระเจ้าเมื่อฉันป่วย

 

1.อธิษฐานมากขึ้นเมื่อคุณป่วย

ถ้าคุณเป็นเหมือนฉัน คุณมักจะไปหาพระเจ้าเมื่อคุณต้องการอะไรพิเศษบางอย่าง คุณต้องการให้พระองค์อวยพรคุณด้วยสิ่งที่คุณคิดว่าคุณต้องการ หรือบางทีคุณอาจกำลังขอให้กับคนที่คุณรู้จักขอให้เขาได้รับการรักษาให้หายดี

 

เป็นเวลาหลายปีแห่ง การขอ "สิ่งของ" จากพระเจ้านี่เป็นชีวิตการอธิษฐานตามปกติของฉัน ฉันอาจชมเชยหรือขอบคุณบ้างในบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่คำอธิษฐานของฉันมักมุ่งเน้นไปที่ความต้องการของฉันเป็นหลัก

 

ฉันต้องใช้จุดต่ำสุดในชีวิตของฉันเพื่อเสริมกำลังในคำอธิษฐานของฉัน ฉันรู้สึกว่ามันกำลังพังทลาย ฉันรู้สึกได้ถึงความสั่นคลอน และฉันไม่มีที่อื่นให้ไปอีกแล้ว สิ่งที่ฉันทำได้ตอนเจ็บป่วยคือการร้องหาพระเจ้า

 

เนื่องจากฉันไม่มีที่อื่นให้หันไป ฉันจึงเริ่มพูดคุยกับพระเจ้าตลอดเวลา ฉันเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์ จากนั้นตลอดทั้งวัน ฉันจะนำความกังวลและความกระวนกระวายทั้งหมดทั้งปวงไปทูลพระองค์ และฉันจะจบค่ำคืนของฉันด้วยการสวดอธิษฐานและจดบันทึกประจำวัน

 

หลังจากนั้นไม่นาน ฉันไม่ได้แค่นำความต้องการของฉันไปหาพระเจ้า ฉันเริ่มพูดคุยกับพระองค์เกี่ยวกับทุกสิ่ง ทั้งดีและไม่ดี ฉันจะเริ่มต้นและสิ้นสุดวันของฉันด้วยการสรรเสริญและขอบพระคุณ แม้กระทั่งตอนนี้ ฉันยังคงเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการพูดคุยกับพระเจ้า ฉันไม่สามารถจินตนาการถึงวันของฉันที่อยู่โดยปราศจากการอธิษฐานได้เลย! การหันไปหาพระองค์จะช่วยให้วางใจพระเจ้าได้มากขึ้นเมื่อคุณป่วย

 

2.อ่านข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับการวางใจในพระเจ้า

การอธิษฐานเป็นขั้นตอนแรกที่ฉันทำเพื่อวางใจพระเจ้าเมื่อฉันป่วยเป็นมะเร็ง และไม่นานนัก ฉันก็เพิ่มการอ่านพระคัมภีร์เข้าไปในเวลาเช้าเพื่อใช้เวลากับพระเจ้าด้วย

 

มีคนให้สมุดจดบันทึกกับฉันตอนที่ฉันพักฟื้นจากการผ่าตัด นอกจากจะเป็นสมุดจดบันทึกแล้วในสมุดนั้นยังมีข้อพระคัมภีร์หนุนใจอีกด้วย

 

ตอนแรกฉันจะอ่านพระคำที่พบในสมุดบันทึกก่อน แล้วค่อยอ่านเพิ่มเติมจากในพระคัมภีร์ และฉันจะเพิ่มข้อพระคัมภีร์นั้นๆในคำสวดอ้อนวอนของฉันทุกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็เริ่มมองหาการให้ข้อคิดทางวิญญาณที่เน้นข้อพระคัมภีร์ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่ฉัน ฉันยังค้นคว้าจากพระคัมภีร์เพื่อหาข้อความที่ช่วยเตือนใจให้ฉันวางใจพระเจ้าในทุกสิ่ง

 

ข้อหนึ่งที่ฉันชอบในการวางใจพระเจ้าคือ โรม 8:28 “และเรารู้ว่าในทุกๆ สิ่งพระเจ้าทรงทำให้เกิดผลดีแก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์คือผู้ที่ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” ฉันจำได้ว่าพระเจ้ากำลังทำงานให้ฉัน ไม่ใช่ต่อต้านฉัน ถ้าฉันดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ ฉันก็ควรวางใจในพระองค์อย่างสมบูรณ์

 

อิสยาห์ 41:10 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่ดีอีกข้อหนึ่งที่เตือนให้เราวางใจในพระเจ้า มันเตือนเราว่า “… ดังนั้น อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าท้อแท้ เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะทำให้เจ้าเข้มแข็งขึ้นและจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าไว้ด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา” มันเตือนฉันว่าพระเจ้าอยู่กับฉันเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

อีกข้อหนึ่งที่ทำให้ฉันได้หันมาใส่ใจกับปัญหาสุขภาพของฉันคือ 2 โครินธ์ 1:4 “พระองค์ทรงปลอบโยนเราในความทุกข์ร้อนทั้งสิ้นของเรา เพื่อเราจะสามารถปลอบประโลมใจบรรดาผู้ทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ ด้วยการปลอบประโลมใจซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า”  

 

ฉันอาจไม่เคยรู้สาเหตุทั้งหมดว่าทำไมฉันถึงป่วย แต่ฉันรู้ว่าพระเจ้าต้องการให้ฉันใช้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ฉันสามารถใช้สิ่งที่ฉันประสบและสิ่งที่พระเจ้าทำเพื่อฉัน เพื่อช่วยปลอบโยนผู้อื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ การอ่านพระคัมภีร์จะช่วยให้วางใจพระเจ้าได้เมื่อคุณป่วย

 

การดูแลตนเองเมื่อคุณป่วย

การป่วยเป็นวิธีที่ร่างกายบอกคุณว่ามีบางอย่างผิดปกติ ความเจ็บป่วยมักบังคับให้เราต้องทำงานช้าลงและพักผ่อนบ้าง นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้คุณให้ความสำคัญกับการดูแลตนเอง ต่อไปนี้เป็นแนวทางปฏิบัติในการดูแลตนเองเมื่อคุณป่วย

 

การพักผ่อนให้มากขึ้นเป็นการดูแลตนเองที่ชัดเจนที่สุด ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ต้องการการพักผ่อนมากขึ้นไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วยก็ตาม ร่างกายของคุณจะรักษาตัวเองเมื่อคุณได้รับการพักผ่อนที่ดีและเพียงพอ

 

มีหลายวิธีที่คุณสามารถพักผ่อนได้มากขึ้นเมื่อคุณป่วย มองหาสถานที่ที่เงียบสงบที่คุณสามารถหายใจได้อย่างปลอดโปร่งและได้ทบทวนความคิดของคุณ คุณอาจจะต้องการงีบหลับสักหน่อยเมื่อคุณมีเวลา

 

การออกกำลังกายเป็นอีกหนึ่งวิธีปฏิบัติในการดูแลตนเองเมื่อคุณป่วย เพียงจำไว้ว่าให้คุณเริ่มต้นจากการออกอำกำลังกายด้วยวิธีง่ายๆ เพราะคงไม่มีใครคาดหวังให้คุณไปวิ่งมาราธอนทั้งๆ ที่คุณเองก็ไม่มีแรงจะไปเดินแม้เพียงหนึ่งไมล์ ดังนั้นการออกเดินเป็นระยะทางสั้น ๆ ก็เป็นวิธีออกกำลังกายที่ง่ายและสะดวก การว่ายน้ำเป็นอีกหนึ่งการออกกำลังกายที่ดีสำหรับคนที่ป่วย เพราะมันเป็นการออกกำลังกายทั่วร่างกายที่ง่ายต่อข้อต่อของคุณด้วย

 

หากคุณต้องการลองออกกำลังกายในรูปแบบใหม่ๆเพื่อการดูแลตนเอง อย่าลืมพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพล่วงหน้า  

 

บางทีการพักผ่อนอาจเป็นไปไม่ได้สำหรับคุณ เพราะคุณอาจจะยุ่งมากในการปรับตัวให้เข้ากับวิถีใหม่ และสมองของคุณก็จะไม่หยุดทำงาน 100 ไมล์ต่อชั่วโมง แล้วคุณจะได้พักผ่อนมากขึ้นในโลกนี้ได้อย่างไร?

 

เมื่อฉันรู้สึกว่าจิตใจของฉันไม่ยอมหยุดและไม่สามารถหยุดพักได้ วิธีเดียวที่ฉันจะพบการพักผ่อนอย่างแท้จริงคือผ่านศรัทธาของฉัน “ใช่จิตวิญญาณของข้าเอ๋ย จงพักสงบในพระเจ้าแต่ผู้เดียว ความหวังของข้าพเจ้ามาจากพระองค์” สดุดี 62:5 (NIV) ฉันรู้สึกขอบคุณที่ฉันสามารถพบการพักผ่อนที่แท้จริงได้ทุกเมื่อที่ฉันต้องการ

 

 ค้นหาความสุขระหว่างเผชิญกับปัญหาสุขภาพ

เมื่อคุณป่วย การค้นหาความสุขอาจทำให้คุณรู้สึกว่ามันไม่มีอยู่จริง คุณจะพบความสุขในโลกนี้ได้อย่างไรเมื่อโลกของคุณกำลังแตกสลาย? มันฟังดูบ้าใช่มั้ย แต่การพบความสุขจะช่วยให้คุณวางใจพระเจ้าได้เมื่อคุณป่วย

 

มีวิธีใดบ้างที่คุณสามารถพบความสุขได้ระหว่างการเจ็บป่วย การโหยหาความสุขมันไม่ใช่ว่าเรารียกร้องแล้วมันจะปรากฎขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่คุณต้องเปลี่ยนความคิดเพื่อช่วยให้ตัวเองพบความสุขในชีวิตประจำวันได้

 

อาจเป็นอะไรง่ายๆ เช่น เพลิดเพลินกับพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม บางทีคุณอาจนอนไม่หลับเลยทั้งคืน  พอพระอาทิตย์ขึ้นมามันอาจกำลังเตือนให้คุณระลึกว่าคุณกำลังอ่อนแรงลง แทนที่จะเอาแต่จมอยู่กับความเหนื่อยล้า ลองหันความคิดไปรอบๆ และดื่มด่ำกับความงามของดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น

 

คุณสามารถหาความสุขได้หลายวิธี คุณอาจจะลองหาหนังสือดีๆมาอ่าน สำหรับคนอื่นๆ การมีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ และการใช้เวลากับครอบครัว-เพื่อนฝูงก็สามารถจุดประกายความสุขให้กับชีวิตเราได้เช่นกัน

 

บางครั้งตัวเราก็ต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นๆเพื่อค้นหาความสุขระหว่างที่เผชิฐกับความทุกข์  การพูดคุยกับที่ปรึกษาอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการเพื่อขจัดความคิดด้านลบออกจากใจ แพทย์ของคุณอาจจะรู้จักที่ปรึกษาที่ดีเพื่อช่วยคุณผ่านปัญหาที่หนักอกนี้ไปได้ นอกจากนี้ยังมีการบำบัดอื่น ๆ และแม้แต่ยาที่สามารถช่วยคุณได้ อย่าลืมปรึกษาแพทย์หากคุณต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต

 

ศรัทธายังสามารถช่วยให้คุณพบความสุขในระหว่างที่คุณเจ็บป่วย โรม 8:18 ช่วยเตือนฉันว่าทำไมฉันถึงมีความสุขและมีความหวังในพระเจ้าได้ข้าพเจ้าเห็นว่าความทุกข์ยากของเราในปัจจุบันเทียบไม่ได้เลยกับพระเกียรติสิริซึ่งจะทรงสำแดงในเรา” (NIV) ฉันรู้ว่าชีวิตเป็นสิ่งชั่วคราว และความรุ่งโรจน์ที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้นเมื่อชีวิตนี้สิ้นสุดลง การค้นหาความสุขผ่านความเชื่อของคุณจะช่วยคุณในการวางใจพระเจ้าเมื่อคุณป่วย

 

ให้ความสำคัญกับผู้อื่นเพื่อช่วยให้คุณวางใจในพระเจ้า

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมีปัญหา มันยากที่จะจดจ่อกับสิ่งอื่นใดนอกจากการต่อสู้ดิ้นรนของตนเองเท่านั้น แต่หากคุณไม่ระวัง การดิ้นรนของคุณจะเผาผลาญความคิดทั้งหมดของคุณ สิ่งที่คุณคิดได้ก็คือตัวคุณเองและชีวิตที่ไม่ยุติธรรมว่ามันเป็นอย่างไร ฉันรู้ว่ามันเป็นอย่างไร เชื่อฉันสิ! เพราะฉันเคยไปที่นั่นมาก่อนแล้วเช่นกัน

 

สิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่ฉันเคยทำเพื่อเริ่มวางใจในพระเจ้าคือการมุ่งความสนใจไปที่คนอื่นแทนที่จะสนใจปัญหาของตัวเอง การจดจ่อกับคนอื่นเตือนว่าฉันไม่ใช่คนเดียวที่มีปัญหาสุขภาพ ยังมีคนอีกมากมายที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้

 

มีคนมากมายในโลกที่ต้องดิ้นรนมากกว่าฉัน การเฝ้าดูพวกเขาผ่านปัญหาเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าฉันได้รับพระพรอย่างแท้จริงเพียงใด มันเตือนฉันว่าพระเจ้าทรงนำฉันมามากมาย และพระองค์จะทรงทำเช่นนั้นต่อไป

 

การให้ความสำคัญกับคนอื่นยังเตือนฉันด้วยว่าฉันต้องตอบแทน ฉันรู้ว่าพระเจ้าทรงทำเพื่อฉันมากมาย ฉันจะใช้พรเหล่านี้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น และอย่าลืมว่าการให้ผู้อื่นจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นด้วย!

 

ฉันหวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้อย่างน้อยจะมีหนึ่งข้อที่ช่วยให้คุณวางใจพระเจ้าได้เมื่อคุณเจ็บป่วย

 

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าที่รัก ข้าพระองค์ขอฝากความกังวลไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ ข้าพระองค์ขอให้ผู้ป่วยของเราอยู่ภายใต้การดูแลของพระองค์ และข้าพระองค์ทูลขออย่างนอบน้อมขอให้พระองค์ช่วยข้ารับใช้ของพระองค์ให้กลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง แต่เหนือสิ่งอื่นใด ขอพระองค์โปรดประทานพระคุณแก่เราที่จะยอมรับน้ำพระทัยของพระองค์ และรับรู้ว่าไม่ว่าพระองค์จะทำอะไร พระองค์ก็ทรงทำเพราะพระองค์ทรงรักข้าพระองค์ ขออธิษฐานในนามพระเยซู อาเมน

 

ขอพระเจ้าคุ้มครองและอวยพรคุณคุณทุกท่าน

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

Faithfulninjamomma

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...