พระเยซูทรงต้อนรับทุกคน
ขอให้พระเจ้าช่วยให้คุณมองเห็นผู้ที่ต้องการการต้อนรับและต้องการไมตรีจากคุณในวันนี้
อ่านลูกา 19:1-10
การต้อนรับหรือการมีอัธยาศัยไมตรีหมายถึงอะไรในพระคัมภีร์?
การต้อนรับตามหลักพระคัมภีร์คืออะไร? ดังที่อับราฮัมเป็นแบบอย่างในปฐมกาล 18
การต้อนรับตามหลักพระคัมภีร์เป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ในการปฏิบัติต่อคนแปลกหน้าและมิตรสหาย
ต้อนรับกันและกันในบ้าน พื้นที่ส่วนกลาง และในชีวิตของเรา
แม้ว่าพระเยซูไม่มีบ้านที่จะเรียกว่าเป็นของพระองค์
แต่เรื่องราวในข่าวประเสริฐเผยให้เห็นความสามารถของพระองค์ในการทำให้ผู้อื่นรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเมื่อพบการประทับอยู่ของพระองค์
ไม่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จไปที่ใด
พระองค์ทรงตั้งใจต้อนรับ"ผู้ที่มีใจเปิดกว้าง"และ
“หูที่จะได้ยิน” รวมทั้ง"คนบาปและคนเก็บภาษี" เข้าสู่ครอบครัวและครอบครัวของพระเจ้า
แม้ว่าศักเคียสจะเป็นคนเก็บภาษีที่รู้จักกันดีในเรื่องการขู่กรรโชก
แต่พระเยซูทรงตอบโต้บาปของเขาด้วยความมีน้ำใจ ด้วยวิธีนี้
พระเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าการต้อนรับที่แท้จริงไม่ได้มาจากทรัพยากรวัตถุ
แต่มาจากใจที่มองเห็นและรับใช้ผู้อื่นด้วยความรักของพระเจ้า “รีบลงมาเถิด
เพราะวันนี้เราต้องพักอยู่ที่บ้านของท่าน”
พระเยซูตรัสขณะเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ที่ชายคนนั้นปีนขึ้นไปเพื่อการมองเห็นที่ดีกว่า
(ลูกา 19:5)
ลองนึกภาพความประหลาดใจของศักเคียสที่พบว่าพระเยซูทรงมองเห็นเขาแม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานที่ที่ไม่น่าจะเห็นไปได้
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องจริงสำหรับเราเช่นกัน ไม่ว่าเราจะรู้สึกว่าตนเองเป็นคนเล็กน้อยในสายตาเพื่อนมนุษย์หรือไม่มีใครสังเกตเห็นเพียงใดก็ตาม
พระเจ้าทรงเห็นเราและรักเรามาก
ความมีน้ำใจไมตรีจิตของพระเยซูทำให้ศักเคียสแสดงน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเขาออกมา
เมื่อเราแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าเราเห็นพวกเขาและพระเจ้าก็ทรงเห็นพวกเขาเช่นกัน หัวใจและชีวิตของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไป
การทำความเข้าใจและน้อมรับการต้อนรับของพระเจ้าที่มีต่อเรา
ไม่ว่าบาปของเราจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม
จะทำให้เราสามารถแสดงน้ำใจแบบเดียวกันนี้ต่อผู้อื่นได้ในขณะที่เราเชิญพวกเขามาร่วมโต๊ะอาหารของพระเยซูกับเรา
พระเยซูเสวยร่วมกับคนบาปตลอดพันธกิจบนโลกของพระองค์
พระองค์ต้อนรับเด็กๆด้วยความยินดี พระองค์ทรงสอนให้เราเชื้อเชิญผู้ต่ำต้อยมางานเลี้ยงและต้อนรับคนแปลกหน้าด้วยใจยินดี
เราสนับสนุน
และท้าทายคุณ ที่จะแสวงหาความใกล้ชิดกับพระเจ้าในทุกๆวัน
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
todayintheword
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น