วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2567

การให้ข้อคิดทางวิญญาณประจำวัน - ช่องว่างของครอบครัว

 


การให้ข้อคิดทางวิญญาณประจำวัน

ช่องว่างของครอบครัว

อ่านผู้วินิจฉัย 17:1 ถึง 21:25

พระคำวันนี้ประกอบด้วยเรื่องราวของความบาดหมางในครอบครัว เมื่อภรรยาน้อยของชาวเลวีคนหนึ่งถูกข่มขืนและทารุณกรรมจนเธอเสียชีวิต เขาได้ส่งชิ้นส่วนของร่างกายของเธอไปยังพื้นที่ต่างๆ ของอิสราเอล เนื่องจากผู้กระทำผิดมาจากเมืองกิเบอาห์ในดินแดนของเผ่าเบนยามิน ชาวอิสราเอลคนอื่นๆ จึงทำสงครามกับเผ่านั้นโดยได้รับพระพรจากพระเจ้า เบนจามินพ่ายแพ้ แต่ชาวอิสราเอลได้ปฏิญาณไว้ว่าจะไม่ยกลูกสาวของตนแต่งงานกับผู้ชายของตน เมื่อพวกเขาตระหนักว่าสิ่งนี้อาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ของชนเผ่า พวกเขาก็รู้สึกเสียใจอย่างแท้จริง

 

เหล่าประชากรโศกเศร้าเสียใจกับเบนยามิน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำให้เกิดช่องว่างในเผ่าของอิสราเอล (ผู้วินิจฉัย 21:15)

 

ความสามัคคีในครอบครัวเป็นสิ่งสวยงาม ดังนั้นการแบ่งแยกหรือช่องว่างใดๆ ก็สามารถทำลายล้างความสามัคคีในครอบครัวได้ แต่ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ความบาดหมางในครอบครัวก็บีบคั้นหัวใจ และทำให้พระเจ้าของเราเสียใจ ความปรารถนาของพระองค์คือให้สมาชิกในครอบครัวอยู่อย่างสันติต่อกัน นี่หมายถึงการปิดช่องว่างที่ว่าไว้

 

แล้วมันเป็นไปได้ไหมที่จะปิดช่องว่างที่ว่านี้? คำตอบคือปิดได้แน่นอน! แต่ต้องเริ่มต้นจากการที่เราทำงานหนักและปฏิบัติตามหลักการในพระคัมภีร์ นี่คือห้าวิธีที่เราสามารถทำเช่นนี้...

 

1. เดินตามพระวิญญาณ ไม่ใช่ตามเนื้อหนัง!

กาลาเทีย 5:16: ดังนั้นข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ อย่าสนองตัณหาของวิสัยบาป

กฤษฎีกาอันชอบธรรมของพระเจ้ามักจะขัดแย้งกับธรรมชาติของมนุษย์เสมอ เป็นเรื่องง่ายที่จะถือว่ามุมมองและความคิดเห็นของเราอยู่เหนือวิถีทางของพระเจ้า แต่สิ่งเหล่านั้นมักจะมาจากเนื้อหนังของเราและมักจะแตกแยกกันเสมอ การกระทำโดยธรรมชาติของเนื้อหนังนำไปสู่ความเป็นปรปักษ์ การวิวาท ความอิจฉาริษยา ความโกรธ ความทะเยอทะยานที่เห็นแก่ตัว ความแตกแยก และการแบ่งแยก (กาลาเทีย 5:20)

 

จำคำพูดนี้ไว้  United we stand, split we fall. (รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราตาย)มาอธิษฐานก่อนที่เราจะพูดกัน มองไปที่พระคำของพระเจ้าก่อนที่เราจะเผยแพร่ความคิดเห็นของเรา ให้ผู้คนและความสัมพันธ์อยู่เหนือสิ่งอื่นใด ให้เราเป็นทูตที่เข้มแข็งสำหรับอาณาจักรของพระเจ้า

 

2. รักอย่างสุดซึ้ง!

ยอห์น 13:34 “เราให้บัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลายคือ จงรักซึ่งกันและกัน พวกท่านต้องรักซึ่งกันและกันเหมือนที่เราได้รักพวกท่าน

 

ฉันนึกถึงความรักที่ลึกซึ้งกว่านี้ไม่ได้เลย พระเยซูทรงเห็นคุณค่าของผู้คน แม้แต่คนที่แตกต่างจากพระองค์ก็ตาม พระเยซูทรงรักยูดาสผู้ทรยศพระองค์พอๆ กับที่พระองค์ทรงรักคนอื่นๆ พระองค์ทรงรับฟัง ตอบสนองความต้องการของพวกเขา และปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพ พระองค์ทรงแสดงให้ผู้คนเห็นว่าพวกเขามีค่าแค่ไหน

วันนี้ให้เราไปศึกษาว่าพระเยซูทรงรักอย่างไรและทำตามแบบอย่างของพระองค์

 

3. หยุดตัดสิน!

มัทธิว 7:1 อย่าตัดสินผู้อื่น แล้วท่านจะไม่ถูกตัดสิน

 

ในคำเทศนาจากมัทธิวบทที่ 7 พระเยซูตรัสต่อไปว่า “ทำไมต้องกังวลเรื่องผงในตาเพื่อนของคุณ ในเมื่อคุณมีไม้ซุงเป็นของตัวเอง? คุณจะคิดพูดกับเพื่อนของคุณได้อย่างไรว่า 'ให้ฉันช่วยคุณกำจัดจุดในตาของคุณ' ในเมื่อคุณไม่สามารถมองผ่านท่อนซุงในตาของคุณเองได้” (มัทธิว 7:3-4)

นี่เป็นคำแนะนำอันชาญฉลาดที่เราควรปฏิบัติตาม เมื่อคุณไม่เห็นด้วยกับใครบางคนและมุมมองที่แตกต่างกันของคุณก็ปรากฏให้เห็น ให้คิดถึงความผิดของคุณก่อนที่คุณจะตัดสินพวกเขา

เราทุกคนมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ และเราไม่รู้ภูมิหลังของบุคคลนั้น พันธนาการที่ล่ามโซ่ไว้อาจแตกต่างไปจากของคุณ แต่ทุกคนก็มีโซ่ตรวนที่ต้องหัก จะดีกว่ามากถ้าเรามองกันจากด้านในและด้านบนก่อนที่จะมองออกไปด้านนอก

 

4. การเห็นต่างก็ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันเสมอไป!

โรม 14:1: ยอมรับผู้เชื่อคนอื่นๆ ที่มีความเชื่ออ่อนแอ และอย่าโต้เถียงกับพวกเขาว่าพวกเขาคิดว่าถูกหรือผิด

วิธีการแสดงความเห็นต่างแบบ ‘Agree to Disagree’ คือการที่เราเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมา และยอมรับว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดหรือเปลี่ยนใจใครได้ ทำให้เราอยากหยุดการถกเถียงนั้น และแยกย้ายกันไปทำอย่างอื่นต่อโดยไม่ตีกันตายไปเสียก่อน

อาจจะมีสักวันที่เราสามารถเป็นเพื่อนกับคนอื่นได้แม้ว่าเราจะแตกต่างกันในบางเรื่องก็ตาม

 

เมื่อไม่นานมานี้เอง ฉันจะต้องนั่งเบาะหลัง   ฉันถูกเพื่อนเก่าสองคนจู่โจมอย่างแรง เพราะเราอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในบางเรื่อง(คิดเห็นไม่ตรงกัน) และเรารู้เรื่องนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดว่าเราจะตกลงกันได้อีกต่อไป ฉันก็เลยต้องถอยออกมา และหวังว่านี่จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แล้วเราจะกลับมารวมตัวกันได้อีกครั้ง

 

คุณอาจจะลงเรือลำเดียวกันกับฉันอยู่ก็ได้นะเพื่อน จงจำไว้ว่าการโต้เถียงไม่ได้แก้ปัญหาใดๆ มีแต่ทำให้ผู้คนได้รับบาดเจ็บ เจ็บปวด และสับสนเท่านั้น และการทะเลาะกันแตกแยกกัน  การโต้เถียงกับผู้คนสามารถขัดขวางการเติบโตทางจิตวิญญาณ แทนที่จะทำให้มันเติบโต

 

เป็นไปได้ที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแต่ก็ไม่เห็นด้วยในบางเรื่อง ดังนั้น ให้เราละทิ้งข้อโต้แย้งเหล่านั้นเพื่อสิ่งที่ดีกว่า และปล่อยให้พระเจ้าครอบครองความคิด คำพูด การกระทำ และพฤติกรรมของเรา

 

5. อธิษฐานเผื่อคู่ต่อสู้ของคุณ!

มัทธิว 5:44: แต่เราบอกท่านว่าจงรักศัตรูของท่านและอธิษฐานเผื่อบรรดาผู้ที่ข่มเหงท่าน

 

แน่นอนว่าสิ่งนี้ขัดแย้งกับทุกสิ่งในตัวเรา เพราะการตอบสนองตามธรรมชาติเมื่อเราถูกโจมตีหรือเมื่อเผชิญหน้าคนที่ไม่น่ารักคือการพูดความคิดของเราออกไปให้หมดและไม่ยอมอ่อนข้อให้ อย่างไรก็ตาม คำพูดจากอารมณ์และความเจ็บปวดมักจะไม่ดีเสมอไป และคำประเภทนี้มักสร้างความแตกแยก มากกว่ารวมตัวกัน

 

แต่จะให้อธิษฐานเผื่อพวกเขาแทนนะเหรอ? นี่มันไม่ใช่สัญญาณของความอ่อนแอใช่ไหม! คำตอบคือ ไม่เลย มันไม่ใช่ความอ่อนแอ  เพราะการอธิษฐานคือการรักษา คำอธิษฐานจะช่วยเปลี่ยนเอาหัวใจหินออกและแทนที่ด้วยหัวใจใหม่ คือ ใจที่นุ่มนวล และคำอธิษฐานขยับพระหัตถ์ของพระเจ้า นั่นเป็นเหตุผลที่เราได้รับคำสั่งให้อธิษฐานเพื่อกันและกัน

 

โดยสรุป เราควรมุ่งไปสู่ความสามัคคีในทุกด้านของชีวิต ซาตานมีชีวิตอยู่และเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันรู้ว่าวันเวลาของมันมีจำกัด เพียงเราจำไว้ว่าซาตานนั้นมาเพื่อแบ่งแยก แต่พระเยซูทรงมาเพื่อรวมเราเป็นหนึ่งเดียวกัน

 

 ความท้าทายสำหรับวันนี้: ดำเนินการเพื่อปิดช่องว่างที่อาจมีในครอบครัวหรือที่ทำงานของคุณให้เร็วที่สุด

 

เราสนับสนุน และท้าทายคุณ ที่จะแสวงหาความใกล้ชิดกับพระเจ้าในทุกๆวัน

 

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 ag.org

 ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...