การให้ข้อคิดทางวิญญาณประจำวัน
ช่องว่างของครอบครัว
อ่านผู้วินิจฉัย 17:1 ถึง 21:25
พระคำวันนี้ประกอบด้วยเรื่องราวของความบาดหมางในครอบครัว เมื่อภรรยาน้อยของชาวเลวีคนหนึ่งถูกข่มขืนและทารุณกรรมจนเธอเสียชีวิต
เขาได้ส่งชิ้นส่วนของร่างกายของเธอไปยังพื้นที่ต่างๆ ของอิสราเอล
เนื่องจากผู้กระทำผิดมาจากเมืองกิเบอาห์ในดินแดนของเผ่าเบนยามิน
ชาวอิสราเอลคนอื่นๆ จึงทำสงครามกับเผ่านั้นโดยได้รับพระพรจากพระเจ้า เบนจามินพ่ายแพ้
แต่ชาวอิสราเอลได้ปฏิญาณไว้ว่าจะไม่ยกลูกสาวของตนแต่งงานกับผู้ชายของตน
เมื่อพวกเขาตระหนักว่าสิ่งนี้อาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ของชนเผ่า
พวกเขาก็รู้สึกเสียใจอย่างแท้จริง
เหล่าประชากรโศกเศร้าเสียใจกับเบนยามิน
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำให้เกิดช่องว่างในเผ่าของอิสราเอล (ผู้วินิจฉัย 21:15)
ความสามัคคีในครอบครัวเป็นสิ่งสวยงาม ดังนั้นการแบ่งแยกหรือช่องว่างใดๆ ก็สามารถทำลายล้างความสามัคคีในครอบครัวได้ แต่ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ความบาดหมางในครอบครัวก็บีบคั้นหัวใจ และทำให้พระเจ้าของเราเสียใจ ความปรารถนาของพระองค์คือให้สมาชิกในครอบครัวอยู่อย่างสันติต่อกัน นี่หมายถึงการปิดช่องว่างที่ว่าไว้
แล้วมันเป็นไปได้ไหมที่จะปิดช่องว่างที่ว่านี้? คำตอบคือปิดได้แน่นอน! แต่ต้องเริ่มต้นจากการที่เราทำงานหนักและปฏิบัติตามหลักการในพระคัมภีร์
นี่คือห้าวิธีที่เราสามารถทำเช่นนี้...
1. เดินตามพระวิญญาณ
ไม่ใช่ตามเนื้อหนัง!
กาลาเทีย 5:16: ดังนั้นข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ
อย่าสนองตัณหาของวิสัยบาป
กฤษฎีกาอันชอบธรรมของพระเจ้ามักจะขัดแย้งกับธรรมชาติของมนุษย์เสมอ เป็นเรื่องง่ายที่จะถือว่ามุมมองและความคิดเห็นของเราอยู่เหนือวิถีทางของพระเจ้า
แต่สิ่งเหล่านั้นมักจะมาจากเนื้อหนังของเราและมักจะแตกแยกกันเสมอ
การกระทำโดยธรรมชาติของเนื้อหนังนำไปสู่ความเป็นปรปักษ์ การวิวาท ความอิจฉาริษยา
ความโกรธ ความทะเยอทะยานที่เห็นแก่ตัว ความแตกแยก และการแบ่งแยก (กาลาเทีย 5:20)
จำคำพูดนี้ไว้ United we stand, split we fall. (รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราตาย)มาอธิษฐานก่อนที่เราจะพูดกัน
มองไปที่พระคำของพระเจ้าก่อนที่เราจะเผยแพร่ความคิดเห็นของเรา
ให้ผู้คนและความสัมพันธ์อยู่เหนือสิ่งอื่นใด
ให้เราเป็นทูตที่เข้มแข็งสำหรับอาณาจักรของพระเจ้า
2. รักอย่างสุดซึ้ง!
ยอห์น 13:34 “เราให้บัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลายคือ
จงรักซึ่งกันและกัน พวกท่านต้องรักซึ่งกันและกันเหมือนที่เราได้รักพวกท่าน
ฉันนึกถึงความรักที่ลึกซึ้งกว่านี้ไม่ได้เลย
พระเยซูทรงเห็นคุณค่าของผู้คน แม้แต่คนที่แตกต่างจากพระองค์ก็ตาม
พระเยซูทรงรักยูดาสผู้ทรยศพระองค์พอๆ กับที่พระองค์ทรงรักคนอื่นๆ พระองค์ทรงรับฟัง
ตอบสนองความต้องการของพวกเขา และปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพ พระองค์ทรงแสดงให้ผู้คนเห็นว่าพวกเขามีค่าแค่ไหน
วันนี้ให้เราไปศึกษาว่าพระเยซูทรงรักอย่างไรและทำตามแบบอย่างของพระองค์
3. หยุดตัดสิน!
มัทธิว 7:1
อย่าตัดสินผู้อื่น แล้วท่านจะไม่ถูกตัดสิน
ในคำเทศนาจากมัทธิวบทที่ 7
พระเยซูตรัสต่อไปว่า “ทำไมต้องกังวลเรื่องผงในตาเพื่อนของคุณ
ในเมื่อคุณมีไม้ซุงเป็นของตัวเอง?
คุณจะคิดพูดกับเพื่อนของคุณได้อย่างไรว่า 'ให้ฉันช่วยคุณกำจัดจุดในตาของคุณ'
ในเมื่อคุณไม่สามารถมองผ่านท่อนซุงในตาของคุณเองได้” (มัทธิว 7:3-4)
นี่เป็นคำแนะนำอันชาญฉลาดที่เราควรปฏิบัติตาม เมื่อคุณไม่เห็นด้วยกับใครบางคนและมุมมองที่แตกต่างกันของคุณก็ปรากฏให้เห็น
ให้คิดถึงความผิดของคุณก่อนที่คุณจะตัดสินพวกเขา
เราทุกคนมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ และเราไม่รู้ภูมิหลังของบุคคลนั้น
พันธนาการที่ล่ามโซ่ไว้อาจแตกต่างไปจากของคุณ แต่ทุกคนก็มีโซ่ตรวนที่ต้องหัก
จะดีกว่ามากถ้าเรามองกันจากด้านในและด้านบนก่อนที่จะมองออกไปด้านนอก
4. การเห็นต่างก็ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันเสมอไป!
โรม 14:1: ยอมรับผู้เชื่อคนอื่นๆ
ที่มีความเชื่ออ่อนแอ และอย่าโต้เถียงกับพวกเขาว่าพวกเขาคิดว่าถูกหรือผิด
วิธีการแสดงความเห็นต่างแบบ ‘Agree
to Disagree’ คือการที่เราเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมา
และยอมรับว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดหรือเปลี่ยนใจใครได้ ทำให้เราอยากหยุดการถกเถียงนั้น
และแยกย้ายกันไปทำอย่างอื่นต่อโดยไม่ตีกันตายไปเสียก่อน
อาจจะมีสักวันที่เราสามารถเป็นเพื่อนกับคนอื่นได้แม้ว่าเราจะแตกต่างกันในบางเรื่องก็ตาม
เมื่อไม่นานมานี้เอง ฉันจะต้องนั่งเบาะหลัง ฉันถูกเพื่อนเก่าสองคนจู่โจมอย่างแรง เพราะเราอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในบางเรื่อง(คิดเห็นไม่ตรงกัน)
และเรารู้เรื่องนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดว่าเราจะตกลงกันได้อีกต่อไป
ฉันก็เลยต้องถอยออกมา และหวังว่านี่จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ
แล้วเราจะกลับมารวมตัวกันได้อีกครั้ง
คุณอาจจะลงเรือลำเดียวกันกับฉันอยู่ก็ได้นะเพื่อน จงจำไว้ว่าการโต้เถียงไม่ได้แก้ปัญหาใดๆ
มีแต่ทำให้ผู้คนได้รับบาดเจ็บ เจ็บปวด และสับสนเท่านั้น และการทะเลาะกันแตกแยกกัน การโต้เถียงกับผู้คนสามารถขัดขวางการเติบโตทางจิตวิญญาณ
แทนที่จะทำให้มันเติบโต
เป็นไปได้ที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแต่ก็ไม่เห็นด้วยในบางเรื่อง
ดังนั้น ให้เราละทิ้งข้อโต้แย้งเหล่านั้นเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
และปล่อยให้พระเจ้าครอบครองความคิด คำพูด การกระทำ และพฤติกรรมของเรา
5. อธิษฐานเผื่อคู่ต่อสู้ของคุณ!
มัทธิว 5:44: แต่เราบอกท่านว่าจงรักศัตรูของท่านและอธิษฐานเผื่อบรรดาผู้ที่ข่มเหงท่าน
แน่นอนว่าสิ่งนี้ขัดแย้งกับทุกสิ่งในตัวเรา เพราะการตอบสนองตามธรรมชาติเมื่อเราถูกโจมตีหรือเมื่อเผชิญหน้าคนที่ไม่น่ารักคือการพูดความคิดของเราออกไปให้หมดและไม่ยอมอ่อนข้อให้
อย่างไรก็ตาม คำพูดจากอารมณ์และความเจ็บปวดมักจะไม่ดีเสมอไป และคำประเภทนี้มักสร้างความแตกแยก
มากกว่ารวมตัวกัน
แต่จะให้อธิษฐานเผื่อพวกเขาแทนนะเหรอ? นี่มันไม่ใช่สัญญาณของความอ่อนแอใช่ไหม!
คำตอบคือ ไม่เลย มันไม่ใช่ความอ่อนแอ เพราะการอธิษฐานคือการรักษา คำอธิษฐานจะช่วยเปลี่ยนเอาหัวใจหินออกและแทนที่ด้วยหัวใจใหม่
คือ ใจที่นุ่มนวล และคำอธิษฐานขยับพระหัตถ์ของพระเจ้า
นั่นเป็นเหตุผลที่เราได้รับคำสั่งให้อธิษฐานเพื่อกันและกัน
โดยสรุป เราควรมุ่งไปสู่ความสามัคคีในทุกด้านของชีวิต
ซาตานมีชีวิตอยู่และเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันรู้ว่าวันเวลาของมันมีจำกัด
เพียงเราจำไว้ว่าซาตานนั้นมาเพื่อแบ่งแยก
แต่พระเยซูทรงมาเพื่อรวมเราเป็นหนึ่งเดียวกัน
ความท้าทายสำหรับวันนี้:
ดำเนินการเพื่อปิดช่องว่างที่อาจมีในครอบครัวหรือที่ทำงานของคุณให้เร็วที่สุด
เราสนับสนุน และท้าทายคุณ
ที่จะแสวงหาความใกล้ชิดกับพระเจ้าในทุกๆวัน
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
ag.org
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น