วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ฝึกฟังเสียงของพระเจ้า



วันที่สี่สิบห้า-จงฟังเสียงของพระเจ้า
ใครมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด
มัทธิว11:15

     จงหยุดและฟัง. คุณได้ยินเสียงอะไรบ้าง?? เสียงนกร้อง?? เสียงคนพูดคุยกัน?? หรือเสียงเพลง?? พระคัมภีร์กล่าวว่าเราทุกคนมีหู เราควรตั้งใจฟัง เพื่อที่เราจะได้ยินเสียงของพระเจ้า 

     คุณคิดว่าเสียงของพระเจ้าเป็นอย่างไร?? มันอาจฟังดูเหมือนว่ามีคนกำลังอ่านพระคัมภีร์ให้คุณฟังอยู่ หรือเมื่อคุณไปโบสถ์ก็มีคนกำลังบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆในพระคัมภีร์ให้คุณฟัง หรืออาจฟังเหมือนเสียงของครอบครัวคุณที่กำลังสวดภาวนาอ้อนวอน ฯลฯ พระเจ้าสามารถตรัสถึงเราผ่านทางผู้คนที่อยู่รอบตัวเรา และบางครั้งเราเองก็สามารถได้ยินเสียงของพระเจ้าตรัสกับเราภายในใจ ด้วยการเตือนให้เราเป็นคนดี รู้จักคิดดี รู้จักทำดี รู้จักผิดชอบชั่วดี และเตือนให้เราเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง ให้คุณหาเวลาสงบนิ่งเพื่อที่คุณจะสามารถได้ยินสิ่งที่พระเจ้าต้องการตรัสกับคุณ

ข้อคิดระหว่างวัน
ให้คุณลองพิจารณาดูสิว่า วันนี้คุณสามารถได้ยินเสียงพระเจ้าตรัสกับคุณหรือไม่

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงประทานหูเพื่อให้ลูกสามารถได้ยิน. ขอพระองค์โปรดช่วยให้ลูกได้ยินเสียงที่พระองค์ทรงตรัสกับลูกอยู่เสมอ อย่าให้ลูกได้ละเลยในการตั้งใจฟังเสียงของพระองค์ในทุก ๆ วัน
ลูกขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์.

 ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด  ลูกจะไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่ประกาศข่าวดี ลูกจะแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป  อย่าลืมศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ
KC Love God

ทำความรู้จักกับพระเยซู



วันที่สี่สิบสี่-ทำความรู้จักกับเขา
พระองค์เสด็จมาประกาศสันติสุขแก่ท่านทั้งหลายที่อยู่ไกลและสันติสุขแก่ผู้ที่อยู่ใกล้
เพราะโดยพระองค์เราทั้งสองพวกสามารถเข้าถึงพระบิดาโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน
เอเฟซัส2:17-18

     คุณเคยสงสัยไหมว่าพระเจ้าทรงเป็นเช่นไร?? นี่คือเงื่อนงำ:ให้คุณดูพระเยซู!! พระคัมภีร์กล่าวว่า พระเยซูเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้เราเข้าใจว่าพระเจ้าคือใคร?? ให้คุณลองนึกถึงเรื่องราวของพระเยซูที่คุณเคยรู้มา มีมากมายหลายตอนในพระคัมภีร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของพระองค์ และให้คุณดูวิธีที่พระเยซูปฏิบัติต่อผู้คน ให้คุณดูว่าพระองค์ทรงปฏิบัติอย่างไร?? พระองค์ทรงสนใจอะไร?? สิ่งเหล่านั้นแหละที่มีความสำคัญต่อพระเจ้า พระเยซูรักผู้คนอย่างไม่มีเงื่อนไข-นั่นหมายถึง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ และไม่ว่าคุณจะเป็นคนแบบไหน มีสถานะแบบไหน พระเยซูก็จะรักคุณ ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลง นั่นเป็นวิธีที่แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงรักเรามากเพียงใดด้วยเช่นกัน ดังนั้นให้เราเชิญพระเยซูเข้ามาประทับอยู่ในใจเราตั้งแต่วันนี้ เมื่อคุณได้ทำความรู้จักกับพระเยซูมากเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่าคุณได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น

ข้อคิดระหว่างวัน
มีเรื่องราวตอนไหนบ้างของพระเยซูที่คุณชื่นชอบ หรือประทับใจมากที่สุด

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกขอขอบพระคุณที่ทรงประทานบุตรสุดที่รักองค์พระเยซูมาเพื่อไถ่บาปชาวเรา และ เพราะพระเยซู ลูกถึงได้เข้าใจเกี่ยวกับพระบิดามากขึ้นมากขึ้นทุกวัน
ลูกขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์.

 ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด  ลูกจะไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่ประกาศข่าวดี ลูกจะแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป  อย่าลืมศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ
KC Love God

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ความยินดีในพระเจ้า



วันที่สี่สิบสาม – พระเจ้านำมาซึ่งความชื่นชมยินดี
11แต่ขอให้ทุกคนที่ลี้ภัยในพระองค์เปรมปรีดิ์
ให้พวกเขาร้องเพลงรื่นเริงยินดีอยู่เสมอ
ขอทรงปกป้องคุ้มครองพวกเขา
เพื่อบรรดาผู้ที่รักพระนามของพระองค์จะชื่นชมยินดีในพระองค์
12ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แน่ทีเดียว พระองค์ทรงอวยพรคนชอบธรรม
ความโปรดปรานของพระองค์เป็นดั่งโล่โอบล้อมพวกเขาไว้
สดุดี 5:11-12

     ในพระคัมภีร์ไบเบิลเต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้คนที่มีปัญหาและแบกภาระที่ยิ่งใหญ่ เช่น อับราฮัม เขาต้องย้ายถิ่นฐานออกจากเพื่อน ๆ ไปอยู่ในที่ๆห่างไกล , โมเสสถูกไล่ล่าโดยทหารนับพัน, พระราชินีเอสเธอร์ต้องเผชิญหน้ากับพระราชาที่มีความโกรธแค้น, เดวิดต่อสู้กับยักษ์ แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าบุคคลคนเหล่านี้มีอะไรที่เหมือนกัน?? นั่นก็คือ พวกเขาวางใจในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงดูแลพวกเขาเมื่อพวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะด้วยความรักของพระเจ้า พวกเขาแต่ละคนสามารถชื่นชมยินดีแม้แต่ในยามที่มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น ความสุขเกิดจากการที่รู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระเจ้าทรงรักเราและอยู่กับเราเสมอ

ข้อคิดระหว่างวัน
ความรักของพระเจ้ามีไว้สำหรับทุกคนที่สามารถเปลี่ยนปัญหาให้เป็นความชื่นชมยินดีได้  

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รัก ขอพระองค์ทรงช่วยให้ลูกอย่าลืมที่จะวางใจในพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นในยามที่ลูกเกิดความกลัว หรือในยามที่ลูกต้องเจอกับปัญหาในชีวิต
ลูกขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์.

 ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด  ลูกจะไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่ประกาศข่าวดี ลูกจะแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป  อย่าลืมศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ
KC Love God

ความรักคือการกระทำ



วันที่สี่สิบสอง-ความรักคือการกระทำ 
ฉะนั้นสามสิ่งนี้ยังคงอยู่คือ ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด
1โครินธ์13:13

     บางครั้งเราคิดว่าความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกเพียงอย่างเดียว แต่พระคัมภีร์กล่าวว่า ความรักคือการกระทำ-บางสิ่งที่เราทำนั่นหมายความว่า เราสามารถกระทำสิ่งนั้นด้วยความรักได้แม้ว่าเราอาจไม่รู้สึก

     คุณจะแสดงออกถึงความรักได้อย่างไร?? และมีวิธีไหนบ้างที่คุณจะใช้ในการแสดงออกถึงความรัก?? ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกที่จะพูดคำที่สุภาพ อย่าคุยโวโอ้อวดเหมือนกับว่าคุณนั้นดีกว่าคนอื่น และอย่าลืมพูดคำว่าขอโทษและบอกว่าคุณเองก็สียใจเมื่อคุณทำผิด และรักที่จะพูดความจริงอยู่เสมอแม้ว่ามันยากที่จะทำ ความรักไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป แต่พระคัมภีร์บอกว่าความรักเป็นวิธีที่ดีที่สุด และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิตของเรา

ข้อคิดระหว่างวัน
คุณสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อแสดงความรักต่อคนอื่น??

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกขอขอบพระคุณที่พระองค์ทรงรักลูกเสมอมา โปรดช่วยสอนและทรงชี้นำลูก ว่าควรทำอย่างไรเพื่อเป็นการส่งต่อความรักของพระองค์ไปยังผู้อื่น
ลูกขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์.

 ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด  ลูกจะไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่ประกาศข่าวดี ลูกจะแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป  อย่าลืมศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ
KC Love God

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

การประกาศข่าวดีเป็นหน้าที่ของเราทุกคน




การประกาศข่าวดีเป็นหน้าที่ของเราทุกคน
การประกาศข่าวดี (ศัพท์คาทอลิก) หรือ การประกาศข่าวประเสริฐ (ศัพท์โปรเตสแตนต์) (อังกฤษ: Evangelism) คือการเผยแพร่พระวรสารหรือประกาศข่าวดีตามความเชื่อของคริสต์ศาสนิกชนว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าผู้มารับสภาพมนุษย์และถูกตรึงกางเขนจนสิ้นพระชนม์ เพื่อไถ่มนุษย์ผู้เชื่อจากบาป หลังจากนั้น 3 วัน ก็ทรงคืนพระชนม์แล้วเสด็จขึ้นสวรรค์ คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าผู้เชื่อข่าวดีนี้จะถูกไถ่จากบาปทันทีและได้ขึ้นสวรรค์หลังจากเสียชีวิต จนถึงการพิพากษาครั้งสุดท้ายก็จะได้รับบำเหน็จจากพระเจ้า

การประกาศข่าวดีถือเป็นพันธกิจสำคัญที่พระเยซูฝากไว้แก่สาวกของพระองค์ก่อนจะเสด็จขึ้นสวรรค์ ดังปรากฏในพระวรสารนักบุญมัทธิวว่า "ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์"

ข่าวประเสริฐแท้ คือข่าวดีที่พระเจ้าทรงช่วยคนบาปให้รอดได้ มนุษย์มีธรรมชาติบาปและถูกแยกจากพระเจ้า ไม่มีความหวังของการเยียวยาสถานการณ์นั้น แต่พระเจ้าได้ทรงเตรียมการไถ่มนุษย์ด้วยความตาย ถูกฝังไว้และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอด คือพระเยซูคริสต์

คำว่า "ข่าวประเสริฐ" แท้หมายความว่า "ข่าวดี" แต่การที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าข่าวประเสริฐดีอย่างไร ครั้งแรกที่เราจะต้องเข้าใจข่าวร้ายก่อน ผลจากการล่มสลายของมนุษย์ในสวนเอเดน อวัยวะทุกส่วนของคน—ความคิด ความตั้งใจ อารมณ์และเนื้อหนัง ได้เสื่อมเสียไปเพราะบาป

พระเจ้าได้ทรงประกาศว่า บาปของมนุษย์กำหนดชะตาให้เขาตกนรกชั่วนิรันดร์ ถูกแยกออกจากพระเจ้า ที่นรกนั้นคนต้องรับโทษของบาปที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้าองค์บริสุทธิ์และชอบธรรม

นี้จะเป็นข่าวร้ายแน่นอนถ้าไม่มีทางเยียวยาแก้ไข แต่ในข่าวประเสริฐนั้น พระเจ้าโดยพระเมตตาของพระองค์ ได้ทรงเตรียมการเยียวยารักษา—ผู้รับโทษแทนเรา คือพระเยซูคริสต์ ผู้ที่เสด็จมาชดใช้ค่าปรับโทษความผิดบาปของเรา โดยการพลีพระชนม์ของพระองค์บนกางเขน นี่คือสาระสำคัญของข่าวประเสริฐซึ่งเปาโลเทศนาแก่ชาวเมืองโครินธ์
1โครินธ์ 15:2-4 และซึ่งจะทำให้ท่านรอด ถ้าท่านยังยึดตามหลักคำสอนที่ข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น เว้นเสียแต่ท่านได้เชื่อเฉยๆ เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์ เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์

ในฐานะที่เราได้รับเรียกมาให้เป็นคริสตชน การเป็นคริสตชนของเรานั้นทั้งในชีวิตของแต่ละคนและในชีวิตชุมชน เราต่างได้รับหน้าที่ให้ทำการประกาศข่าวดีเรื่องของพระเยซูเจ้าให้ทุกคนได้รับฟัง เราทุกคนจะต้องกระทำตนให้เป็นดั่งประกาศกอิสยาห์และยอห์น แบ๊บติส คือ เป็นพยานถึงแสงสว่างที่แท้จริงของโลก ด้วยการดำเนินชีวิตที่ดี จนทำให้คนอื่น ๆได้เห็นพระเจ้าจากการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เราจะต้องกระทำตัวของเราให้เป็นเสมือนป้ายชี้ทาง ที่นำคนเดินทางไปสู่เป้าหมายด้วยความถูกต้องและปลอดภัย ป้ายยิ่งชัดยิ่งละเอียด คนเดินทางก็ปลอดภัยมากเท่านั้น ชีวิตของเราจึงควรโปร่งใส อ่านง่าย ชัดเจน ไม่เย่อหยิ่ง ไม่อวดตัว แต่สุภาพถ่อมตน

                       ในบทจดหมายของนักบุญเปาโลได้แนะนำให้เราได้ทำหน้าที่ของการเป็นผู้ประกาศข่าวดี ด้วยความร่างเริงยินดี ด้วยการภาวนาอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี(เทียบ 1ธส 5:16-18)

                      สิ่งท้าทายเราจากพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ คือ เราได้สำนึกถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของเราบางไหม?? คนอื่น ๆได้มองเห็นหรือสัมผัสพระเจ้าจากการดำเนินชีวิตของได้หรือไม่ ?? เราเป็นคนที่ยังมีความต้องการที่จะให้คนอื่นยกย่องชมเชย หรือพยายามทำตัวเองให้ใหญ่ขึ้นหรือไม่ ?? เรามีความสุภาพถ่อมตนเพียงพอหรือไม่?? การเป็นคริสตชนที่ดีนั้นคือ การดำเนินชีวิตที่ทำให้ทุกคนมองเห็นพระเจ้าในตัวของเราทั้งด้วยการกระทำและด้วยคำพูด

     ด้วยพระพรแห่งความเชื่อจากคุณพ่อ คุณแม่ และชีวิตพระหรรษทานจากศีลล้างบาป เราเริ่มรู้ รู้จักรักพระเจ้า และด้วยการรำพึง อ่านพระคัมภีร์/พระวรสาร ชีวิตคริสตชนเราก็จะลึกซึ้งขึ้นทำให้เราสำนึกตระหนักว่า ชีวิตของเราบนโลกนี้มิใช่เพื่อตัวของเราเอง แต่เพื่อพระองค์ โดยผ่านทางเพื่อนพี่น้องของเราเองบนโลก

     เมื่อเราเข้าใจถึงพระคัมภีร์ / พระวรสาร อย่างถูกต้องเช่นนี้แล้ว เราจึงควรให้ พระคัมภีร์/พระวรสาร ได้ถูกนำมาปฏิบัติในชีวิตของเรา ถึงแม้เวลาของเราจะห่างจากพระองค์มากมายสองพันปีมาแล้วก็ตาม ทั้งนี้ เพราะพระวาจาของพระองค์ “ไม่ตาย” และ “ไม่ล้าสมัย” และ “ทรงชีวิต” อยู่ตลอดเวลา และเมื่อชีวิตจิตของเรามีรากฝังในพระเจ้าเช่นนี้แล้ว จิตใจของเราก็เป็นฐานที่ดีสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เราปฏิบัติในหน้าที่รับผิดชอบ (กระแสเรียก) ของเราและต่อผู้อื่น ในบริบทต่างๆ
ข้อปฏิบัติ

• จงเป็นคนที่สุภาพถ่อมตน กระทำสิ่งต่าง ๆเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

• จงเป็นผู้ประกาศข่าวดีของพระเจ้า ทั้งด้วยการกระทำและคำพูด

เห็น ด้วยใจ ถ้าไม่ใช่จากใจ ก็เหมือนกล้องถ่ายรูป
ฟัง ด้วยใจ จึงจะรู้ซึ้งถึงใจ ร่วมชีวิต
พูด ด้วยใจ จึงไม่พูดพล่อยๆ
ให้ ด้วยใจ เป็นการให้เกียรติ ศักดิ์ศรีแก่ผู้รับ
ทำงาน ด้วยใจ ด้วยความทุ่มเทยินดี
ต้อนรับ ด้วยใจ อบอุ่น มีที่ในหัวใจสำหรับทุกคน
อภัย ด้วยใจ สงบ คืนดี
ทุกข์บาป ด้วยใจ กลับใจ
     นมัสการพระเจ้าด้วยใจอย่างสุดซึ้ง ด้วยกาย วาจา ใจ วิญญาณ สติปัญญา กำลัง มิฉะนั้น เราจะเป็นเสมือนเครื่องจักร
     และ “ด้วยใจ” นี้ เราสามารถอ่าน รำพึงพระคัมภีร์ / พระวรสาร เพื่อให้พระคัมภีร์/พระวรสาร ได้อ่านเราทุกวัน เพื่อเราจะได้หยุดนิ่ง รำพึง และฟังว่าพระองค์จะให้เราทำอะไร อย่างไร


การมอบสิ่งดี ๆไม่ได้เปรียบแค่สิ่งของเพียงเท่านั้น
หากเราไม่สามารถแบ่งปันด้วยวาจา ก็ให้เราแบ่งปันด้วยกิจการ

แต่หากเราไม่สามารถทำได้ทั้งสองอย่าง เราก็สวดภาวนาให้แก่กันและกันได้ และที่สำคัญ แบ่งปันพระวาจาให้กันและกัน วันละนิดจิตแจ่มใส เราเป็นคนนึงที่เชื่อว่าพระวาจาช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้ดีคะ ในเมื่อบางครั้งบนโลกใบนี้ หันมองไปไปด้านไหนก็ไม่มีใครที่เราจะวางใจได้เลย ให้เราเลือกที่จะเชื่อและวางใจในพระองค์ รับรองได้เลยคะว่า ชีวิตมีพระพร


การประกาศข่าวดีเป็นหน้าที่ของเรา แต่การเกิดผลและปาฏิหารย์เป็นงานของพระเจ้า ฉะนั้น จงสัตย์ซื่อในหน้าที่ของตน แล้วจงวางใจ ยิ่งเรารับใช้ ยิ่งทำให้ความเชื่อของพวกเราเติบโตยิ่งขึ้น เราจึงรู้ว่า "โดยความเชื่อ ทุกสิ่งเป็นไปได้จริง ๆ" ในชีวิตของตัวข้าพเจ้าเอง มีเรื่องราวอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย การได้มีเวลาอ่าน ฟังและทำความเข้าใจ พระธรรมคำสอนในพระคัมภีร์นับว่าเป็นพรประเสริฐ นี่จึงเป็นที่มาของความตั้งใจในการทำเพจขึ้นมาเพื่อแบ่งปันเรื่องราวและประกาศข่าวดีของพระองค์
 God is good By Katt Crews


เพื่อนที่ดีที่สุด




วันที่สี่สิบเอ็ด-เพื่อนที่ดีที่สุด
“พระบิดาทรงรักเราอย่างไร เราก็รักพวกท่านอย่างนั้น บัดนี้จงคงอยู่ในความรักของเรา
ยอห์น15:9

     อะไรทำให้มิตรภาพที่ดียิ่งใหญ่?? การใช้เวลาร่วมกัน!! เมื่อคุณใช้เวลากับเพื่อน ๆ ของคุณ คุณจะได้รู้จักกันและกันดีขึ้น และเรียนรู้ที่จะพึ่งพาซึ่งกันและกัน

     น่าอัศจรรย์ใจที่พระเยซูทรงเรียกเราทุกคน ซึ่งเป็นของพระองค์ว่าเพื่อน “แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดาของเรา เราได้สำแดงแก่ท่านแล้ว” (ยอห์น 15:15) และมิตรภาพของพระองค์นั้นลึกซึ้งจนทรงยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเรา ยอห์นกล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน” (ยอห์น 15:13)

     นับเป็นสิทธิพิเศษและเป็นพระพรที่เรามีพระเยซูเป็นสหาย พระองค์ทรงเป็นเพื่อนที่ไม่มีวันละหรือทอดทิ้งเรา ทรงอธิษฐานเพื่อเราต่อหน้าพระพักตร์พระบิดาและทรงจัดเตรียมทุกสิ่งที่เราจำเป็นต้องมี ทรงยกบาปทั้งสิ้นของเรา ทรงเข้าใจในความโศกเศร้าของเรา และประทานพระคุณอันเหลือล้นในยามที่เรามีปัญหา ทรงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราจริง ๆ

       พระเยซูคือเพื่อนที่ดีที่สุดที่คุณสามารถมีได้ ดังนั้นโปรดใช้เวลากับพระองค์ให้มาก ๆ เพราะพระองค์ชอบฟังความคิดเห็นของคุณ พระองค์ชอบที่จะฟังเรื่องราวของคุณในแต่ละวัน และพระองค์ยังสามารถช่วยให้คุณผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากได้อีกด้วย พระองค์ทรงใส่ใจทุกสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณ และไม่มีอะไรที่ทำให้พระองค์มีความสุขมากไปกว่าการแบ่งปันความรักของพระองค์กับคุณ ดังนั้นคุณควรให้เวลากับพระองค์เยอะ ๆ โดยเริ่มจากวันนี้ เพราะพระองค์เป็นเพื่อนที่แสนดีและคุณสามารถไว้ใจ พึ่งพาได้เสมอและตลอดไป

     คุณมีเพื่อนแท้คือพระเยซูถ้าคุณรับเอาความรอดจากพระองค์ พระองค์เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ทุกเวลา ผู้ทรงยกคุณขึ้นเมื่อคุณล้มลง ทรงสำแดงให้คุณเห็นความรักยิ่งใหญ่ที่สุดที่เพื่อนจะมอบให้แก่กันได้ คือความรักที่นำให้พระองค์สละชีวิตของพระองค์เองเพื่อคุณ (ยอห์น 15:13)

 ข้อคิดระหว่างวัน
ในทุก ๆ วัน ให้คุณเลือกหรือกำหนดเวลาเพื่อพูดคุย บอกเล่าเรื่องราวของคุณกับพระเยซู
พระเยซูคือเพื่อนที่คุณไว้ใจได้มากที่สุด
มีสหายเลิศคือพระเยซู
ผู้ได้แบกบาปทุกข์ของเรา
มีอะไรรบกวนให้โศกเศร้า
จงรีบเร่งนำมาเข้าเฝ้า
  – Scriven

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระเยซูที่รัก ลูกขอขอบพระคุณที่พระองค์ทรงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของลูกเสมอ ลูกต้องการใช้เวลากับพระองค์และรู้จักพระองค์มากขึ้นในทุก ๆ วัน  ขอขอบพระคุณที่ทรงเรียกลูกว่าสหายของพระองค์ ลูกจะขอบพระคุณเสมอในสิทธิพิเศษนี้ เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์.

 ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด  ลูกจะไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่ประกาศข่าวดี ลูกจะแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป  อย่าลืมศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ
KC Love God



ความรักของพระเจ้ามั่นคงยั่งยืนเป็นนิจนิรันดร์



วันที่สี่สิบ-ความรักของพระเจ้ามั่นคงยั่งยืนเป็นนิจนิรันดร์
28พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะเทิดทูนพระองค์
29จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงแสนดี
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
สดุดี 118:28-29

     คุณเคยมีของเล่น หรือของใช้ที่ต้องใช้แบตเตอรี่หรือไม่??  มันจะเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งของเหล่านั้นหากแบตเตอรี่มันหมด?? ของเล่นหรือของใช้เหล่านั้นมันก็จะไม่ทำงานใช่ไหม?? หรือยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะมีเสื้อตัวโปรด หรือรองเท้าคู่โปรดที่คุณชอบใส่มันอยู่เป็นประจำ แต่พอนานไป สภาพของเสื้อและรองเท้ามันก็เก่าและหมดสภาพไป ใช่หรือไม่?? เพราะทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ต่างก็มีวาระในตัวของมัน

    หากว่าด้วยเรื่องความรักความรักของมนุษย์ไม่ยั่งยืน เพื่อนสนิทที่สุดอาจทำร้ายจิตใจกันและไม่มีวันคืนดีได้ ครอบครัวอาจทะเลาะและไม่ยอมให้อภัย สามีภรรยาอาจห่างเหินเสียจนจำไม่ได้ว่าทำไมครั้งหนึ่งเคยตัดสินใจแต่งงานกัน ความรักของมนุษย์ไม่แน่นอน

     แต่มีเพียงสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนไป และสิ่งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ด้วย  และเป็นความรักที่มั่นคงยั่งยืน นั่นคือความรักของพระเจ้า สดุดี 106:1 กล่าวว่า “จงโมทนาขอบพระคุณพระเจ้าเพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์” พระสัญญาเรื่องความรักที่ไม่มีวันสูญสิ้นอยู่ในพระคัมภีร์ตลอดทั้งเล่ม และหลักฐานสำคัญที่สุดของความรักนี้คือการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรเพื่อผู้ที่วางใจในพระองค์จะได้มีชีวิตนิรันดร์ และไม่มีสิ่งใดจะแยกเราออกจากความรักของพระองค์ได้ (รม.8:38-39) ความรักของพระเจ้ามั่นคงยั่งยืนเป็นนิจนิรันดร์ ไม่มีการเสื่อมสภาพ ไม่มีการแปรเปลี่ยนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และคุณก็ไม่สามารถใช้มันได้หมด เพราะความรักของพระเจ้าทรงมีมากมาย ล้นเหลือ และจะคงอยู่เสมอ

ข้อคิดระหว่างวัน
ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่และสำคัญไปกว่า ความรักของพระเจ้า
เราอยู่ในความรักของพระองค์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตอยู่ในเรา การสิ้นพระชนม์และการเป็นขึ้นจากตายของพระคริสต์ คือเครื่องวัดความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกขอบพระคุณสำหรับความรักที่ไม่มีสิ้นสุดของพระองค์  ขอให้ลูกอย่าหลงลืมความจริงในข้อนี้ ด้วยเทอญ
ลูกขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์.

 ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด  ลูกจะไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่ประกาศข่าวดี ลูกจะแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป  อย่าลืมศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ
KC Love God

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ความอดทน



วันที่สามสิบเก้า – ความอดทน

2จงถ่อมใจและสุภาพอ่อนโยนในทุกด้าน จงอดทนอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก 3จงเพียรพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพระวิญญาณโดยมีสันติสุขเป็นเครื่องผูกพัน
เอเฟซัส4:2-3

ความอดทน (Patience)
     ใน​พระคัมภีร์​ไบเบิลกล่าวว่า ความ​อด​ทน​เป็น​มาก​กว่า​การ​ยอม​ทน​กับ​สถานการณ์​ที่​ยาก​ลำบาก ความ​อด​ทน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​วิธี​ที่​เรา​คิด​และ​รู้สึก​เมื่อ​เจอ​กับ​ปัญหา ความ​อด​ทน​ช่วย​เรา​ให้​กล้า​หาญ ซื่อ​สัตย์ และ​อด​กลั้น หนังสือ​อ้างอิง​เล่ม​หนึ่ง​บอก​ไว้​ว่า ความ​อด​ทน​เป็น​คุณลักษณะ​ที่​ช่วย​เรา​ให้​มี​ความ​หวัง​ที่​แน่นอน​และ​ไม่​ยอม​แพ้​เมื่อ​เจอ​กับ​ปัญหา ความ​อด​ทน​ช่วย​เรา​ให้​มั่นคง ไม่​หวั่นไหว​แม้​ต้อง​เจอ​กับ​ปัญหา​ที่​หนัก​ที่​สุด นอก​จาก​นั้น ความ​อด​ทน​ยัง​ช่วย​เรา​เปลี่ยน​ปัญหา​ที่​หนักหนา​สาหัส​ให้​เป็น​ชัย​ชนะ​ที่​งดงาม และ​ช่วย​เรา​เพ่ง​มอง​ไป​ที่​เป้าหมาย​ของ​เรา​ไม่​ใช่​ความ​ทุกข์​ที่​เรา​เจอ

       ความอดทน  คือการรักษาปกติภาวะของตนไว้ได้ ไม่ว่าจะถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งอันเป็นที่พึงปรารถนา หรือไม่พึงปรารถนาก็ตาม มีความมั่นคงหนักแน่นเหมือนแผ่นดิน ซึ่งไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะมีคนเทอะไรลงไป ของเสีย ของหอม ของสกปรกหรือของดีงามก็ตาม

       บางครั้ง บางเหตุการณ์มันยากที่จะรอคอยคนที่ช้ากว่าเรา และบางครั้งมันก็ยากที่จะเข้าใจว่าทำไมเขาไม่สามารถทำมันได้ ทั้ง ๆ ที่มันก็ดูง่ายไม่ได้ดูยุ่งยากอะไรแต่อย่างใดเลย แต่อย่าลืมนะคะว่า ต้นทุนชีวิตของคนแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้นจะให้ใครทำอะไรถูกใจเราไปหมดเสียทุกอย่างคงเป็นไปไม่ได้

ความอดทนแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
           1.อดทนต่อความยากลำบากตรากตรำในหน้าที่ ถึงหนักไม่บ่นให้คนเขาเห็น การทำงานย่อมมีอุปสรรค จึงต้องมีความอดทน ไม่อ่อนแอ ท้อถอย   ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ ชาวนา มีความอดทนสูงมาก ร้อนเท่าร้อน ยังทำงานในหน้าที่หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน ไม่หยุด ไม่เลิกจนกว่างานสำเร็จ

           2.อดทนต่อความเจ็บปวด ต่อความเจ็บไข้ ใจเสาะก็คือยอมแพ้ คนที่มีขันติ ก็เท่ากับทำกรรมดี โรคร้ายแรงก็ลดน้อยลง   เพราะ “แรงอื่นจะเสมอด้วยแรงกรรมไม่มี”    กรรมมีความรุนแรงส่งผลให้ทนทุกขเวทนา

           3.อดทนต่ออำนาจกิเลส คือ โกรธ โลภ หลง  ซึ่งเป็นสิ่งที่มากระทบจิตใจอยู่บ่อย  ยิ่งเป็นผู้มีอำนาจมักถูกยั่วด้วยผลประโยชน์ หากยั่วได้  ผู้ที่ไม่หวังดีก็ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อหาประโยชน์ได้สบาย   คนที่อดทนจริงจะต้องทนอย่างชื่นบาน ทนอย่างมีความรัก ทนอย่างมีเมตตา มิใช่ฝืนทน   จะเห็นว่าคนที่ขาดความอดทน เท่ากับทำตนให้เป็นคนเสียหลักย่อมคลอนแคลนอ่อนไหวได้ง่าย ทนได้เพื่อความดี  อย่างนี้ ถือเป็นความยิ่งใหญ่ และเป็นผู้ใหญ่จริง น่านับถือ  รักที่จะอยู่ในราชการนาน ควรประหารกิเลส   

ลักษณะความอดทนที่ถูกต้อง
 1.มีความอดกลั้น คือ เมื่อถูกคนพาลด่า ก็ทำราวกับว่าไม่ได้ยิน ทำหูเหมือนหูกระทะ เมื่อเห็นอาการยั่วยุ ก็ทำราวกับว่าไม่ได้เห็น ทำตาเหมือนตาไม้ไผ่ ไม่สนใจใยดี ไม่ปล่อยใจให้เศร้าหมองไปด้วย 

 2.เป็นผู้ไม่ดุร้าย คือ สามารถข่มความโกรธไว้ได้ ไม่โกรธ ไม่ทำร้ายทำอันตรายด้วยอำนาจแห่งความโกธนั้น ผู้ที่โกรธง่ายแสดงว่ายังขาดความอดทน ผู้ใดที่ตอบโต้ความโกรธด้วยความโกรธ ผู้นั้นกลับเป็นคนเลวยิ่งกว่า  

3.ไม่ทำให้ใครเสียน้ำตา คือ ไม่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือเจ็บแค้นใจจนน้ำตาไหลด้วยอำนาจความเกรี้ยวกราดของเรา

 4.มีใจเบิกบานแจ่มใสอยู่เป็นนิตย์ คือ มีปีติอิ่มเอิบใจเสมอๆ ไม่พยาบาท ไม่โทษฟ้า โทษฝน โทษเทวดา โทษโชคชะตา หรือโทษใคร ๆ ทั้งนั้น พยายามอดทนทำการงานทุกอย่างด้วยใจเบิกบาน
   
อะไร​จะ​ช่วย​เรา​ให้​อด​ทน?
จงขอ​กำลัง​จาก​พระเจ้า เพราะพระองค์เป็น​พระเจ้า​ที่ “ช่วย​เรา​ให้​อด​ทน​และ​ให้​กำลังใจเรา” (รม. 15:5) พระองค์​เป็น​ผู้​เดียว​ที่​เข้าใจ​เรา​มาก​ที่​สุด พระองค์​เข้าใจ​สถานการณ์ ความ​รู้สึก​และ​ภูมิหลัง​ของ​เรา ดัง​นั้น พระองค์​รู้​ว่า​อะไร​จะ​ช่วย​เรา​ให้​อด​ทน​ได้ คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ว่า “พระองค์​ให้​คน​ที่​เกรง​กลัว​พระองค์​ได้​ทุก​สิ่ง​ที่​ต้องการ พระองค์​ฟัง​พวก​เขา​ร้อง​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ​และ​ช่วย​พวก​เขา” (สด. 145:19) แต่​พระเจ้า​จะ​ตอบ​คำ​อธิษฐาน​ของ​เรา​โดย​ให้​กำลัง​ที่​เรา​จะ​อด​ทน​อย่าง​ไร?

 ตอน​ที่​เรา​ขอ​พระเจ้า​ให้​ช่วย​เรา​อด​ทน พระองค์​สัญญา​ว่า​จะ​ให้​เรา “มี​ทาง​ออก บาง​ครั้ง พระเจ้า​อาจ​ทำ​ให้​ปัญหา​หมด​ไป​ก็​ได้ แต่​ส่วน​ใหญ่​แล้ว พระองค์​จะ​ให้​กำลัง​เพื่อ​ที่​เรา​จะ “อด​ทน​จน​ถึง​ที่​สุด​และ​อด​กลั้น​ด้วย​ความ​ยินดี”  และ​เนื่อง​จาก​พระเจ้า​รู้​จัก​เรา​ดี พระองค์​รู้​จัก​ร่าง​กาย​ของ​เรา ความ​คิด​และ​ความ​รู้สึก​ของ​เรา พระเจ้า​จะ​ไม่​มี​วัน​ยอม​ให้​ปัญหา​ที่​เกิด​ขึ้น​หนัก​จน​ทำ​ให้​เรา​ไม่​สามารถ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​ได้

1 โครินธ์ 10:13
13  การ​ล่อ​ใจ​อะไร​ก็​ตาม​ที่​เกิด​ขึ้น​กับ​คุณ​ก็​เคย​เกิด​ขึ้น​กับ​คน​อื่น​มา​แล้ว​ทั้ง​นั้น แต่​พระเจ้า​ซื่อ​สัตย์ พระองค์​จะ​ไม่​ปล่อย​ให้​คุณ​ถูก​ล่อ​ใจ​จน​ทน​ไม่​ไหว และ​เมื่อ​คุณ​ถูก​ล่อ​ใจ พระองค์​จะ​มี​ทาง​ออก​ให้​ด้วย​เพื่อ​คุณ​จะ​ทน​ได้

สุภาษิตเกี่ยวกับความอดทน
 “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน”
            “ฝนทั่งให้เป็นเข็ม”

ข้อคิด เกี่ยวกับความอดทน
 “เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร  โดยทำสิ่งดี ๆ ให้เขา”
   “แม้จะไปไม่ถึงจุดหมายที่ใฝ่ฝัน  ขอจงก้าวต่อไปอย่าท้อถอย”
   “แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยหลังจากภารกิจในแต่ละวันเพียงใด  จงยืนหยัดที่จะก้าวไปข้างหน้า”
“ความทุกข์ทำให้คนรู้จักคิด  ความรู้จักคิดทำให้คนฉลาด  ความฉลาดทำให้คนรู้จักอดทน”

ประโยชน์ของการมีความอดทน
    1.ทำให้เราเป็นคนสุขุม  รอบคอบ มีสติ
    2.งานหรือกิจกรรมต่าง ๆ สำเร็จลุล่วงไปอย่างดี
    3.เสริมสร้างให้เราเป็นคนมีมานะ มีความเพียรพยายามในการทำงานหรือความทุกข์ยากลำบากต่าง ๆ ในชีวิต
    4.มีความเป็นผู้นำ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
    5.สอนให้เราไม่ยอมแพ้หรือท้อถอย
    6.เป็นที่รักของทุกคน

โทษของการไม่มีความอดทน 
     1.มีนิสัยวู่วาม  ไม่มีความรอบคอบ
     2.งานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เกิดความเสียหาย
     3.เป็นคนหนักไม่เอา เบาไม่สู้ สร้างนิสัยเกียจคร้านในตัวเอง
     4.ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่
     5.ไม่เป็นที่รักของคนอื่น

เนื้อหาในพระคัมภีร์
“จงชื่นชมยินดีในความหวัง  จงอดทนต่อความยากลำบาก” ( รม 12 : 12 )
“ขอให้ท่านมีความทรหดที่สุด  และความอดทนไว้นานด้วยความยินดี” ( คส 1 : 11 )
“อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี  เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว  เราก็จะเก็บเกี่ยว ในเวลาอันสมควร”   ( กท 6 : 9 )
“จงอดทนนาน และอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” ( อฟ 4 : 3 )
“เราขอวิงวอนพวกท่านให้ตักเตือนคนที่เกียจคร้าน หนุนน้ำใจผู้ที่ท้อใจ  ชูกำลังคนที่อ่อนกำลัง  และมีใจอดเอาเบาสู้ต่อคนทั้งปวง” ( 1 ธส 5 : 14 )

ความร้อนภายนอก อาศัยน้ำช่วยดับร้อน หรือให้คลายร้อนได้ชั่วคราว   แต่ร้อนใจต้องอาศัยพระวจนะเป็นน้ำทิพย์  โดยปกติ พระวจนะเป็นน้ำทิพย์ที่ทำให้สุขใจ เย็นใจ สงบใจ

           คุณเคยพบและสังเกตไหมว่า  บางคนอายุมาก แต่หาความเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้   ตรงข้าม บางคนอายุน้อยแต่เป็นผู้ใหญ่กว่า ความเป็นผู้ใหญ่ดูจากจิตใจดี  คิดดี วาจาดี มีหลักการดี ไม่วู่วาม จึงสรุปได้ว่าความเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตของจิตใจ มากกว่าอายุของคน

          เพราะพระเป็นเจ้าทรงอดทนกับเราแต่ละคน  เราจึงควรอดทนกับผู้อื่นเช่นกัน  ความอดทน  คือ  ความรักที่เห็นได้ในกิจการ  ความอดทนนำความกลมกลืน  ความเชื่อ  ความหวัง  และคุณธรรมฝ่ายจิตทุกประการ  เข้ามาในชีวิตของตนเอง  และชีวิตของผู้อื่นที่เราสัมผัส

พฤติกรรมที่ปรารถนาให้เราฝึกปฏิบัติ
   + จงเป็นคนอดทน เพราะจะทำให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
   + จงเป็นคนใจคอหนักแน่น ไม่โกรธง่าย  และยิ้มแย้มแจ่มใส
   + ให้เราอดทนต่อความเหนื่อยยาก และอุปสรรคต่าง ๆ ที่เรากำลังประสบอยู่

ข้อคิดระหว่างวัน
 คุณพอจะจำได้ไหมว่า มีใครบ้าง?ที่เขาสามารถอดทนต่อคุณ และแสดงความรักต่อคุณเสมอมาและไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รัก โปรดช่วยให้ลูกมีความอดทนต่อผู้อื่น เช่นเดียวกันกับที่พระองค์ทรงอดทนต่อลูกด้วยเทอญ
ลูกขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ

การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์.
  
 ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด  ลูกจะไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่ประกาศข่าวดี ลูกจะแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป  อย่าลืมศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ
KC Love God

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...