การใส่ใจอย่างแท้จริง
จงอุทิศเวลาให้กับการอ่านพระคัมภีร์ในที่ประชุม
ให้กับการเทศนาและสั่งสอนจนกว่าข้าพเจ้าจะมา
1 ทิโมธี 4:13
พระคัมภีร์เป็นหนังสือเล่มใหญ่มากและอาจมีบางช่วงบางตอนที่คุณอาจไม่เข้าใจ
แต่อย่างไรก็ตามพระคัมภีร์เป็นเสียงของพระเจ้า การที่คุณพยายามอ่านพระคัมภีร์มาก
ๆ จะเป็นการช่วยเสริมกำลังใจให้กับผู้ที่อ่าน และยังทำให้คุณสามารถได้ยินพระองค์ตรัสกับคุณ พระเจ้าไม่ต้องการให้คุณอ่านพระคัมภีร์ด้วยตัวเองเพียงลำพังเท่านั้น แต่พระองค์ยังยังต้องการให้คนจำนวนมากอ่านร่วมกัน
เช่นที่โบสถ์ เพราะการฟังคำเทศนาจากพระสงฆ์หรือจากผู้เทศนามีส่วนช่วยให้เราเข้าใจความหมายของพระวจนะได้ดีมากขึ้น
และถ้าหากเรามีการแบ่งปันพระวาจากันในกลุ่มเล็กๆ จะที่โบสถ์หรือที่โรงเรียนหรือที่ทำงานก็จะช่วยให้เราได้ฟังมุมมองที่แตกต่างกันไป
เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันในการตีความ -หัวข้อ- แนวคิดเพื่อให้เข้าใจตรงกัน รวมถึงแตกแนวคิดออกไปให้กว้างไกลมากขึ้น
วิธีนี้มีข้อดีคือทุกคนจะรู้สึกว่าการเรียนรู้เรื่องศาสนาไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่งแต่เราต้องยึดหลักความจริงจากพระคัมภีร์เป็นที่ตั้งด้วย
สมัยของทิโมธี มี “ชั่ว และคนเจ้าเล่ห์ ล่อลวงคนอื่นและถูกคนอื่นล่อลวง” ท่านเปาโลสอนทิโมธีให้ดำเนินตามสิ่งที่เรียนรู้แล้ว และเชื่ออย่างมั่นคงที่เขาได้เรียนมาจาก คุณแม่และคุณยายที่รักพระเจ้า ตั้งแต่เป็นเด็กมา คือพระคัมภีร์นั่นเอง ทุกวันนี้มีคำสอนแปลกๆ ปรัชญาแปลกๆ ที่ไม่อยู่ในหลักของพระคัมภีร์ แพร่สะพัด แชร์กันในเฟสบุ๊ค ส่งให้อ่านกันตามไลน์ ไม่แพ้ยุคของทิโมธี จำเป็นอย่างยิ่งที่อนุชนทุกวันนี้ จะต้องแยกให้ออก และยึดมั่นอยู่ในหลักคำสอน ที่สามารถสร้างชีวิตอันแข็งแกร่งแก่เราได้ เราต้องเห็นความพิเศษของพระวจนะ เพราะนี่คือ ถ้อยคำที่มาแต่การดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่ความคิดของมนุษย์ “ทิโทธีได้เรียนรู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งสามารถสอนท่านให้รู้ถึงความรอดได้” เรารักพระคำของพระเจ้าเพราะเรารักพระเยซู ผู้ประทานพระวจนะให้เรา ความรักของพระองค์ ทำให้เราอยากอ่านอยากรู้ อยากใคร่ครวญ และนำมาปฏิบัติตาม
ประโยชน์ที่ได้รับจากการอ่านพระคัมภีร์ที่สำคัญก็คือ ทำให้เราเกิดความสำนึกผิดเมื่อทำบาป พระคัมภีร์จะช่วยให้เราได้เห็นความผิดหรือ
บาปที่เราได้กระทำอย่างชัดเจน ทำให้เรามีความสำนึกที่ตัวในการทำบาปของเรา
และมีความเป็นทุกข์ถึงบาปด้วยการขอกลับคืนดีกับพระเจ้า
และด้วยการละทิ้งบาปนั้นที่จะไม่ทำต่อไปอีกในชีวิตของเรา
การศึกษาพระคัมภีร์จะทำให้เรามีความหวัง ความหวังเป็นของประทานอันอุดมสมบูรณ์มาจากพระเป็นเจ้า
ซึ่งจะมีอยู่ท่ามกลางผู้มีความเชื่อเท่านั้น พระคัมภีร์ก็คือ
พระวาจาหรือคำสอนของพระเจ้า ผู้ใดที่เชื่อและปฏิบัติตาม ผู้นั้นก็จะพบกับความหวัง
ซึ่งเป็นพระวิญญาณของพระเป็นเจ้าที่ปรากฏอยู่ในพระวจนะของพระองค์
การศึกษาพระคัมภีร์ทำให้เกิดสันติสุข ผู้ที่รู้และเข้าใจในพระวจนะของพระเจ้า
จะมีความรู้สึกปิติยินดีและมั่นคงที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักของพระเจ้าที่มีต่อเขามากขึ้น
และจะทำให้เขาได้มีโอกาสพบกับสันติสุขกับพระเจ้าซึ่งเป็นสันติสุขที่มนุษย์ทุกคนทั่วโลกเสาะแสวงหาและสันติสุขดังกล่าวจะค้นหาได้จากที่เดียวคือ
ในพระคัมภีร์
การศึกษาพระวจนะของพระเจ้าจะทำให้เราสามารถจัดการกับปัญหาต่างที่เกิดกับชีวิตของเราได้เป็นอย่างดี
ผู้ที่ศึกษาพระคัมภีร์จะพบว่าปัญหาต่างๆที่เรามีในชีวิตของเรานั้น
พระคัมภีร์ได้บอกถึงแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านั้นไว้ให้เราแล้วทุกประการ
หากเราได้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า
และมีความเชื่อและไว้วางใจในพระองค์อย่างแท้จริงแล้วปัญหาต่างๆก็จะได้รับการช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้า
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกขอขอบพระคุณสำหรับโบสถ์-คริสตจักรของลูกและสำหรับพระสงฆ์-ศิษยาภิบาล-ผู้อภิบาล (pastor)ที่นำคำสอนของพระองค์มาแบ่งปันเพื่อให้เกิดผลดีในชีวิตของพวกเรา ขอพระองค์ช่วยให้ลูกใส่ใจในการให้ความสำคัญกับพระคำของพระองค์ในทุก ๆ วันมากกว่าสิ่งอื่นใดด้วยเทอญ เอเมน
ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก
หนังสือ One minute
devotions
kamsondeedee.com
bangkokfellowship.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น