พระเจ้าให้คุณมาอยู่ในโลกนี้เพื่อทำประโยชน์
“
ความฉลาดของมนุษย์ทำให้เขาโกรธช้า และการให้อภัยความผิดก็เป็นศักดิ์ศรีแก่เขา”
สุภาษิต 19:11
สิ่งที่ต้องการพูดถึงในวันนี้คือ“ วิญญาณแห่งการกระทำความผิด”
ผมเชื่อว่ามันเป็นเครื่องมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ศัตรูใช้เพื่อทำลายสายสัมพันธ์ของพระเจ้า-ทำลายมิตรภาพความสัมพันธ์และทำลายชีวิตการแต่งงาน
ทุกสิ่งล้วนถูกทำลายโดยวิญญาณนี้
นี่เป็นเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการปิดกั้นตัวเราเองจากพระคริสต์
“เราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์”
1
โครินธ์ 4:1–5
คำว่าผู้รับใช้เป็นคำที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา
เพราะเราทุกคนคือผู้รับใช้ของพระเจ้า
พระเจ้าได้ให้เราเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ในงานที่ต่างกัน
ตามของประทานและความสามารถที่พระเจ้าประทานให้
ชีวิตของเราถูกสร้างมาเพื่อการรับใช้พระเจ้า
พระเยซูตรัสว่า
"ใครไม่มีเหตุสะดุดในตัวเรา คนนั้นก็เป็นสุข”
มัทธิว
11: 6
ให้คุณลองนึกภาพดูว่า
หากพระเจ้าทรงตัดสินใจใช้คนที่มีอดีตอาชญากรมาปฏิบัติศาสนกิจคุณจะเชื่อเขาหรือไม่? คุณจะตอบสนองเขาอย่างไร? หลายคนในที่นี้คงขุ่นเคืองและพูดในใจว่า
ฉันจะไม่มีวันได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าผ่านทางคน ๆ นี้แน่นอน
ความคิดแน่วแน่แบบนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของความอหังการที่จะสร้างฐานในใจให้“
วิญญาณแห่งความผิด” ดำเนินและเติบโตจนกว่าเราจะสำนึกผิด
ลองย้อนเวลากลับไปเพื่อพิจารณาปฏิกิริยาของคุณเอง
ยกตัวอย่างเช่น หากพระเจ้านำ“ เซาโล” เข้ามาท่ามกลางคุณ คุณจะยอมรับเซาโล
ตัวตนคนเก่า ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนแปลงตนเองมาเป็นเปาโลได้หรือไม่? หรือ
คุณจะปฏิเสธบุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกเพียงเพราะสิ่งที่คุณรู้เกี่ยวกับอดีตของพวกเขามาก่อน?
หรือถ้าในวันหนึ่ง
ดาวิด(เด็กเลี้ยงแกะก่อนที่จะมาเป็นกษัตริย์)
มายืนอยู่ต่อหน้าคุณและมีคนบอกว่าเขาจะได้รับการยกเว้นในฐานะที่พระเจ้าเจิมไว้หรือคุณจะขุ่นเคืองใจกับการเลือกของพระเจ้าหรือไม่?
หากคุณเลือกที่จะปกป้องใจตัวเองและต่อต้านอารมณ์ขุ่นเคืองไม่ให้มันมาขับเคลื่อนชีวิต
แล้วยอมรับให้พระเจ้าใช้สิ่งที่พระองค์ทรงเลือกมาแล้วสำหรับคุณ
บางทีพระองค์อาจจะเลือกใช้คุณเพื่อไปทำอะไรบางอย่างในชีวิตของผู้เชื่อคนอื่นๆบ้างก็ได้
ต่อให้คุณเองก็เคยทำผิดพลาดมาก่อน
พระองค์อาจเลือกใช้คุณได้เช่นกัน ขอเพียงคุณมีใจนบนอบ
และเชื่อฟังพระเจ้าอยู่เสมอ พระเจ้าอาจจะเรียกคุณให้ทำสิ่งใหม่ๆ ก็ได้
ที่สำคัญ…อย่าพึ่งบอกว่าไม่ใช่ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลอง
และไม่ได้เกี่ยวว่าใครดีกว่าหรือเก่งกว่า
เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้เรียกให้เรามาแข่งขันกัน แต่พระเจ้าทรงเรียกให้เราทำ
ก็คือเรียกให้เรามาทำ
พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า
มนุษย์มีหน้าที่รับผิดชอบที่จะรับหรือปฏิเสธพระคุณของพระเจ้าได้
พระเยซูคริสต์เคาะอยู่ที่ประตูใจของทุกคน
หน้าที่ของเราคือเปิดประตูและให้พระองค์เสด็จเข้ามาถ้าเราไม่เปิดประตูใจของเรา พระองค์ก็ไม่ยอมเข้ามา
เพราะการเปิดประตูต้อนรับเป็นหน้าที่ของเรา ดังนั้นอย่าตัดสินใครเพียงแค่ภูมิหลัง
ภาพลักษณ์ภายนอก หรืออดีตของเขา
เพราะพระเจ้าอาจใช้คนที่ดูต่ำต้อยที่สุดในสายตาโลกมาเพื่อทำอะไรบางอย่างในชีวิตของเราก็ได้
พระเจ้าอาจจะพูดกับคุณผ่านคนบางคนที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ
หรือใช้สถานการณ์บางอย่างที่เฉพาะเจาะจงกับคุณ
เพราะว่าทุกอย่างไม่มีคำว่าบังเอิญสำหรับพระเจ้า
เครดิต
พ่อช้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น