วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

คนฉลาดรู้จักยั้งลิ้นของตน

 


คนฉลาดรู้จักยั้งลิ้นของตน

ไม่อาจหยุดความบาปได้ด้วยการพูดมาก

ผู้ที่รู้จักยั้งลิ้นของตนก็เป็นคนฉลาด

สุภาษิต 10:19

 

วันนี้โลกของเราดูเหมือนว่ายิ่งคุณพูดมากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งมีพลังหรือเป็นที่นิยมมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสื่อสังคมออนไลน์ ข่าวรายวัน การเมือง หรือในการประชุมคณะกรรมการ ยิ่งคุณพูด (และยิ่งพูดดัง) คนคนนั้นก็ยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้น

 

แล้วพระเจ้าคิดอย่างไรกับการพูดของเรา?

 

พระคัมภีร์เตือนเราว่าเราต้องระมัดระวังคำพูดและวิธีใช้คำพูด ในมัทธิว 6:7 พระเยซูทรงสนับสนุนผู้ติดตามของพระองค์ให้ละเว้นจากการใช้คำพูดมากมายในการอธิษฐาน ที่ราวกับว่าคำพูดมากมายเหล่านั้นจะทำให้พระเจ้าประทับใจพวกเขามากขึ้น พระองค์ตรัสว่าเมื่อท่านอธิษฐาน ไม่ต้องพูดพร่ำซ้ำซากเหมือนคนต่างศาสนา เพราะเขาคิดว่าพูดมากๆ พระจึงจะได้ยิน”

 

พระเจ้าประทานสติปัญญาแก่เรา เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เห็นได้บ่อยว่า ในพระคัมภีร์มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องของการใช้คำพูด  และที่นี่ในพระธรรมสุภาษิตเราเรียนรู้ว่าคนโง่มักพูดมากเกินไป แต่คนฉลาดและสุขุมจะควบคุมจำนวนคำพูดของเขา

 

เมื่อเราพูดหลายคำ การล่วงละเมิดก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่เป็นเรื่องจริง เพราะยิ่งเราพูดมากเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะได้วัดและชั่งน้ำหนักคำพูดของเราเองก็น้อยลงเท่านั้น และมีโอกาสที่เราจะทำบาปต่อบุคคลอื่นมากขึ้นด้วย และที่สำคัญคือต่อพระเจ้าเอง ต่อมาในหนังสือของยากอบ เราได้ยินคำเตือนว่า “ให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด และช้าในการโกรธ” (ยากอบ 1:19)  คำพูดที่มีการวัดและชั่งน้ำหนักก่อนจึงเป็นคำพูดที่ฉลาด และยิ่งเราพูดมากเท่าไหร่ ธรรมชาติบาปของเราก็จะแสดงออกมาในคำพูดของเรามากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นคำพูดที่มีปริมาณมากขึ้น ก็มีโอกาสมากขึ้นที่จะมีคำพูดที่เป็นบาป

 

บ่อยแค่ไหนที่เราฟังพระเจ้าหรือผู้อื่น การพูดของเราเป็นการสนทนาแบบพูดฝ่ายเดียวหรือไม่?

 

สุภาษิต 10:19 บอกว่าคนฉลาดจะไม่ใช้คำพูดมากเกินไป พวกเขาพูดด้วยความสุขุม เฉลียวฉลาด และพินิจพิเคราะห์ พวกเขารู้ว่าการฟังสำคัญกว่าการพูด (ดูยากอบ 1:19 ด้วย)

 

พระเยซูเป็นคนช่างคิดและช่างสังเกต และนั่นควรเป็นเป้าหมายหลักของเราด้วยเช่นกัน

 

นับครั้งไม่ถ้วนที่ฉันเคยคิดว่าถ้าฉันเลือกที่จะไม่พูดอะไร สถานการณ์ของฉันคงจะดีขึ้นมากกว่านี้  นับครั้งไม่ถ้วนที่เราต้องจ่ายราคาแพงเมื่อตระหนักได้ว่าคำพูดที่พูดออกไปแล้วนั้นเราไม่อาจหวนกลับคืนมาได้ จริงอยู่ที่เราสามารถขอรับการอภัยสำหรับคำพูดที่ไม่ทันได้คิดของเรา  แต่ทว่าความเจ็บปวดของพวกเขานั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย หากความเจ็บปวดที่เกิดจากคำพูดโง่เขลาของคุณยังไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอสำหรับการหยุดพูด  เราก็ควรจดจำพระวจนะของพระเจ้าที่มีสำหรับเราในวันนี้ให้ขึ้นใจ

 

พระคำวันนี้เตือนให้เราพูดน้อยลง หรือหากจำเป็นต้องพูดก็จงพูดด้วยความสุขุม เฉลียวฉลาด และพินิจพิเคราะห์ มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า  “การนิ่งเงียบและปล่อยให้ทุกคนคิดสงสัยว่าคุณฉลาดหรือไม่ฉลาด ย่อมดีกว่าการอ้าปากพูดออกไปเรื่อยและขจัดข้อสงสัยทั้งหมดว่า ที่แท้แล้วคุณไม่ฉลาด จริงๆ”

 

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าผู้สัตย์ซื่อ ขอขอบพระคุณที่ทรงรัก แม้ว่าข้าพระองค์จะมีข้อบกพร่องและความล้มเหลวมากมาย โปรดทรงยกโทษหากข้าพระองค์ใช้คำพูดที่มากเกินไป  และโปรดช่วยให้ข้าพระองค์ระมัดระวังคำพูดของตนเอง โปรดมอบสติปัญญาแก่ข้าพระองค์  เพื่อข้าพระองค์จะได้ปิดปาก  และเงี่ยหูฟังความต้องการของผู้อื่นมากขึ้น ขอโปรดชำระจิตใจของข้าพระองค์ให้สะอาดและให้วาจาของข้าพระองค์เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นและนำเกียรติมาสู่พระองค์ อธิษฐานในนามพระเยซู อาเมน

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

todaydevotional.com

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...