จงมองข้ามคำสบประมาท
คนโง่เขลาระเบิดอารมณ์
ส่วนคนฉลาดไม่ใส่ใจคำสบประมาท
— สุภาษิต 12:16
ฉันมักจะคิดถึงคำโบราณที่ว่า “ไม้และก้อนหินอาจทำให้กระดูกของฉันหักได้
แต่คำพูดจะทำร้ายฉันไม่ได้” อยู่บ่อยๆ ฟังดูแล้วฉันว่ามันค่อนข้างต้องใช้ความอดทนสูงมากอยู่เหมือนกัน
เพราะคำพูดที่รุนแรง การด่าทอ และการดูถูกสามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับเราได้อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาจากคนที่เราคิดว่าไว้ใจได้ที่สุด และมันไม่เคยรู้สึกดีเลยที่จะต้องถูกคนอื่นดูถูกแม้แต่จากคนแปลกหน้าก็ตาม
ดังนั้นสัญชาตญาณของเรามักจะยืนหยัดเพื่อตัวเองและตอบโต้คำสบประมาททันที
เพราะเราคิดว่าคนอื่นไม่ควรปฏิบัติต่อเราแบบนั้น และไม่ว่าจะด้วยกรณีใดเขาก็ไม่ควรปฏิบัติต่อเราเช่นนั้นอยู่ดี
แต่พระธรรมสุภาษิตในวันนี้กลับชี้ให้เราเห็นสิ่งที่ตรงกันข้าม ว่า คนโง่เขลาจะระเบิดอารมณ์
ส่วนคนฉลาดจะไม่ใส่ใจคำสบประมาท เพราะการระเบิดอารมณ์นั้นอาจเป็นการส่งเสริมทำให้เขามีโอกาสที่จะทำร้ายทั้งเราและคนอื่นๆได้ต่อไปอีก
พูดกันให้ชัดๆ ก็คือ: คือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและเป็นอันตรายสมควรได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและเหมาะสม
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าวิธีการตอบโต้ของเราจะต้องเป็นการตอบโต้ด้วยพฤติกรรมชั่วแบบเดียวกัน
( เช่น ร้ายมาร้ายกลับ) เพราะโกรธ=โง่ และ "คนโง่"
คือคนที่ขาดวิจารณญาณ
ให้เราระลึกถึงพระเยซู
ผู้ซึ่งผู้เผยพระวจนะได้บอกล่วงหน้าว่าพระองค์จะถูก “ มนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนเจ้าทุกข์และคุ้นเคยกับความทุกข์ทรมาน
เป็นคนที่ใครๆ เบือนหน้าหนี เขาถูกเหยียดหยาม และเราก็ไม่นับถือเขา” (อิสยาห์
53:3)
พระเยซูสามารถมองข้ามคำสบประมาท
คำเยาะเย้ย และการปฏิเสธนับร้อย—อาจถึงพันครั้ง—เพราะพระองค์ทรงรู้ว่าพระองค์เป็นใคร
ได้รับเรียกให้มาทำอะไร และรู้ว่าพระบิดาทรงรักพระองค์มากเพียงใด
วันนี้เราจะสามารถทำแบบเดียวกับที่พระเยซูทำได้หรือไม่?
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดา เมื่อมีสถานการณ์ที่ยากลำบากเข้ามาในชีวิตของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะหยุดและคิดก่อนที่จะกระทำหรือพูดอะไรที่จะต้องเสียใจในภายหลัง
โปรดประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในสถานการณ์เหล่านี้ ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ในความรักของพระองค์และจดจำว่าข้าพระองค์เป็นใครในพระองค์
ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร โปรดช่วยข้าพระองค์ให้พบความเข้มแข็งในพระองค์ เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้มีความอดทนอดกลั้นและสามารถก้าวผ่านคำดูถูกเหยียดยามเหล่านั้นไปได้
อธิษฐานในนามพระเยซูอาเมน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
todaydevotional.com
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น