วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

6 วิธี ที่จะช่วยเราติดตามความชอบธรรมในพระเจ้า

 



6 วิธีในชีวิตประจำวัน ที่จะช่วยเราติดตามความชอบธรรมในพระเจ้า

“…องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชังวิถีทางของคนชั่ว

แต่ทรงรักผู้ที่ติดตามความชอบธรรม” สุภาษิต 15:9

 

ฉันพยายามอ่านการให้ข้อคิดทางวิญญาณทุกวันหรือทำให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้  การให้ข้อคิดทางวิญญาณช่วยทำให้ฉันดำเนินชีวิตอยู่ในแนวทางของฝ่ายวิญญาณและทำให้ศรัทธาของฉันเติบโตยิ่งขึ้น

 

ฉันเริ่มสงสัยว่าการแสวงหาความชอบธรรมหมายความว่าอย่างไร มันมีลักษณะอย่างไร? ฉันถามเพราะดูเหมือนว่าฉันจะมีความสับสนบางอย่างอยู่ และถ้าความชอบธรรมของเรามาจากพระเยซูเท่านั้น แล้วมันมีอะไรให้เราติดตามบ้างละ?  

 

พระคัมภีร์ได้ให้รายละเอียดว่าเราควรแสวงหาความชอบธรรมอย่างไรเพื่อให้ความเชื่อของเราจะสมบูรณ์แบบ แต่ก่อนอื่น เราต้องรู้ก่อนว่าความชอบธรรมเริ่มต้นที่ใด

 

ความชอบธรรมเป็นของพระเยซู

เป็นเวลาหลายปีที่ชาวอิสราเอลมีความหวังอยู่เสมอว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะส่งคนมาไถ่พวกเขาจากบาป น่าเสียดายที่ใครหลายคนยังไม่ยอมรับ แต่สำหรับผู้ที่ยอมรับพระเยซูในฐานะพระคริสต์ตามพระสัญญา เราก็มีความหวังใหม่ในความชอบธรรมของพระองค์ซึ่งครอบคลุมความบาปของเราด้วย

 

ความชอบธรรมของเราเริ่มต้นด้วยการเข้าใจว่าเราไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าเพราะความบาปของเรา อิสยาห์ 64:6 กล่าวว่า

“ข้าพระองค์ทั้งปวงกลายเป็นผู้มีมลทิน

ความประพฤติอันชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งปวงเหมือนผ้าขี้ริ้วโสโครก

ข้าพระองค์ทั้งหลายเหี่ยวเฉาประหนึ่งใบไม้ร่วง

และบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายเหมือนลมพัดเอาพวกข้าพระองค์ปลิวหายไป”

 

เราไม่คู่ควรที่จะยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า ความบริสุทธิ์และความสมบูรณ์แบบของพระองค์ไม่สามารถทนต่อบาปได้ มันช่างชัดเจนและเรียบง่าย ลักษณะบาปที่รักษาไม่หายของเราต้องการพระผู้ไถ่ที่สามารถทำให้เราชอบธรรมได้และปกปิดบาปของเราด้วยความชอบธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อว่าพระบิดาจะทรงยอมรับเรา พระเยซูเป็นพระผู้ไถ่ของเราและพระองค์เป็นผู้เดียวที่ทำเช่นนี้ได้

 

“พระเจ้าทรงกระทำพระองค์ผู้ปราศจากบาปให้เป็นบาปเพื่อเรา เพื่อในพระองค์เราจะกลายเป็นความชอบธรรมของพระเจ้า ” 2 โครินธ์ 5:21

 

“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา” เยเรมีย์ 23:6

 

พระเยซูประทานความชอบธรรมแก่เราอย่างอิสระ  และถ้าไม่มีพระเยซู พระเจ้าก็รับเราไม่ได้ เพราะ เรายังเป็นผ้าขี้ริ้วโสโครก ดังนั้น การรับความชอบธรรมของพระเยซูจึงเป็นเรื่องสำคัญ หลังจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วว่าจะดำเนินการต่อไปโดยปรารถนาความบริสุทธิ์เหนือสิ่งอื่นใดและแสวงหาอุปนิสัยที่เหมือนพระคริสต์ มากน้อยแค่ไหน

 

การใฝ่หาความชอบธรรมหมายความว่าเราเป็น “งานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่” มันจะสมบูรณ์แบบเมื่อเวลาผ่านไปผ่านทางการเชื่อฟังพระองค์ และปรากฏเป็นหลักฐานยืนยันถึงความเชื่อของเรา เราทำงานทุกวันโดยมีเป้าหมายที่จะเห็นความสมบูรณ์แบบที่แท้จริง  

 

เติบโตใกล้ชิดกับพระองค์

เราไม่สามารถแสวงหาความชอบธรรมได้โดยลำพัง เราต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า ต่อไปนี้คือ 6วิธีในชีวิตประจำวันที่คุณสามารถติดตามความชอบธรรมเพื่อให้ความสัมพันธ์ของคุณและพระเจ้าแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

 

1.แสวงหาการสถิตอยู่ของพระองค์

การออกกำลังกายไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจจำเป็นต้องแสดงออกมา หากขาดการลงมือทำก็หมายความว่าไม่มีอะไรสำเร็จ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราต้องแสวงหาการทรงสถิตของพระเจ้าทุกวัน การอ่านถ้อยคำของพระองค์และใช้เวลาสนทนากับพระองค์เป็นวิธีพื้นฐานในการแสวงหาความชอบธรรม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณเองก็เคยได้รับคำแนะนำเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเหมือนกัน  และหากเราตั้งใจทำตามเราจะได้ใกล้ชิดกับพระเจ้าค์มากขึ้น

 

2.เดินในพระวิญญาณ

ในกาลาเทีย 5:22–23 อัครสาวกเปาโลให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลของพระวิญญาณ ได้แก่ ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนโยน และการควบคุมตนเอง พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำทางและโน้มน้าวให้เราปฏิบัติคุณลักษณะเหล่านี้ทุกวันเพื่อให้เราเกิดผลดี (ทำสิ่งที่ดีต่อตัวเองและคนรอบข้าง) และแสดงให้ผู้อื่นเห็นถึงการแสวงหาความชอบธรรมของเรา

 

ผลไม้ดีย่อมมีผลดีเพิ่มขึ้น การเลือกของเราส่งผลต่อผู้คนรอบตัวเรา การเดินในพระวิญญาณไม่เพียงแต่ทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าลึกซึ้งขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมผู้อื่นในการแสวงหาของพวกเขาได้อีกด้วย  

 

3.เชื้อเชิญปัญญา

พระเจ้าทรงให้ความสำคัญกับสติปัญญามากเสียจนพระองค์ต้องการให้คุณทูลขออย่างเจาะจง ต่อไปนี้เป็นข้อพระคัมภีร์สองสามข้อที่เราควรพิจารณา

 

“ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของปัญญา

การรู้จักองค์บริสุทธิ์ทำให้เกิดความเข้าใจ” สุภาษิต 9:10

 

“ถ้าผู้ใดในพวกท่านฉลาดและมีความเข้าใจ ก็ให้เขาแสดงออกมาโดยการดำเนินชีวิตที่ดี โดยการกระทำอันถ่อมสุภาพซึ่งมาจากสติปัญญา” ยากอบ 3:13

 

““เรา ปัญญา อยู่คู่ความสุขุมรอบคอบ

เรามีความรู้และความเฉลียวฉลาด” สุภาษิต 8:12

 

“ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา จงทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานด้วยพระทัยกว้างขวางแก่คนทั้งปวงโดยไม่ตำหนิ แล้วผู้นั้นจะได้รับ” ยากอบ 1:5

 

ฉันเชื่อว่าการแสวงหาสติปัญญาจากพระเจ้าเป็นหลักฐานของความชอบธรรม สติปัญญาอาจมีประโยชน์ในสถานการณ์ต่างๆ ของชีวิตเรา แต่สติปัญญาที่มาจากพระเจ้านั้นอยู่ในอีกระดับหนึ่งที่เหนือกว่า สติปัญญาของพระเจ้านั้นเกี่ยวข้องกับความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับพระเจ้าและวิถีทางของพระองค์ สติปัญญาจากพระเจ้าช่วยทำให้เรามีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับสิ่งถูกและผิด และทำให้เรามีความมั่นใจที่จะตอบสนองต่อผู้อื่นโดยอาศัยความรัก

 

4.เป็นคนใจกว้าง  

พระเยซูเป็นผู้ที่ใจกว้างที่สุดเท่าที่เคยเดินบนโลกใบนี้ การเสียสละของพระองค์บนไม้กางเขนเพื่อเราแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงธรรมชาติแห่งการให้ของพระองค์ ในฐานะสาวกของพระองค์ เราถูกเรียกให้เป็นคนใจกว้างเช่นกัน

 

กาลาเทีย 6:10 บอกให้เรา “ทำสิ่งดีเพื่อคนทั้งปวง” พระเยซูเองบอกเราว่าการให้ดีกว่าการรับ (กิจการ 20:35) และเนื่องจากความรักเป็นผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระวิญญาณ ยอห์นจึงบอกเราใน 1 ยอห์น 3:17 ว่า “ถ้าผู้ใดมีทรัพย์สิ่งของ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแต่ยังไม่สงสารเขา ความรักของพระเจ้าจะอยู่ในผู้นั้นได้อย่างไร?” ยอห์นกำลังบอกว่าเราควรเผื่อแผ่ความรักของเราแก่ผู้อื่นอย่างเหมาะสม

 

ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไม่ได้เป็นเพียงข้อกำหนดในการดำเนินชีวิตแบบคริสเตียนของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นผลพลอยได้จากการแสวงหาความชอบธรรมของเราด้วย เป็นธรรมชาติของการมีความสัมพันธ์ร่วมกับพระเยซู

 

เราสามารถเป็นคนใจกว้างได้โดยใช้หลักการอื่นในพระคัมภีร์ นั่นคือ เวลา พรสวรรค์ และทรัพย์สมบัติของเรา เราแต่ละคนมีหนึ่งในสามอย่างนี้เสมอและเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ลองตรวจสอบถึงสิ่งที่คุณจะสามารถมอบให้คนอื่นได้ในทุกวัน  จงเป็นพรแก่ผู้อื่นในทุกวันและทำให้วันของคนอื่นๆเป็นวันที่ดีขึ้น และจงทำด้วยใจยินดี

 

5.อย่าเป็นคนตาบอดตาสั้น

“…5ด้วยเหตุนี้ท่านจงพยายามทุกวิถีทางที่จะเพิ่มความดีเข้ากับความเชื่อ เพิ่มความรู้เข้ากับความดี 6เพิ่มการบังคับตนเข้ากับความรู้ เพิ่มความอดทนบากบั่นเข้ากับการบังคับตน เพิ่มการดำเนินในทางพระเจ้าเข้ากับความอดทนบากบั่น 7เพิ่มความรักฉันพี่น้องเข้ากับการดำเนินในทางพระเจ้า และเพิ่มความรักเข้ากับความรักฉันพี่น้อง 8เพราะถ้าท่านมีคุณสมบัติเหล่านี้มากยิ่งๆ ขึ้นก็จะทำให้ท่านมีประสิทธิภาพและเกิดผลในการรู้จักองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา 9แต่ถ้าผู้ใดขาดคุณสมบัติเหล่านี้ก็ตาบอดตาสั้น และลืมว่าตนได้รับการทรงชำระจากบาปในอดีตแล้ว”

 

เปโตรกำลังสะท้อนสิ่งที่เปาโลเขียนเกี่ยวกับผลของพระวิญญาณในหนังสือกาลาเทียในหลายๆ ด้าน พระองค์ทรงเตือนให้เรามีคุณธรรม มีความรู้ในพระคำ ใช้การควบคุมตนเอง และพากเพียรในทุกสถานการณ์เพื่อสร้างความชอบธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้นำไปสู่หลักฐานแห่งความรักของพระเจ้าภายในตัวเรา

 

6.อย่ายอมแพ้

การแสวงหาความชอบธรรมเป็นการเดินทางที่ต่อเนื่อง เราต้องให้กำลังใจตัวเองทุกวันในองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยการเฝ้ามองไปที่พระองค์ อ่านพระคำ อธิษฐานและทูลขอสติปัญญา และพยายามอย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ นี่คือสิ่งที่เปาโลอธิษฐานขอในฟิลิปปี 1:9–11

“และข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้ความรักของท่านทวียิ่งขึ้นในความรู้และการหยั่งรู้ทุกอย่าง เพื่อท่านจะเห็นชอบในสิ่งที่ดีเลิศ และเพื่อวันแห่งพระคริสต์จะเต็มไปด้วยผลของความชอบธรรมที่จะมาถึง จงบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิ พระเยซูคริสต์เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า”

 

แม้ว่าพระเจ้าจะรู้ว่าความชอบธรรมของเรานั้นยังไม่สมบูรณ์แบบ  แต่พระองค์ทรงพอพระทัยเสมอที่เห็นความมุ่งมั่นของเรา การกระทำง่ายๆ บวกกับการมีความพยายามและไม่ย่อท้อของเรา ดึงดูดความสนใจของพระองค์ทุกครั้ง ดังนั้นอย่ายอมแพ้ ที่จะติดตามความชอบธรรมของคุณในองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยระลึกว่าพระองค์จะทรงอวยพรผู้ที่แสวงหาพระองค์ (คร่ำครวญ 3:25)

 

“ท่านจะพบผู้ที่ชื่นชมยินดีและประพฤติชอบธรรม ผู้ซึ่งระลึกถึงท่านในทางของท่าน” อิสยาห์ 64:5

 

ความชอบธรรมของพระเจ้ามีประโยชน์อย่างไร?

ความชอบธรรมทำให้มนุษย์เข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น เนื่องจากช่วยเพิ่มความสามัคคีธรรมกับพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ อาดัมมีความสุขกับการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าก่อนที่เขาจะล้มลงเพราะความอธรรม 

ความชอบธรรมยังมีอำนาจและสิทธิอำนาจ เพราะให้ชัยชนะในการสู้รบ มันนำการทรงสถิตของพระเจ้ามาเสมอและทำให้เกิดความกล้าหาญ


พระพรแห่งความชอบธรรมคืออะไร?

สุภาษิต 4:18 กล่าวว่า “หนทางแห่งความชอบธรรมเหมือนแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ ส่องแสงเจิดจ้ายิ่งขึ้นจนรุ่งสว่าง”   กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อคุณและฉันรับใช้พระเยซูและติดตามพระองค์ เส้นทางของเราจะสว่างไสวยิ่งขึ้น! เมื่อเราถวายเกียรติแด่พระเจ้า พระพรของพระองค์จะตกอยู่กับลูกหลานและบ้านของเราตลอดไป


ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

Steppesoffaith

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...