วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

7 สิ่งที่พระเจ้าเกลียด

 



7 สิ่งที่พระเจ้าเกลียด และทำไมคุณควรเกลียดมันด้วย

16มีสิ่งน่ารังเกียจหกอย่างที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเกลียดชัง

ที่จริง มีเจ็ดอย่างที่พระองค์ทรงรังเกียจ คือ

17ตาที่หยิ่งยโส

ลิ้นที่โป้ปด

มือที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์

18จิตใจที่คิดการชั่วร้าย

เท้าที่ปราดไปทำชั่ว

19พยานเท็จผู้กล่าวมุสา

และคนที่ยุให้ญาติพี่น้องแตกแยกกัน

สุภาษิต 6:16-19

 

พระคัมภีร์กล่าวอย่างชัดเจนว่าพระเจ้าคือความรัก (1 ยอห์น 4:16) แม้ว่าพระเจ้าจะทรงรัก พระคัมภีร์ยังกล่าวไว้ด้วยว่าพระเจ้าทรงเกลียดชังได้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่หลายคนฟังแล้วอาจไม่สบายใจ แอบเสียวสันหลัง มันคงจะสบายใจกว่าใช่ไหมที่เราจะมองแค่ว่า พระเจ้าเป็นผู้ตอบรับคำอธิษฐานที่ใจดีและเป็นผู้สร้างดอกไม้ สายรุ้ง และผีเสื้อ และสิ่งสวยงามต่างๆในโลกนี้

 

เหรียญมีสองด้าน มีด้านสว่างและด้านมืด มีความดีและความชั่ว มีรักก็ต้องมีชัง สิ่งที่คุณต้องตัดสินใจก็คือคุณจะรักสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ และในขณะที่คุณกำลังต่อต้านและเกลียดสิ่งชั่วร้าย  คุณควรต้องรู้ด้วยว่ามี 7 สิ่งที่พระเจ้าเกลียดอยู่เสมอ

 

สิ่งต่อไปนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าเกลียด

ตาที่หยิ่งยโส

ในภาษาอังกฤษคำว่า ‘ความหยิ่งจองหองหรือภาคภูมิใจ’ Pride อาจมีความหมายในแง่ที่ดี ตัวอย่างเช่น เราจะไม่พูดว่าเป็นการผิดที่คนเราจะภาคภูมิใจในลูกของตนเอง หรือภาคภูมิใจในการงานของตน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพระคัมภีร์พูดถึงความภาคภูมิใจหรือจองหอง มันหมายถึงบางสิ่งที่ต่างไปจากนั้นและมีความหมายเชิงลบอย่างมาก

 

ความภาคภูมิใจหรือจองหอง หยิ่งยโส หมายถึง การมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณค่าหรือความสำคัญของตนเองมากเกินไป มันบ่งบอกถึงความประพฤติที่เย่อหยิ่งหรือเอาแต่ใจ เป็นวิญญาณที่เป็นอิสระที่กล่าวว่า ‘ฉันไม่ต้องการพระเจ้า’ ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจกันว่านี่เป็นรากเหง้าของบาปทั้งหมด  และพระเจ้าทรงเกลียดชังเพราะมันเป็นอุปสรรคต่อการแสวงหาพระองค์

 

ลิ้นที่โป้ปด

ความไม่ซื่อสัตย์ พระเจ้าเกลียดชังมันและเราทุกคนก็เคยทำมันมาแล้ว นี่เป็นอีกสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดเคยทำ คุณจำตอนที่เขามีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของนายทหารได้หรือไม่ และผู้ชายคนนั้นก็เป็นหนึ่งในนายทหารที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเขาด้วย? คุณจำตอนที่ดาวิดพยายามปกปิดเรื่องนี้และสุดท้ายชายคนนั้นก็ถูกฆ่าตาย? ความไม่ซื่อสัตย์นั้นทำลายจิตใจของดาวิดในที่สุด และนี่อาจเป็นหนึ่งในความเสียใจอย่างใหญ่หลวงที่ทำให้เขาอธิษฐานและสารภาพเช่นเดียวกับในเพลงสดุดีบทที่ 51

 

พระเจ้าเกลียดเมื่อมีคนหลอกคนอื่นหรือหลอกตัวเองให้เชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง วัฒนธรรมโลกรอบตัวเราตอนนี้พยายามจะโน้มน้าวใจคุณ จนคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งใดจริงและสิ่งใดเท็จ ซาตานพยายามหลอกเราโดยบอกว่าความจริงสำหรับคุณนั้นไม่จำเป็นต้องจริงสำหรับทุกคน นี่เป็นเรื่องโกหกที่มโหฬาร  มันคือคำโกหกหลอกลวงของมารและทำให้ผู้คนหลงผิด

 

แต่คำถามยังคงอยู่ แล้วทำไมเราถึงยังโกหก? เราเรียนรู้นิสัยแย่ๆ นั้นมาจากไหน? ดูเหมือนว่า เด็กๆ จะได้รับมันมาตั้งแต่พวกเขาอายุยังน้อย และถ้าเราไม่ระวัง มันก็จะกลายเป็นวิถีชีวิตของพวกเขาไปเลยก็ได้ ผู้ใหญ่มีเล่ห์เหลี่ยมและมีกลลวงมากขึ้นในการโกหก  

 

มนุษย์มีความเข้าใจที่บิดเบี้ยวเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่า ความจริงสำหรับคุณนั้นไม่จำเป็นต้องจริงสำหรับทุกคน  หากไม่เชื่อฉัน  คุณลองเข้าไปดูโลกของโซเชียลมีเดีย น้อยคนที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่จะกดแชร์ บ่อยครั้งที่เราหลงไปแบ่งปันสิ่งที่ไม่เป็นความจริงโดยไม่ได้ตรวจสอบมันก่อน เราจึงกลายเป็นตัวแทนของการโกหกมากขึ้น และพระเจ้าเกลียดการโกหก  

 

มือที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์

ข้อนี้ค่อนข้างอธิบายมันได้ด้วยตนเอง การเข่นฆ่าเป็นสิ่งที่ผิดและมีโทษ พระเจ้ากล่าวไว้อย่างชัดเจนในบัญญัติ 10 ประการ การฆาตกรรมเป็นอาชญากรรมที่สมควรถูกดำเนินคดี ผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในสังคมได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้มากที่สุดเนื่องจากพวกเขามักจะรู้สึกหมดหนทาง อำนาจ ตำแหน่ง และเงินทอง และหากเรามีมันเราก็ควรใช้เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน แทนที่จะพยายามทำลายผู้อื่น เราควรได้รับแรงจูงใจจากความปรารถนาที่จะรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง

 

คุณสังเกตไหมว่า 3 สิ่งที่พระเจ้าเกลียดเป็นลักษณะของลูซิเฟอร์? ความเย่อหยิ่ง ความหลอกลวง และความรุนแรง…

 

ใจที่คิดการชั่วร้าย

พระเยซูกล่าวถึงสิ่งนี้เช่นกัน ในมัทธิว 15:19 พระองค์ตรัสว่า “เพราะความคิดชั่ว การฆ่าคน การล่วงประเวณี การผิดศีลธรรมทางเพศ การลักขโมย การโกหก และการใส่ร้ายมาจากใจ” นั่นคือ 7 สิ่งที่พระองค์ระบุไว้

 

“หัวใจ” เป็นที่ตั้งของชีวิตทางร่างกาย จิตวิญญาณ และจิตใจ คำว่า "หัวใจ" ใช้ในพระคัมภีร์เพื่อระบุตัวตนทั้งหมดภายใน—รวมถึงแรงจูงใจ ความรัก ความรู้สึก ความปรารถนา และความคิด มี​คำ​บอก​ให้​เรา “จงระแวดระวังใจ​ของ​ท่าน​ให้​ดี (สุภาษิต 4:23) คุณไม่สามารถหลีกหนีบาปในรายการนี้ได้เว้นแต่คุณจะมีใจที่รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทุกสิ่งที่คุณทำเป็นผลมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของคุณ

 

เท้าที่ปราดไปทำชั่ว

มนุษย์เราเคลื่อนไหวไปสู่ความชั่วร้ายที่เขาปรารถนาด้วยเท้าคู่เดียว การใช้ความเร็ว (หรือรีบร้อน) ในการทำบาปบ่งชี้ว่าบุคคลนั้นมีเจตนาที่จะสร้างความเสียหาย ผู้คนกำลังเร่งไปสู่ความชั่วร้ายมากกว่าที่จะเดินทอดน่อง(ช้าๆ) สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าความโหดร้ายนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นความพยายามโดยเจตนา

 

การรีบวิ่งปราดเข้าหาบาป พวกเราสักกี่คนที่สามารถพูดได้ว่า "ว้าว อย่างน้อยฉันก็ไม่ทำอย่างนั้น!” ฉันสามารถพูดได้ว่าตัวฉันไม่ได้ตกอยู่ในบาปแบบเป็นนิสัย แต่กี่ครั้งแล้วที่ฉันลังเลก่อนที่จะแยกเอาตัวเองออกไปจากจุดๆนั้น? สายตาของคุณจับจ้องอยู่นานกับโฆษณาล่อลวงของโลกนี้อยู่หรือไม่?  คุณอาจจะไม่ได้เป็นคนที่ "วิ่งไปหาความชั่ว" เป็นนิสัย แต่คุณเคยหนีออกจากบาปอย่างรวดเร็วเท่าที่ควรจะทำบ้างหรือไม่?

 

คุณสังเกตเห็นหรือไม่ว่า 5 สิ่งแรกที่พระเจ้าเกลียดชังเกี่ยวข้องกับลักษณะทางศีลธรรมของบุคคล? พวกมันยังเป็นตัวแทนของส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยทำงานตั้งแต่ศีรษะจนถึงหัวใจและเท้า

 

พยานเท็จผู้กล่าวมุสา

อะไรคือความแตกต่างระหว่างลิ้นของคนโกหกกับคนที่เป็นพยานเท็จ? พวกมันคล้ายกัน แต่การโกหกโดยเฉพาะนั้นกระทำโดยมีเจตนาที่จะทำร้ายเพื่อนบ้าน ในขณะที่อาจใช้ลิ้นโกหกเพื่อประโยชน์ของตนเอง

 

 “ลิ้นมุสา” นี่หมายถึงคนที่สาบานแล้วจงใจกระจายเรื่องโกหกและพูดข้อมูลที่ผิดๆออกไป อาจเป็นคนที่ยืนเป็นพยานในห้องพิจารณาคดี และอาจรวมถึงผู้ที่บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าด้วย

 

คุณจะไม่มีวันพบศิษยาภิบาล(ผู้สอนพระคัมภีร์)ที่ปราศจากบาป แต่จงอยู่ให้ห่างจากผู้สอนพระคัมภีร์และศิษยาภิบาลที่ไม่มีความรับผิดชอบในชีวิตของพวกเขาและผู้ที่บิดเบือนความจริงในพระกิตติคุณทั้งในและนอกธรรมาสน์ และเมื่อคุณกล่าวคำของคุณ จงรักษาคำนั้นไว้

 

คนที่ยุให้ญาติพี่น้องแตกแยกกัน

นี่คือผู้ก่อวินาศกรรมที่อยู่รอบตัวคุณ ในที่ทำงาน ในหมู่เพื่อนๆ ในโบสถ์ และอาจแม้แต่ในครอบครัวของคุณ มีคนๆ หนึ่งที่คอยสร้างปัญหาให้กับทุกคน

 

หากคุณหว่านความไม่ลงรอยกัน คุณกำลังสร้างความแตกแยกระหว่างบุคคล สิ่งที่สื่อเป็นนัยคือการสร้างบรรยากาศแห่งความไม่ไว้วางใจ ความกลัว หรือความสงสัยในใจและความคิดของคนรอบข้าง ซึ่งมักขับเคลื่อนด้วยความต้องการยกย่องตนเอง

 

เมล็ดพันธ์ชนิดใดที่ก่อให้เกิดความบาดหมางในหมู่พี่น้อง? คำตอบคือ มีมากมาย แต่เราจะเน้นเพียงไม่กี่รายการ

 

ประการแรก เมล็ดพันธุ์แห่งความภาคภูมิใจ ความภาคภูมิใจที่ยืนยันว่าฉันดีกว่าและสมควรได้รับดีกว่าคนอื่น ความคิดเห็นของฉันสมควรได้รับการรับฟัง และถ้าไม่รับฟัง ฉันจะแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็น ทัศนคตินี้เป็นความแตกแยก การถือว่าผู้อื่นดีกว่าตนเองส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่การคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นส่งเสริมการแตกแยก

 

ประการที่สอง ความเห็นแก่ตัว  เมื่อเราเรียกร้องให้วิธีการทำสิ่งต่าง ๆ ของเราได้รับเกียรติ ความสามัคคีก็ถูกทำลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของคริสตจักร เราต้องตระหนักว่าท้ายที่สุดแล้ว สิ่งต่างๆ ทำเพื่อประโยชน์ของคริสตจักร  ไม่ใช่เพื่อตัวบุคคล คริสตจักร สำคัญกว่าตัวบุคคลเสมอ การบูดบึ้งเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่ได้ทำในแบบของคุณมีแต่จะสร้างความแตกแยก แทนที่จะยืนกรานว่าความปรารถนาของคุณต้องได้รับเกียรติ จงเต็มใจทำสิ่งต่าง ๆ ปราศจากการบ่นว่า ถกเถียงที่ไม่ก่อประโยชน์

 

ประการที่สาม การนินทาเป็นตัวทำลายความสามัคคีอย่างมาก ซาโลมอนพูดถึง "คนปลิ้นปล้อนยั่วยุการวิวาท คนยุแยงตะแคงรั่วทำให้เพื่อนสนิทแตกคอกัน(สุภาษิต16:28) เป็น "เสียงกระซิบ" พูดพึมพำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์และเป็นอันตรายแก่ผู้ที่เขาคิดว่าจะได้ยินเขา เขาจะไม่พูดในสิ่งที่อยู่ในใจของเขาอย่างตรงไปตรงมา แต่จะพูดเฉพาะกับคนที่เขาคิดว่ามีหูเท่านั้น เขาจะค้นหาผู้ที่เขาคิดว่าน่าจะฟังเขาโดยไม่ตำหนิเขา และจะเปิดเผยหัวใจที่แตกแยกต่อคนนเหล่านั้น และมีแนวโน้มว่าเขาจะดึงดูดผู้ที่ชอบฟังเสียงกระซิบกระซาบมาหาตัวเองได้เช่นกัน

 

พระคัมภีร์ให้คำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีหลีกเลี่ยงการเป็นคนที่หว่านความบาดหมางกัน

 

ประการแรก เราได้รับการเตือนให้หลีกเลี่ยงผู้ที่สร้างความแตกแยก เปาโลบอกให้เรา “ระวังผู้ที่ก่อให้เกิดความแตกแยก” และ “หลีกเลี่ยงพวกเขา” (โรม 16:17) ให้เลิกเกี่ยวข้องกับเขา (ทิตัส 3:10)

 

ประการที่สอง เราได้รับการเตือนให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความแตกแยก เปาโลบอกทิโมธีให้ “จงหลีกหนีจากการพูดคุยที่ไร้สาระ” (1 ทิโมธี 6:20) หากหัวข้อหรือกิจกรรมใดมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกมากกว่าความปรองดอง เราควรหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นทันที

 

ประการที่สาม และประการสุดท้าย วิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวคือการนำพระทัยของพระคริสต์มาใช้(เอาใจของพระคริสต์มาใส่ไว้ในใจเรา) เมื่อเราทำเช่นนั้นได้ เราจะพัฒนาเจตคติของความอ่อนน้อมถ่อมตนและการรับใช้ผู้อื่น (ฟีลิปปี 2:1–11) โดยมีพระคริสต์เป็นจุดศูนย์กลาง เราจะมองหาผลประโยชน์ของผู้อื่นมากกว่าผลประโยชน์ของเราเอง ดังนั้น เราจะเป็นผู้ปกป้อง แทนที่จะเป็นผู้ทำลายความสามัคคี

 

และหากคุณยังมีนิสัยทั้งเจ็ดที่กล่าวมา จงแสวงหาการให้อภัยและหยุดมันเสีย หรือถ้าเป็นคนที่คุณรู้จัก ก็ให้อธิษฐานเผื่อเขา หรือหาทางกันว่าจะแก้ปัญหานั้นอย่างไร? แล้วรีบจัดการมันซะ  เราไม่สามารถเมินเฉยต่อสิ่งที่พระเจ้าบอกว่าพระองค์เกลียด และพระองค์เกลียดการทะเลาะวิวาทและความยุ่งเหยิงวุ่นวายภายในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นในคริสตจักรของคุณ-สังคมของคุณ หรือในหมู่ญาติพี่น้องของคุณ

 

ไตร่ตรอง

บางทีสิ่งเหล่านี้อาจทำให้คุณไม่สบายใจ หรืออาจจะไม่ก็ได้ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น จงจำไว้ว่าพระคัมภีร์เป็นเหมือนกระจกเงา และบางครั้งเมื่อเราเห็นตัวเองในภาพสะท้อนนั้น เราอาจเลือกมองเมินไปทางอื่นหรือเลือกมองให้ลึกลงไป 

 

พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราพิจารณาอย่างลึกซึ้ง พระคำของพระองค์สามารถโน้มน้าวใจและบางครั้งก็ประณามเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม คุณค่าของพระวจนะของพระเจ้าคือสร้างเราขึ้นและเตรียมเราให้พร้อมถวายพระเกียรติแด่พระองค์ การค้นพบสิ่งที่พระเจ้าเกลียดและการซื่อสัตย์ต่อสิ่งเหล่านั้นคือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ควรนำมาใช้ในชีวิตของเรา

 

พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้าและมีประโยชน์สำหรับการสอน การว่ากล่าว การแก้ไข การฝึกในความชอบธรรม เพื่อว่าบุคคลของพระเจ้าจะมีความสามารถพร้อมสำหรับงานดีทุกอย่าง”

2 ทิโมธี 3:16-17

 

วันนี้ ฉันหวังว่าคุณจะสนุกกับสิ่งนี้ และได้เรียนรู้บางสิ่ง หรือถูกท้าทายให้ทำบางสิ่ง!  เป็นเช่นนั้นอย่าลืมแบ่งปันส่งต่อเรื่องราวหนุนใจนี้ให้กับคนอื่นๆด้วย


ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 Genewhitehead

sola5.org

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...