7 สิ่งที่พระเจ้าเกลียด
และทำไมคุณควรเกลียดมันด้วย
16มีสิ่งน่ารังเกียจหกอย่างที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเกลียดชัง
ที่จริง มีเจ็ดอย่างที่พระองค์ทรงรังเกียจ คือ
17ตาที่หยิ่งยโส
ลิ้นที่โป้ปด
มือที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
18จิตใจที่คิดการชั่วร้าย
เท้าที่ปราดไปทำชั่ว
19พยานเท็จผู้กล่าวมุสา
และคนที่ยุให้ญาติพี่น้องแตกแยกกัน
สุภาษิต 6:16-19
พระคัมภีร์กล่าวอย่างชัดเจนว่าพระเจ้าคือความรัก (1 ยอห์น 4:16)
แม้ว่าพระเจ้าจะทรงรัก
พระคัมภีร์ยังกล่าวไว้ด้วยว่าพระเจ้าทรงเกลียดชังได้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่หลายคนฟังแล้วอาจไม่สบายใจ แอบเสียวสันหลัง มันคงจะสบายใจกว่าใช่ไหมที่เราจะมองแค่ว่า พระเจ้าเป็นผู้ตอบรับคำอธิษฐานที่ใจดีและเป็นผู้สร้างดอกไม้
สายรุ้ง และผีเสื้อ และสิ่งสวยงามต่างๆในโลกนี้
เหรียญมีสองด้าน มีด้านสว่างและด้านมืด มีความดีและความชั่ว มีรักก็ต้องมีชัง
สิ่งที่คุณต้องตัดสินใจก็คือคุณจะรักสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ และในขณะที่คุณกำลังต่อต้านและเกลียดสิ่งชั่วร้าย
คุณควรต้องรู้ด้วยว่ามี 7 สิ่งที่พระเจ้าเกลียดอยู่เสมอ
สิ่งต่อไปนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าเกลียด
ตาที่หยิ่งยโส
ในภาษาอังกฤษคำว่า
‘ความหยิ่งจองหองหรือภาคภูมิใจ’ Pride อาจมีความหมายในแง่ที่ดี
ตัวอย่างเช่น เราจะไม่พูดว่าเป็นการผิดที่คนเราจะภาคภูมิใจในลูกของตนเอง
หรือภาคภูมิใจในการงานของตน แต่อย่างไรก็ตาม
เมื่อพระคัมภีร์พูดถึงความภาคภูมิใจหรือจองหอง
มันหมายถึงบางสิ่งที่ต่างไปจากนั้นและมีความหมายเชิงลบอย่างมาก
ความภาคภูมิใจหรือจองหอง หยิ่งยโส หมายถึง การมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณค่าหรือความสำคัญของตนเองมากเกินไป มันบ่งบอกถึงความประพฤติที่เย่อหยิ่งหรือเอาแต่ใจ เป็นวิญญาณที่เป็นอิสระที่กล่าวว่า ‘ฉันไม่ต้องการพระเจ้า’ ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจกันว่านี่เป็นรากเหง้าของบาปทั้งหมด และพระเจ้าทรงเกลียดชังเพราะมันเป็นอุปสรรคต่อการแสวงหาพระองค์
ลิ้นที่โป้ปด
ความไม่ซื่อสัตย์
พระเจ้าเกลียดชังมันและเราทุกคนก็เคยทำมันมาแล้ว
นี่เป็นอีกสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดเคยทำ คุณจำตอนที่เขามีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของนายทหารได้หรือไม่
และผู้ชายคนนั้นก็เป็นหนึ่งในนายทหารที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเขาด้วย? คุณจำตอนที่ดาวิดพยายามปกปิดเรื่องนี้และสุดท้ายชายคนนั้นก็ถูกฆ่าตาย? ความไม่ซื่อสัตย์นั้นทำลายจิตใจของดาวิดในที่สุด และนี่อาจเป็นหนึ่งในความเสียใจอย่างใหญ่หลวงที่ทำให้เขาอธิษฐานและสารภาพเช่นเดียวกับในเพลงสดุดีบทที่
51
พระเจ้าเกลียดเมื่อมีคนหลอกคนอื่นหรือหลอกตัวเองให้เชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง วัฒนธรรมโลกรอบตัวเราตอนนี้พยายามจะโน้มน้าวใจคุณ จนคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งใดจริงและสิ่งใดเท็จ
ซาตานพยายามหลอกเราโดยบอกว่าความจริงสำหรับคุณนั้นไม่จำเป็นต้องจริงสำหรับทุกคน
นี่เป็นเรื่องโกหกที่มโหฬาร มันคือคำโกหกหลอกลวงของมารและทำให้ผู้คนหลงผิด
แต่คำถามยังคงอยู่ แล้วทำไมเราถึงยังโกหก? เราเรียนรู้นิสัยแย่ๆ นั้นมาจากไหน? ดูเหมือนว่า เด็กๆ จะได้รับมันมาตั้งแต่พวกเขาอายุยังน้อย และถ้าเราไม่ระวัง มันก็จะกลายเป็นวิถีชีวิตของพวกเขาไปเลยก็ได้
ผู้ใหญ่มีเล่ห์เหลี่ยมและมีกลลวงมากขึ้นในการโกหก
มนุษย์มีความเข้าใจที่บิดเบี้ยวเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่า
ความจริงสำหรับคุณนั้นไม่จำเป็นต้องจริงสำหรับทุกคน
หากไม่เชื่อฉัน
คุณลองเข้าไปดูโลกของโซเชียลมีเดีย น้อยคนที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่จะกดแชร์
บ่อยครั้งที่เราหลงไปแบ่งปันสิ่งที่ไม่เป็นความจริงโดยไม่ได้ตรวจสอบมันก่อน เราจึงกลายเป็นตัวแทนของการโกหกมากขึ้น และพระเจ้าเกลียดการโกหก
มือที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
ข้อนี้ค่อนข้างอธิบายมันได้ด้วยตนเอง การเข่นฆ่าเป็นสิ่งที่ผิดและมีโทษ พระเจ้ากล่าวไว้อย่างชัดเจนในบัญญัติ
10 ประการ การฆาตกรรมเป็นอาชญากรรมที่สมควรถูกดำเนินคดี
ผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในสังคมได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้มากที่สุดเนื่องจากพวกเขามักจะรู้สึกหมดหนทาง
อำนาจ ตำแหน่ง และเงินทอง และหากเรามีมันเราก็ควรใช้เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น
ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน แทนที่จะพยายามทำลายผู้อื่น
เราควรได้รับแรงจูงใจจากความปรารถนาที่จะรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
คุณสังเกตไหมว่า 3
สิ่งที่พระเจ้าเกลียดเป็นลักษณะของลูซิเฟอร์? ความเย่อหยิ่ง
ความหลอกลวง และความรุนแรง…
ใจที่คิดการชั่วร้าย
พระเยซูกล่าวถึงสิ่งนี้เช่นกัน ในมัทธิว 15:19
พระองค์ตรัสว่า “เพราะความคิดชั่ว การฆ่าคน
การล่วงประเวณี การผิดศีลธรรมทางเพศ การลักขโมย การโกหก และการใส่ร้ายมาจากใจ”
นั่นคือ 7 สิ่งที่พระองค์ระบุไว้
“หัวใจ” เป็นที่ตั้งของชีวิตทางร่างกาย
จิตวิญญาณ และจิตใจ คำว่า "หัวใจ"
ใช้ในพระคัมภีร์เพื่อระบุตัวตนทั้งหมดภายใน—รวมถึงแรงจูงใจ ความรัก ความรู้สึก
ความปรารถนา และความคิด มีคำบอกให้เรา “จงระแวดระวังใจของท่านให้ดี (สุภาษิต
4:23) คุณไม่สามารถหลีกหนีบาปในรายการนี้ได้เว้นแต่คุณจะมีใจที่รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทุกสิ่งที่คุณทำเป็นผลมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของคุณ
เท้าที่ปราดไปทำชั่ว
มนุษย์เราเคลื่อนไหวไปสู่ความชั่วร้ายที่เขาปรารถนาด้วยเท้าคู่เดียว การใช้ความเร็ว (หรือรีบร้อน)
ในการทำบาปบ่งชี้ว่าบุคคลนั้นมีเจตนาที่จะสร้างความเสียหาย ผู้คนกำลังเร่งไปสู่ความชั่วร้ายมากกว่าที่จะเดินทอดน่อง(ช้าๆ) สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าความโหดร้ายนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นความพยายามโดยเจตนา
การรีบวิ่งปราดเข้าหาบาป พวกเราสักกี่คนที่สามารถพูดได้ว่า
"ว้าว อย่างน้อยฉันก็ไม่ทำอย่างนั้น!” ฉันสามารถพูดได้ว่าตัวฉันไม่ได้ตกอยู่ในบาปแบบเป็นนิสัย แต่กี่ครั้งแล้วที่ฉันลังเลก่อนที่จะแยกเอาตัวเองออกไปจากจุดๆนั้น?
สายตาของคุณจับจ้องอยู่นานกับโฆษณาล่อลวงของโลกนี้อยู่หรือไม่? คุณอาจจะไม่ได้เป็นคนที่
"วิ่งไปหาความชั่ว" เป็นนิสัย แต่คุณเคยหนีออกจากบาปอย่างรวดเร็วเท่าที่ควรจะทำบ้างหรือไม่?
คุณสังเกตเห็นหรือไม่ว่า 5 สิ่งแรกที่พระเจ้าเกลียดชังเกี่ยวข้องกับลักษณะทางศีลธรรมของบุคคล? พวกมันยังเป็นตัวแทนของส่วนต่างๆ
ของร่างกาย โดยทำงานตั้งแต่ศีรษะจนถึงหัวใจและเท้า
พยานเท็จผู้กล่าวมุสา
อะไรคือความแตกต่างระหว่างลิ้นของคนโกหกกับคนที่เป็นพยานเท็จ? พวกมันคล้ายกัน
แต่การโกหกโดยเฉพาะนั้นกระทำโดยมีเจตนาที่จะทำร้ายเพื่อนบ้าน
ในขณะที่อาจใช้ลิ้นโกหกเพื่อประโยชน์ของตนเอง
“ลิ้นมุสา”
นี่หมายถึงคนที่สาบานแล้วจงใจกระจายเรื่องโกหกและพูดข้อมูลที่ผิดๆออกไป
อาจเป็นคนที่ยืนเป็นพยานในห้องพิจารณาคดี
และอาจรวมถึงผู้ที่บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าด้วย
คุณจะไม่มีวันพบศิษยาภิบาล(ผู้สอนพระคัมภีร์)ที่ปราศจากบาป แต่จงอยู่ให้ห่างจากผู้สอนพระคัมภีร์และศิษยาภิบาลที่ไม่มีความรับผิดชอบในชีวิตของพวกเขาและผู้ที่บิดเบือนความจริงในพระกิตติคุณทั้งในและนอกธรรมาสน์
และเมื่อคุณกล่าวคำของคุณ จงรักษาคำนั้นไว้
คนที่ยุให้ญาติพี่น้องแตกแยกกัน
นี่คือผู้ก่อวินาศกรรมที่อยู่รอบตัวคุณ
ในที่ทำงาน ในหมู่เพื่อนๆ ในโบสถ์ และอาจแม้แต่ในครอบครัวของคุณ มีคนๆ หนึ่งที่คอยสร้างปัญหาให้กับทุกคน
หากคุณหว่านความไม่ลงรอยกัน คุณกำลังสร้างความแตกแยกระหว่างบุคคล สิ่งที่สื่อเป็นนัยคือการสร้างบรรยากาศแห่งความไม่ไว้วางใจ
ความกลัว หรือความสงสัยในใจและความคิดของคนรอบข้าง
ซึ่งมักขับเคลื่อนด้วยความต้องการยกย่องตนเอง
เมล็ดพันธ์ชนิดใดที่ก่อให้เกิดความบาดหมางในหมู่พี่น้อง? คำตอบคือ มีมากมาย
แต่เราจะเน้นเพียงไม่กี่รายการ
ประการแรก เมล็ดพันธุ์แห่งความภาคภูมิใจ ความภาคภูมิใจที่ยืนยันว่าฉันดีกว่าและสมควรได้รับดีกว่าคนอื่น
ความคิดเห็นของฉันสมควรได้รับการรับฟัง และถ้าไม่รับฟัง
ฉันจะแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็น ทัศนคตินี้เป็นความแตกแยก การถือว่าผู้อื่นดีกว่าตนเองส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
แต่การคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นส่งเสริมการแตกแยก
ประการที่สอง ความเห็นแก่ตัว เมื่อเราเรียกร้องให้วิธีการทำสิ่งต่าง
ๆ ของเราได้รับเกียรติ ความสามัคคีก็ถูกทำลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของคริสตจักร
เราต้องตระหนักว่าท้ายที่สุดแล้ว สิ่งต่างๆ ทำเพื่อประโยชน์ของคริสตจักร ไม่ใช่เพื่อตัวบุคคล คริสตจักร สำคัญกว่าตัวบุคคลเสมอ การบูดบึ้งเมื่อสิ่งต่างๆ
ไม่ได้ทำในแบบของคุณมีแต่จะสร้างความแตกแยก แทนที่จะยืนกรานว่าความปรารถนาของคุณต้องได้รับเกียรติ
จงเต็มใจทำสิ่งต่าง ๆ ปราศจากการบ่นว่า ถกเถียงที่ไม่ก่อประโยชน์
ประการที่สาม
การนินทาเป็นตัวทำลายความสามัคคีอย่างมาก
ซาโลมอนพูดถึง "คนปลิ้นปล้อนยั่วยุการวิวาท คนยุแยงตะแคงรั่วทำให้เพื่อนสนิทแตกคอกัน(สุภาษิต16:28) เป็น "เสียงกระซิบ" พูดพึมพำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์และเป็นอันตรายแก่ผู้ที่เขาคิดว่าจะได้ยินเขา
เขาจะไม่พูดในสิ่งที่อยู่ในใจของเขาอย่างตรงไปตรงมา
แต่จะพูดเฉพาะกับคนที่เขาคิดว่ามีหูเท่านั้น
เขาจะค้นหาผู้ที่เขาคิดว่าน่าจะฟังเขาโดยไม่ตำหนิเขา
และจะเปิดเผยหัวใจที่แตกแยกต่อคนนเหล่านั้น และมีแนวโน้มว่าเขาจะดึงดูดผู้ที่ชอบฟังเสียงกระซิบกระซาบมาหาตัวเองได้เช่นกัน
พระคัมภีร์ให้คำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีหลีกเลี่ยงการเป็นคนที่หว่านความบาดหมางกัน
ประการแรก เราได้รับการเตือนให้หลีกเลี่ยงผู้ที่สร้างความแตกแยก
เปาโลบอกให้เรา “ระวังผู้ที่ก่อให้เกิดความแตกแยก” และ “หลีกเลี่ยงพวกเขา” (โรม
16:17) ให้เลิกเกี่ยวข้องกับเขา (ทิตัส 3:10)
ประการที่สอง
เราได้รับการเตือนให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความแตกแยก
เปาโลบอกทิโมธีให้ “จงหลีกหนีจากการพูดคุยที่ไร้สาระ” (1 ทิโมธี 6:20) หากหัวข้อหรือกิจกรรมใดมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกมากกว่าความปรองดอง
เราควรหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นทันที
ประการที่สาม และประการสุดท้าย
วิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวคือการนำพระทัยของพระคริสต์มาใช้(เอาใจของพระคริสต์มาใส่ไว้ในใจเรา) เมื่อเราทำเช่นนั้นได้ เราจะพัฒนาเจตคติของความอ่อนน้อมถ่อมตนและการรับใช้ผู้อื่น (ฟีลิปปี
2:1–11) โดยมีพระคริสต์เป็นจุดศูนย์กลาง เราจะมองหาผลประโยชน์ของผู้อื่นมากกว่าผลประโยชน์ของเราเอง ดังนั้น
เราจะเป็นผู้ปกป้อง แทนที่จะเป็นผู้ทำลายความสามัคคี
และหากคุณยังมีนิสัยทั้งเจ็ดที่กล่าวมา จงแสวงหาการให้อภัยและหยุดมันเสีย หรือถ้าเป็นคนที่คุณรู้จัก ก็ให้อธิษฐานเผื่อเขา หรือหาทางกันว่าจะแก้ปัญหานั้นอย่างไร? แล้วรีบจัดการมันซะ เราไม่สามารถเมินเฉยต่อสิ่งที่พระเจ้าบอกว่าพระองค์เกลียด และพระองค์เกลียดการทะเลาะวิวาทและความยุ่งเหยิงวุ่นวายภายในครอบครัว
ไม่ว่าจะเป็นในคริสตจักรของคุณ-สังคมของคุณ หรือในหมู่ญาติพี่น้องของคุณ
ไตร่ตรอง
บางทีสิ่งเหล่านี้อาจทำให้คุณไม่สบายใจ หรืออาจจะไม่ก็ได้ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น จงจำไว้ว่าพระคัมภีร์เป็นเหมือนกระจกเงา และบางครั้งเมื่อเราเห็นตัวเองในภาพสะท้อนนั้น เราอาจเลือกมองเมินไปทางอื่นหรือเลือกมองให้ลึกลงไป
พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราพิจารณาอย่างลึกซึ้ง พระคำของพระองค์สามารถโน้มน้าวใจและบางครั้งก็ประณามเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม
คุณค่าของพระวจนะของพระเจ้าคือสร้างเราขึ้นและเตรียมเราให้พร้อมถวายพระเกียรติแด่พระองค์
การค้นพบสิ่งที่พระเจ้าเกลียดและการซื่อสัตย์ต่อสิ่งเหล่านั้นคือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ควรนำมาใช้ในชีวิตของเรา
พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้าและมีประโยชน์สำหรับการสอน
การว่ากล่าว การแก้ไข การฝึกในความชอบธรรม
เพื่อว่าบุคคลของพระเจ้าจะมีความสามารถพร้อมสำหรับงานดีทุกอย่าง”
2 ทิโมธี 3:16-17
วันนี้ ฉันหวังว่าคุณจะสนุกกับสิ่งนี้ และได้เรียนรู้บางสิ่ง หรือถูกท้าทายให้ทำบางสิ่ง! เป็นเช่นนั้นอย่าลืมแบ่งปันส่งต่อเรื่องราวหนุนใจนี้ให้กับคนอื่นๆด้วย
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
Genewhitehead
sola5.org
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น