พลังแห่งความเมตตา

 

พลังแห่งความเมตตา

ความวิตกกังวลทำให้หนักใจ

แต่คำปลอบโยนทำให้ใจพองโต

— สุภาษิต 12:25

 

ในชีวิตประจำวันของเรา เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันเป็นอย่างมาก   อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนั้นมีทั้งคุณประโยชน์และโทษในเวลาเดียวกัน  หากลองสังเกตดูดีๆ เราจะเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่นั้นต่างก็มีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน  ผู้คนทุกหนทุกแห่งกำลังเครียด และเป็นกังวล  สมัยนี้คนส่วนใหญ่รวดเร็วในการแสดงความคิดเห็นของพวกเขาผ่านช่องทางออนไลน์  เช่นปัญหาด้านการเงิน  ซึ่งมีองค์กรต่าง ๆ ต่างได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมากมายและผู้คนก็เริ่มมีความโกรธแค้นพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

 

เมื่อเราติดตามข่าวสารประจำวัน จะเห็นว่าประเด็นและปัญหาต่างๆ ในโลกนั้นมีมากล้น และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อาจทำให้เราเกิดความวิตกกังวลได้

 

ความยากลำบากและความกังวลเหล่านี้ทำให้เราหนักใจ จริงอยู่ เราอาจไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบของมันเสมอไป แต่ถ้าเรายิ่งจมอยู่กับความวิตกกังวลมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งรู้สึกถึงอิสระได้น้อยลง

 

เมื่อพระเยซูตรัสเกี่ยวกับความกังวลในชีวิต พระองค์ทรงให้ความมั่นใจกับสาวกของพระองค์ว่าพระบิดาในสวรรค์ทรงทราบทุกอย่างเกี่ยวกับความต้องการของพวกเขาและจะทรงดูแลพวกเขา “ ให้เรา แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน และพระองค์จะประทานสิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่านด้วย  เพราะฉะนั้นอย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้เพราะพรุ่งนี้ก็จะมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีความเดือดร้อนของมันพออยู่แล้ว” (มัทธิว 6:33-34) คำพูดที่ใจดีมีเมตตานี้ใช้ได้กับตัวเราด้วยเช่นกัน พระสัญญาของพระเจ้านั้นให้อิสระแก่เราในการใช้ชีวิตโดยการวางใจในพระองค์เกี่ยวกับอนาคตของเรา เพื่อที่เราจะได้ไม่ถูกกดดันด้วยความวิตกกังวลและความกลัว

 

วันนี้คุณมีความกลัวหรือความวิตกกังวลใจในเรื่องใดบ้างที่คุณอยากจะยอมจำนนต่อพระเจ้าบ้าง? ข้อควรจำ: เมื่อเรามอบความกังวลของเราให้กับพระเจ้า เราจะสามารถแบ่งปันความรักและความเมตตาของพระองค์ให้กับผู้อื่นได้มากขึ้น และสำหรับคนที่มีความวิตกกังวลใจ การวางใจในพระเจ้าได้อย่างหมดใจนั้นก็เท่ากับเราได้เคลื่อนภูเขาออกจากอกของเราออกไปได้อย่างแท้จริง

 

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าที่รัก โปรดปลดปล่อยข้าพระองค์จากความวิตกกังวล เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้แสดงความเมตตาและความรักของพระเยซูต่อผู้คนที่อยู่รอบตัวข้าพระองค์ อธิษฐานในนามพระเยซู อาเมน

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

todaydevotional.com

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot