ความหวังของคุณอยู่ที่ไหน?
เมื่อคนชั่วตายไป ความหวังของเขาก็พังพินาศ
ทุกสิ่งที่เขาคาดหวังว่าจะได้จากอำนาจของตนก็สูญเปล่า
— สุภาษิต 11:7
ในเพลงนมัสการช่วงต้นทศวรรษ 2000
นักร้อง/นักแต่งเพลง Brian Doerksen ร้องเพลง "พระเยซูเป็น
ความหวังของประชาชาติ/ พระเยซู ปลอบโยนทุกคนที่โศกเศร้า/ พระองค์คือแหล่งที่มาแห่งความหวังของสวรรค์บนโลก"
ในฐานะผู้เชื่อในพระคริสต์ เราตระหนักและนมัสการพระเยซูในฐานะความหวังที่แท้จริงของโลก แต่ก็น่าประหลาดใจที่คนเรามักฝากความหวังไว้ที่มนุษย์ด้วยกัน
เพราะในหนังสือประวัติศาสตร์ทุกเล่มของเรา ทำให้เห็นเป็นที่ชัดเจนว่าผู้คนมักมีความหวังในตัวผู้นำ
นักการเมือง และคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากกว่าการมีความหวังในพระเจ้าองค์เที่ยงแท้องค์เดียว
ทำไมเราถึงทำเช่นนี้? สุภาษิตได้เตือนว่าการฝากความหวังไว้กับมนุษย์นั้นไร้ประโยชน์เพราะอำนาจของมนุษย์จะสูญเปล่า
ดังที่อัครสาวกเปาโลบอกเราว่า “เพราะไม่มีผู้ใดมีอำนาจเว้นแต่พระเจ้าได้ทรงสถาปนา”
(โรม 13:1)
เมื่อพูดเช่นนี้ เปาโลรับรองกับผู้เชื่อว่าในทุกๆสถานการณ์
แม้ท่ามกลางความวุ่นวายระดับชาติและวิกฤตการณ์ทั่วโลก พระเจ้าทรงเป็นผู้กุมสิทธิอำนาจทั้งหมด
มนุษย์ทุกคนที่มี "อำนาจ"
จะมีได้เพียงเพราะพระเจ้าอนุญาตให้เป็นเช่นนั้นเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความหวังและความปรารถนาของเราต้องอยู่กับพระองค์ผู้อยู่บนบัลลังก์แห่งจักรวาล
คำอธิษฐานของเราต้องมุ่งไปที่พระคริสต์
เพราะพระองค์ทรงเป็นความหวังเดียวจริงๆ—ผู้ซึ่งสามารถเปลี่ยนความคิด
เปลี่ยนใจ กระจายอำนาจ และนำการฟื้นฟู
ในขณะนี้ที่เรายังมีลมหายใจอยู่
เราเลือกวางความหวังของเราไว้กับโลก หรือเราวางความหวังไว้กับพระคริสต์
ความหวังจากโลกจะจบลงและสูญเปล่าเมื่อร่างของคุณจบสิ้นลง ความตายจะปล้นทุกอย่างที่เรามีและทุกสิ่งที่เราหวังในชีวิต
แต่หากคุณวางใจในพระคริสต์
พระองค์สัญญาว่าคุณจะมีชีวิตนิรันดร์
เราจึงต้องมีชีวิตอยู่เพื่อความเป็นจริงทางวิญญาณเพื่อที่จะได้ดำเนินต่อไปชั่วนิรันดร์
พี่น้องที่รัก วันนี้คุณได้วางความหวังและความคาดหวังไว้ที่พระเยซูคริสต์แล้วหรือยัง
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า
พระองค์ทรงสร้างทุกสิ่งที่มีชีวิต และทรงยึดทุกสิ่งไว้ด้วยกัน ขอโปรดนำการฟื้นฟูมาสู่โลกนี้ที่ซึ่งกำลังต้องการการนำและอำนาจของพระองค์อย่างยิ่งยวด
อธิษฐานในนามพระเยซู อาเมน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
todaydevotional.com
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น