การให้ข้อคิดทางวิญญาณประจำวัน
การโอนกรรมสิทธิ์
อ่านสุภาษิต 15:1 ถึง 20:30 น
จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์
แล้วแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนา. (สุภาษิต 16:3)
"มอบงาน"
ในข้อนี้หมายถึงการเอาข้อกังวลของตนไปฝากไว้บนไหล่ของอีกคนหนึ่ง คุณลองนึกภาพผู้ฝึกสอนส่วนบุคคลที่ยืนอยู่ข้างหลังคนกำลังยกน้ำหนัก
ผู้ฝึกสอนจะคอยนำตุ้มน้ำหนักออกจากนักกีฬา โดยรับภาระและรับผิดชอบตุ้มน้ำหนักเอาไว้ เช่นกันกับเมื่อผู้เชื่อวางแผนการของตนไว้บนบ่าของพระเจ้า
ผลลัพธ์จะกลายเป็นความรับผิดชอบของพระเจ้า พระองค์พอใจในการโอนกรรมสิทธิ์นี้ เพราะพระองค์ทรงรู้ว่าผู้เชื่อต้องการสติปัญญาและการนำทางของพระองค์
อัตราความสำเร็จของพระเจ้านั้นสมบูรณ์แบบ พระองค์จะไม่ทำให้คนที่พระองค์รักผิดหวัง
มอบงานของเราต่อพระเจ้าเป็นการอนุญาตให้พระองค์ทำแผนการที่พระองค์ได้ทรงวางไว้ในใจคุณให้สำเร็จ
คุณมีแผนงานอะไรที่จะมอบให้กับบ่าของพระเจ้า?
ม้วนมันออกจากไหล่ของคุณแล้ววางลงไปบนบ่าของพระองค์ มอบความเครียด
ความกังวล และตารางเวลาแห่งการเติมเต็มให้กับพระองค์ พระองค์อาจเลือกที่จะปฏิบัติตามแผนเหล่านั้นทันที
อาจมีปรับเปลี่ยนเล็กน้อยหรือเปลี่ยนทิศทางหัวใจของคุณไปสู่แผนที่ดีกว่า
พระเจ้าไม่สามารถทำงานของพระองค์ผ่านใจที่ยังมีความวิตกกังวล ไม่เชื่อฟัง
หรือหวาดกลัวได้
และพระองค์ไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของเราได้ถ้าเราภาคภูมิใจหรือแสวงหาศักดิ์ศรีของตัวเอง
สำหรับความวิตกกังวล การไม่เชื่อฟัง ความกลัว ความหยิ่งยโส และความอวดดีล้วนเกิดจากธรรมชาติบาปเก่าของเรา
น้ำพระทัยของพระเจ้าจะทำงานผ่านชีวิตใหม่ในพระคริสต์เท่านั้น วิธีที่ดีที่สุดที่จะมั่นใจได้ว่าแผนของเราจะบรรลุผลคือการอุทิศวิธีการและงานของเราแด่พระเจ้า
และเต็มใจที่จะพูดว่า "พระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ"
คำแนะนำในการอธิษฐาน: ข้าแต่พระบิดาในสวรรค์ ข้าพระองค์มีแผนงานมากมายและรู้ว่าไม่ใช่ทั้งหมดที่จะตรงเหมือนกับแผนงานของพระองค์ที่มีไว้สำหรับข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอฝากความคิดแลักิจการไว้กับพระองค์ ข้าพระองค์ขอละทิ้งความเป็นเจ้าของแผนงานของข้าพระองค์และมอบมันให้กับพระองค์ โปรดใช้มันเพื่อเป็นพรสำหรับตัวข้าพระองค์และผู้อื่น ในนามพระเยซู อาเมน
เราสนับสนุน และท้าทายคุณ
ที่จะแสวงหาความใกล้ชิดกับพระเจ้าในทุกๆวัน
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
ag.org
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น