วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

เพื่อนที่ดีที่สุด




อธิษฐานเพื่อชีวิตการแต่งงานของเรา ระยะเวลา 100 วัน
วันที่ 8   เพื่อนที่ดีที่สุด
17เหล็กลับเหล็กให้คมได้ฉันใด
คนหนึ่งก็ลับเพื่อนของตนให้เฉียบแหลมได้ฉันนั้น
สุภาษิต 27:17

คุณต้องการให้ความรักของคุณยั่งยืนตลอดไปหรือไม่? ถ้าใช่ นี่คือสิ่งที่ได้รับการยืนยันและผ่านการทดสอบมาแล้วว่า ชีวิตการแต่งงานที่มีความสุขและยั่งยืนมาจากพื้นฐานของการที่คู่สมรสปฏิบัติต่อกันเสมือนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน:  ให้คุณหันกลับไปสำรวจคู่ของคุณ ดูสิว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณและเขา ปฏิบัติต่อกันอย่างไร ได้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดให้แก่กันและกันหรือไม่?

คำว่าเพื่อนแท้ ระหว่างสามีและภรรยานั่นก็คือต่างฝ่ายควรได้รับการดูแลเอาใจใส่อยางดี ในฐานะที่เราเป็นลูกของพระเจ้าทั้งคู่  เราต่างก็ได้รับคำสั่งสอนเกี่ยวกับการให้รักซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นคำที่คุ้นเคยใน 1 โครินธ์ 13: 2 เตือนเราว่าความรัก เป็นของกำนัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้า  2แม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ จะรู้ความล้ำลึกทุกอย่างและมีความรู้ทั้งสิ้น และแม้จะมีความเชื่อมากยิ่งที่จะย้ายภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย  "

การ​แต่งงาน​เป็น​ของ​ขวัญ​จาก​พระเจ้า​   แต่ชีวิต​แต่งงาน​ที่​มี​ความ​สุข​ไม่​ได้​หมาย​ความ​ว่า​สามี​ภรรยา​จะ​คิด​เหมือน​กัน​ทุก​เรื่อง ถ้า​บาง​ครั้ง​คุณ​กับ​คู่​ของ​คุณ​มี​ความ​เห็น​ต่าง​กัน​ก็​อย่า​ท้อ​ใจ สิ่ง​สำคัญ​คือ คุณ​ต้อง​คุย​กัน​ดี ๆ ด้วย​ความ​รัก​และ​ความ​นับถือ​แม้​จะ​มี​ความ​เห็น​ไม่​ตรง​กัน  ชีวิต​คู่​ที่​ดี​เกิด​จาก​การ​ที่​คน​สอง​คน​สนิท​กัน​มาก คอย​ช่วยเหลือ​กัน คอย​ให้​กำลังใจ และ​ปก​ป้องกัน​และ​กัน ชีวิต​คู่​ที่​มั่น​คง​ต้อง​มี​ความ​รัก แต่​จะ​มั่นคง​ยิ่ง​กว่า​นั้น​ถ้า​ทั้ง​สามี​และ​ภรรยามีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง ชีวิต​คู่​ของ​พวก​เขา​จะ​เป็น​เหมือน “เชือก​สาม​ เกลียว” ที่​ทำ​จาก​เส้น​เชือก 3 เส้น​มา​ตี​เกลียว​เข้า​ด้วย​กัน​อย่าง​แน่น​หนา เชือก 3 เกลียว​จะ​แข็งแรง​กว่า​เชือก 2 เกลียว ดัง​นั้น ถ้า​พระเจ้า​เข้า​มา​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ใน​ชีวิต​คู่ ชีวิต​คู่​ก็​จะ​มั่นคง​เข้มแข็ง (jw.org)

คู่สมรสของคุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าคุณได้รับพระพรจากพระเจ้าอย่างล้นเหลือ ดังนั้นนับจากวันนี้ให้จำบทบาทสำคัญของการเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และรักษามันไว้ให้คงอยู่ในชีวิตแต่งงานของคุณ มิตรภาพนั้นคือของขวัญที่น่ายินดี จงรู้ค่าและรักษามันไว้ให้ดี

ข้อคิด
-          พระจ้าไม่ได้สร้างผู้หญิงมา เพื่อให้ เป็นผู้นำ หรือผู้ตาม แต่ให้เป็นคู่คิด-คู่อุปถัมภ์สนับสนุนกัน
-          พระเจ้าไม่ได้สร้างให้ผู้ชายอยู่สูงกว่า หรือให้ผู้หญิงต่ำกว่าผู้ชาย แต่ให้ทั้งสองเป็นคู่เคียงเดินเคียงข้างไปด้วยกัน
-          พระเจ้าไม่ได้สร้างผู้หญิงมา เพื่อให้อยู่ในร่มปีกเพื่อรับการปกป้องจากผู้ชายเพียงฝ่ายเดียว แต่พระองค์ขอให้ทั้งคู่ รู้จักรัก-อภัย และโอบกอดกันไปในทุกสถานการณ์
ขอพระเจ้าทรงเป็นศูนย์กลางในครอบครัวเสมอ ความรักของพระองค์จะนำมาซึ่งความสมบูรณ์



ชีวิตที่อุดมสมบูรณ์




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน – วันที่หกสิบสี่ - ชีวิตที่อุดมสมบูรณ์
10ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลัก ฆ่า และทำลาย เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์
ยอห์น 10:10

  ในพระคัมภีร์บทที่ 10 ของยอห์นบอกเราว่าพระคริสต์เสด็จมาสู่โลกเพื่อให้ชีวิตของเราเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ แต่มันคืออะไรนะ? พระเยซูหมายทรงความว่าอย่างไร?เมื่อพระองค์สัญญาถึง "ชีวิตที่อุดมสมบูรณ์มากขึ้น" พระองค์หมายถึงการครอบครองวัตถุสิ่งของหรือความมั่งคั่งทางการเงินหรือไม่? คำตอบคือ แทบจะไม่เลย เพราะพระเยซูนำเสนอความอุดมสมบูรณ์ที่แตกต่างจากโลก: เป็นความร่ำรวยฝ่ายวิญญาณที่เกินขอบเขตแห่งโลกนี้จะให้ได้ ความอุดมสมบูรณ์อันถาวรนี้มีไว้สำหรับทุกคนที่แสวงหาและเรียกร้องสิทธิ์นั้น ขอให้เราในฐานะผู้ที่มีความเชื่ออ้างสิทธิ์ความมั่งคั่งของพระเยซูคริสต์ในทุกวันที่เรามีชีวิตอยู่และขอให้เราแบ่งปันพระพรของพระองค์ให้กับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในเส้นทางของเราด้วย

พระเยซูไม่เพียงบอกให้เราเชื่อฟัง แต่ยังทรงสัญญาว่าชีวิตที่ติดตามพระองค์ ถึงแม้จะต้องจ่ายราคาสูง แต่จะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ “ชีวิต..ครบบริบูรณ์”   การมีชีวิตในทางของพระเจ้านั้น มีค่ามากกว่า “ร้อยเท่า” ของสิ่งที่เราต้องจ่ายไป ทั้งตอนนี้และตลอดไป (มาระโก.10:29-30 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ใครก็ตามที่สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง หรือบิดามารดา หรือลูก หรือไร่นา เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐของเรา 30คนนั้นจะได้รับผลตอบแทนร้อยเท่าในยุคนี้คือ บ้าน พี่น้องชายหญิง มารดา ลูก และไร่นา พร้อมการข่มเหงด้วย และในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์ )

ขอให้เราชื่นชมยินดีที่ได้รับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา ผู้ไม่ได้ทรงให้รางวัลหรือลงโทษเราตามที่เราสมควรได้รับ แต่ทรงยอมรับจุดอ่อนของเราด้วยใจกว้าง และกระทั่งทรงยินดีต้อนรับและประทานรางวัลแก่ผู้มาเชื่อภายหลังมากเท่าๆ กับผู้ที่เชื่อนานแล้ว (มธ.20:1-16) ดังนั้นเมื่อรู้เช่นนี้ให้เรารับใช้พระองค์ด้วยชื่นชมยินดีเถิด (thaiodb.org)

ข้อคิด
พระเจ้ามอบความอุดมสมบูรณ์ให้คุณ  ส่วนที่เหลือนั้นขึ้นอยู่กับคุณจะตัดสินใจ
พระเจ้ารักคุณและต้องการให้คุณได้สัมผัสกับสันติสุข และชีวิตที่อุดมสมบูรณ์แท้จริงและเป็นนิรันดร์  การติดตามพระเยซูเป็นหนทางสู่ชีวิตที่อุดมสมบรูณ์และอิ่มเอมใจ

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563

สันติสุขที่แท้จริง




อธิษฐานเพื่อชีวิตการแต่งงานของเรา ระยะเวลา 100 วัน
วันที่ 7   สันติสุขที่แท้จริง
27เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย
ยอห์น 14:27

สันติสุขกับพระเจ้า -สันติสุขกับตัวเอง- สันติสุขกับผู้อื่น- คุณมีสันติสุขแบบที่ได้กล่าวมาบ้างหรือไม่? คุณพบสันติสุขที่แท้จริงซึ่งเป็นของคุณผ่านทางพระเยซูคริสต์แล้วหรือยัง? และคุณอนุญาตให้พระองค์มีอำนาจอยู่เหนือชีวิตการแต่งงานของคุณหรือไม่? หรือคุณทั้งคู่ยังคงวิ่งตามภาพลวงตาของ "สันติสุขและความสุข" ที่โลกสัญญาไว้  และคุณไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองจากมันได้? ในพระคัมภีร์ ยอห์น 14:27 ต้องการเตือนเราว่าพระเยซูทรงประทานสันติสุขแก่เราไม่ใช่อย่างที่โลกจะให้ แต่เป็นในแบบของพระองค์  ความท้าทายของเรา คือการยอมรับเอาสันติสุขของพระคริสต์เข้ามาในจิตวิญญาณของเราและจากนั้นให้เราแบ่งปันสันติสุขนี้กับเพื่อนบ้านและคนอื่นอย่างดีที่สุด

พระเยซูคริสต์สามารถประทานสันติสุขอันยั่งยืนแก่เราได้ แม้ในระหว่างความยากลำบากและการทดลอง  ในโลกของความสับสนวุ่นวายทางสังคม การเมือง และศาสนา ท่านต้องมีอะไรจึงจะมีสันติสุข ต้องมีเพื่อนที่ดี ต้องมีครอบครัวที่รักท่าน ต้องมีความปลอดภัยและความมั่นคงอย่างนั้นหรือ บางครั้งเราคิดว่าชีวิตเราต้องมีสิ่งจำเป็นเหล่านี้เราจึงจะรู้สึกมีสันติสุขได้อย่างแท้จริง แต่ชีวิตจะไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์และไม่ง่าย เราจะรับมือกับการทดลองและรู้สึกมีสันติสุขไปพร้อม ๆ กันได้อย่างไร?

โลกบอกเราว่าเราจะรู้สึกมีสันติสุขได้ต่อเมื่อไม่มีความขัดแย้ง แต่นั่นไม่เป็นความจริง! โดยผ่านพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงจัดเตรียมสันติสุขภายในให้เราเหนือสันติสุขที่โลกมอบให้ ถ้าเรามองไปที่พระองค์ด้วยศรัทธา เราจะรู้สึกมีสันติสุขในทุกสภาวการณ์

สันติสุขในโลก
-          สันติสุขควรเกิดขึ้นทันที—เราไม่ต้องรอ!
-          ท่านจะไม่พบสันติสุขระหว่างความยากลำบาก
-          สันติสุขคือการไม่มีสงคราม
-          สันติสุขเกิดจากการใช้ชีวิตอย่างที่ท่านต้องการ
-          การยอมรับความผิดและความอ่อนแอของท่านไม่ทำให้เกิดสันติสุข
-          สันติสุขเกิดจากการมุ่งเน้นเฉพาะความต้องการของท่านเท่านั้น
-          สันติสุขเกิดจากการขอความเห็นชอบจากผู้อื่น
-          เราควรพยายามหาสันติสุขของเราเอง

สันติสุขในพระคริสต์
-          บางครั้งเราต้องรอสันติสุข—แต่ “อย่าหยุดรอ จงวางใจพระผู้เป็นเจ้าและเชื่อในสิ่งดีที่จะเกิดขึ้น”
-          สันติสุขเกิดขึ้นได้แม้ท่ามกลางการทดลอง
-          สันติสุขพบได้ในทุกสภาวการณ์
-          สันติสุขเกิดจากการดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณและเชื่อฟังพระบัญญัติ
-          การกลับใจอย่างจริงใจทำให้เกิดสันติสุข “ความสวยงามของคำว่า การกลับใจ คือสัญญาที่ว่าเราจะหนีพ้นปัญหาเดิมๆ นิสัยเดิมๆ ความเศร้าใจเดิมๆ และบาปเดิมๆ การกลับใจอยู่ในหมู่คำศัพท์พระกิตติคุณที่ให้ความหวังและให้กำลังใจมากที่สุด—และให้สันติสุขมากที่สุด”
-          สันติสุขเกิดจากการรับใช้และการเป็นผู้สร้างสันติให้ผู้อื่น
-          สันติสุขเกิดขึ้นเมื่อเราพยายามเป็นสานุศิษย์ที่ดีขึ้นของพระเยซูคริสต์
“สันติสุขแบบนี้เป็นรางวัลของความชอบธรรม  เป็นของประทานที่สัญญาไว้ในพระพันธกิจและการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด” (churchofjesuschrist.org)

ข้อคิด
ถ้าเราทำให้พระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลางของชีวิตเรา เราจะรู้สึกจริง ๆ ว่าพระองค์ “รับสั่งให้บังเกิดสันติสุขแก่จิตวิญญาณเรา  ในโลกนี้ถึงเราจะประสบช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เราได้รับพรให้รู้ว่าเรามีคนที่เราสามารถหันไปพึ่งได้ในความท้าทายทุกสภาวการณ์ พระเยซูตรัสว่า “33เราบอกเรื่องนี้กับพวกท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงมีใจกล้าเถิด เพราะว่าเราชนะโลกแล้ว” (ยอห์น 16:33) เพราะการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด สันติสุขจึงเกิดขึ้นได้วันนี้และตลอดไป










รักษามุมมองของชีวิต




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน – วันที่หกสิบสาม-รักษามุมมอง
 6พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเปรียบสิ่งเหล่านี้กับตัวเองและอปอลโล ก็เพื่อประโยชน์ของพวกท่าน เพื่อให้ท่านเรียนรู้จากเราในคำกล่าวที่ว่า “อย่าออกนอกขอบเขตของพระคัมภีร์” เพื่อว่าพวกท่านจะไม่หยิ่งผยองในการยกคนหนึ่งเหยียดอีกคนหนึ่ง
1โครินธ์ 4:6

สิ่ง ต่าง ๆ ที่เราคิด  มันส่งผลต่อการกระทำของเรา  หากเราคิดลบ คิดว่าเราคงทำอะไรไม่ได้  คงเป็นไปไม่ได้  เราก็จะพบกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้    และทุก ๆ วันของเราจะเต็มไปด้วยความกลัว  ความกังวลใจในชีวิต  ความกระวนกระวายใจ  จึงจำเป็นที่เราจะต้องรับการแก้ไข     เปลี่ยนวิธีการคิดเปลี่ยนขบวนการคิดใหม่  เพื่อเราจะสามารถเข้าใจความคิด-มุมมองของพระเจ้า    จะรับทราบถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าว่า  อะไรเป็นที่ชอบพระทัย   และอะไรดียอดเยี่ยม ในบางครั้งมุมมองของเราก็เป็นการมองคนละด้านกับพระเจ้า 

เมื่อคุณอธิษฐานต่อพระเจ้า ให้คุณสวดอ้อนวอนขอน้ำพระทัยจากพระองค์ ทูลขอความรู้และมุมมอง  เมื่อคุณจัดลำดับความสำคัญในชีวิตและให้พระเจ้าเป็นลำดับแรกที่สำคัญในชีวิตคุณ พระองค์จะนำทางคุณและสยบความกลัวในใจของคุณ ดังนั้นวันนี้และทุก ๆ วันหลังจากนี้ขอให้คุณอธิษฐานเพื่อขอมุมมองในแบบพระเจ้า และโปรดจำไว้ว่า: ไม่มีปัญหาใดใหญ่เกินไปสำหรับพระเจ้า - และนั่นรวมถึงปัญหาของคุณด้วย

โปรดจงรู้ไว้ว่า  พระเจ้าทรงมีแผนการณ์สำหรับชีวิตของคุณและพระเจ้าต้องการใช้คุณ      ในบางครั้งคุณอาจบอกพระเจ้าว่า   "คุณยังไม่พร้อม"  แต่พระเจ้าทรงเห็นว่า คุณพร้อมแล้วและพระองค์ใช้การคุณได้   ดังนั้นในวันนี้ขอให้คุณรับการเปลี่ยนแปลงความคิด    และชีวิตของคุณจะเปลี่ยนใหม่     หลายครั้งในชีวิตของเราที่ไม่ค่อยเห็นพระคุณพระเจ้า    ไม่เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า  หรือพระคุณพระเจ้า   ไม่ใช่เพราะว่าพระเจ้าไม่ยิ่งใหญ่  หรือฤทธิ์พระเจ้าเสื่อลง      แต่เพราะความคิดของเรา ให้เราทูลขอพระเจ้าสร้างใจของเราใหม่   เทความคิดของพระเจ้าให้เราใหม่          เพื่อเราจะกลับมามีความคิดใหม่  มีจิตใจที่เสาะแสวงหาพระเจ้า  และไม่วิ่งหาสิ่งที่ไร้ค่าอีกต่อไป     และเราจะไม่มองโลกในแง่ร้ายอีกต่อไป  แต่เราจะมองเห็นอุปสรรคปัญหาในมุมมองของพระเจ้า    ขอพระเจ้าสร้างความคิดของเราขึ้นใหม่  เปลี่ยนความคิดชีวิตจะเปลี่ยนไป (thaills.org)

ข้อคิด
เมื่อคุณมุ่งเน้นไปที่โลกคุณจะสูญเสียมุมมองของชีวิต
 เมื่อคุณมุ่งเน้นไปที่พระสัญญาของพระเจ้าคุณจะได้มุมมองที่ชัดเจนยิ่งขึ้น



วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2563

หาทางแก้ปัญหาเพื่อรักษาความสัมพันธ์ ของชีวิตคู่




อธิษฐานเพื่อชีวิตการแต่งงานของเรา ระยะเวลา 100 วัน
วันที่ 6 หาทางแก้ปัญหาเพื่อรักษาความสัมพันธ์  
1“อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย พวกท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย
ยอห์น14:1

  ในชีวิตของเราทุกคนมีโอกาสที่จะต้องเจอกับปัญหา-ความผิดหวัง-ความปวดใจ และการสูญเสีย ซึ่งไม่มีใครได้รับการยกเว้น รวมถึงชีวิตการแต่งงานของคู่เราด้วย เมื่อเรามีปัญหาพระเจ้าก็พร้อมและเต็มใจที่จะปกป้องเรา แน่นอนความรับผิดชอบของเราคือการทูลขอการเยียวยารักษาจากพระองค์ เมื่อเราขอร้องพระองค์ด้วยการอธิษฐานอย่างจริงใจพระองค์จะตอบ - ในเวลาของพระองค์และมันจะเป็นไปตามแผนที่สมบูรณ์แบบของพระองค์

เมื่อเราพบปัญหาหรือความเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ของคู่เรา เราต้องหาทางแก้ไขเพื่อรักษาปัญหาเหล่านั้นโดยเร็วที่สุดดีกว่าปล่อยไว้นาน ๆ แล้วมาคิดแก้ไขในภายหลัง เพราะทุกปัญหาที่เกิดขึ้นมันอาจมีวิธีแก้ไขได้ง่ายถ้ามันคือปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้น-ยังสดใหม่อยู่ และยังเป็นปัญหาเล็ก ๆ.    แต่ถ้าหากคุณและคู่สมรสทำเพิกเฉยที่จะหาทางแก้ไขปัญหานั้น ๆ จากที่มันเล็กน้อยก็จะสะสมกลายเป็นปัญหาใหญ่และอาจสายเกินเยียวยา.  คู่รักที่ฉลาดในการใช้ชีวิตเขาจะคิดหาวิธีการที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้คงอยู่และยืนยาว และคิดหาวิธีจัดการกับปัญหาของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมาและรวดเร็ว  

ไม่มีการสมรสใดสมบูรณ์แบบ. คู่สมรสทุกคู่ต่างเจอปัญหาไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง. ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่หรือเล็ก สิ่งสำคัญอยู่ที่สามีและภรรยา ได้เรียนรู้และจริงจังในการหาวิธีแก้ไข เพื่อรักษาความสัมพันธ์บ้างหรือเปล่า? เมื่อเวลาผ่านไป ปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการสื่อความ.  หากการสื่อความเป็นเหมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงชีวิตสมรส ความรักและความนับถือก็เป็นเหมือนหัวใจและปอดของสัมพันธภาพนั้นด้วย.   เมื่อมีปัญหาที่ต้องแก้ไข ความรักจะกระตุ้นคู่สมรสให้มองข้ามความผิดพลาดในอดีตซึ่งทำให้เจ็บช้ำใจและมุ่งสนใจปัญหาที่เผชิญอยู่ในเวลานั้น.   คู่สมรสที่แสดงความนับถือต่อกันจะยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งพูดอย่างเปิดอกและพยายามจะเข้าใจว่าเขาหมายความอย่างไร ไม่เพียงแต่ฟังว่าพูดอะไรเท่านั้น.แต่เป็นการฟังด้วยใจที่พร้อมจะเข้าใจ

ข้อคิด
สามีภรรยาที่ไม่ร่วมมือกันเป็นทีมก็จะอึดอัดและไม่มีความสุขภายใต้แอกแห่งการสมรส. อีกด้านหนึ่ง ถ้าพวกเขาเรียนรู้ที่จะทำงานด้วยกัน พวกเขาจะสามารถแก้ปัญหาได้เกือบทุกเรื่องและทำอะไรดี ๆ ได้มากมาย.  ชีวิตการแต่งงานจะมีความสุข ถ้าเราและคู่สมรสสามารถพูดคุยกันอย่างเปิดอก, รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา, อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ, และนำหลักคำสอนจากพระคัมภีร์ มาใช้จริงในการดำเนินชีวิต.”





อดทนรอคอย




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน – วันที่หกสิบสอง-อดทนรอคอยพระเจ้า
7จงสงบอยู่ต่อพระยาห์เวห์ และเพียรรอคอยพระองค์
อย่าฉุนเฉียวเมื่อคนพบความสำเร็จในทางของเขา
หรือเมื่อคนทำตามแผนชั่ว
สดุดี37:7

สดุดี 37: 7 สั่งให้เราอดทนรอพระเจ้า แต่ในขณะที่พวกเรากำลังสาละวนวุ่นวายกับการใช้ชีวิตในโลกที่เร่งรีบ พวกเราหลายคนจึงคิดว่าการรอคอยของพระเจ้านั้นเป็นเรื่องยากและนานเกินไป.  ทำไมถึงคิดแบบนั้น? เพราะว่าเราเป็นมนุษย์ที่เข้าใจผิดมาตลอดว่าการพยายามที่จะมีชีวิตตามตารางเวลาของตัวเองนั้นดีกว่าการมีชีวิตที่เป็นไปตามแผนการของพระเจ้า ในยุคที่มีการสื่อสารหลายรูปแบบที่โต้ตอบกันได้ทันที  ทำให้มนุษย์อย่างเราขาดความอดทนในการรอคอยคำตอบ  

บางครั้งเรารู้สึกว่าพระเจ้าทรงทำให้เราผิดหวัง เพราะพระองค์ไม่ได้ตอบคำอธิษฐานของเราทันที หลายครั้งเราก็คิดว่า “ข้าแต่พระเจ้าขอทรงรีบตอบข้าพระองค์ ใจข้าพระองค์ฝ่อไปแล้ว” (สดุดี 143:7) แต่อย่าลืมว่าการรอคอยพระเจ้าสามารถเปลี่ยนเราให้เติบโตทางความเชื่อได้ (thaiodb.org)

พระเจ้าสั่งให้เราอดทนในทุกสิ่ง เราจึงต้องมีความอดทนต่อครอบครัว-เพื่อน และเพื่อนร่วมงานของเรา และสำคัญที่สุดเราต้องรู้จักอดทนรอคอยกับพระผู้สร้างของเราด้วย  ท้ายที่สุดให้คุณลองคิดดูว่าพระเจ้าทรงอดทนกับคุณอย่างไร? และมากเพียงใด? หากคุณสำนนึกความจริงในข้อนี้ได้ มันจะช่วยให้คุณมีความอดทนสูงต่อเพื่อนมนุษย์มากยิ่งขึ้น และมีความพยายามที่จะทำมันอย่างจริงจัง

การรอคอยพระเจ้าหมายถึง การเฝ้ารอสิ่งที่เราต้องการจากพระองค์อย่างอดทน ดาวิดอธิบายเหตุผลที่ท่านต้องรอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ข้อแรก ความรอดของท่านมาจากพระองค์ (สดุดี.62:1) ท่านเรียนรู้ว่าไม่มีผู้ใดอื่นสามารถช่วยท่านได้ ความหวังเดียวของท่านอยู่ในพระเจ้า (สดุดี.62:5) เพราะมีพระองค์เท่านั้นที่สดับฟังคำอธิษฐานของเรา (สดุดี.62:8)

ข้อคิด
เมื่อเรารู้สึกหงุดหงิดกับการที่พระเจ้าไม่ทรงตอบคำอธิษฐานของเราเสียทีให้เราจำไว้ว่า พระองค์ทรงต้องการพัฒนาให้เราเป็นคนที่มีความเชื่อและความเพียร พระเจ้าทรงดึงความอดทนของเราให้ยืดออกเพื่อจิตวิญญาณของเราจะเข้มแข็งขึ้น

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563

ความกระตือรือร้นในการรับใช้




อธิษฐานเพื่อชีวิตการแต่งงานของเรา ระยะเวลา 100 วัน
วันที่ 5 ความกระตือรือร้นในการรับใช้
23ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะทำสิ่งใดจงทุ่มเททำอย่างสุดใจเหมือนทำเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เพื่อมนุษย์
โคลิสี3 :23

คุณและคู่สมรสของคุณเคยคิดบ้างไหมว่า ในทุกเช้าวันใหม่เป็นโอกาสดีในการรับใช้พระเจ้าและทำตามพระประสงค์ของพระองค์?

คุณมีความกระตือรือร้นอย่างแท้จริงเกี่ยวกับชีวิตบ้างหรือไม่? หรือมัวแต่กระเสือกกระสนดิ้นรนกับการมีชีวิตที่ดีบนโลกใบกนี้จนไม่มีเวลาคิดถึงพระพรของพระเจ้าเลย?  คุณได้สรรเสริญพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอและขอบพระคุณพระองค์สำหรับทุกพระพรที่คุณเคยได้รับมาบ้างหรือไม่?  คุณเคยแบ่งปันข่าวประเสริฐของพระองค์ให้กับโลกนี้บ้างหรือยัง? คุณยังตื่นเต้นกับชีวิตแต่งงานของคุณอยู่หรือเปล่า? และคุณเคยใส่ใจในความเป็นไปได้ที่คุณจะสามารถรับใช้พระเจ้าตามแผนการที่พระองค์ทรงวางไว้ต่อหน้าคุณไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน-ที่ทำงานหรือที่โบสถ์บ้างหรือไม่? คำตอบสำหรับทุกคำถามนั้นจะเป็นตัวกำหนดคุณภาพและทิศทางของชีวิตของคุณ

คุณและคู่สมรสของคุณเป็นผู้ที่ได้รับความรักที่เสียสละของพระเยซูคริสต์โดยชอบธรรม จงรับเอาความรักของพระองค์เข้ามาในชีวิตของคุณ และจงแบ่งปันด้วยใจที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า พระเจ้าทรงรักคุณ พระเยซูคือข้อพิสูจน์ ที่สะท้อนถึงคุณค่าและความสำคัญของคุณได้ดีที่สุด หากคุณยังไม่มั่นใจในคุณค่าของชีวิตคุณ ลองมองย้อนกลับไปที่ไม้กางเขนดูสิว่าสิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำเพื่อท่านนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด

การรับใช้พระเจ้าเป็นทั้งหน้าที่และเราต้องทำด้วยใจรักไปพร้อมกัน เป็นการถวายตัวรับใช้พระเจ้าอย่างแท้จริง คือยินดีที่จะรับใช้ฯทุกเวลาทุกนาที โดยไม่มีเงื่อนไขใด  ทั้งสิ้น   ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวคือโอกาสรับใช้พระเจ้าไปหมด มีใจอุทิศ มีจิตอาสา นั่นคือ ริเริ่มทำให้ด้วยความกระตือรือล้น คือไม่ต้องรอให้เรียกก่อน พร้อมเสมอที่จะทำหน้าที่ด้วยใจรัก ด้วยแรงศรัทธา และมุ่งมั่นที่จะทำเช่นนี้ไปจนตลอดชีวิต

            ดังนั้นการรับใช้พระเจ้า จึงไม่ใช่อาชีพสงวนผูกขาดของใคร ด้วยว่าการรับใช้พระเจ้า ไม่ได้เป็นงานหรือตำแหน่งเฉพาะ ของคนที่มีอำนาจหน้าที่ในคริสตจักรเท่านั้น แต่ เป็นจิตสำนึก ของเสรีคริสตชนที่รักพระเจ้าทุกคน ถึงจะมีสัมมาอาชีพอย่างอื่นอยู่แล้วก็ตาม ต่างมีสิทธิรับใช้พระองค์ตามกำลังและความสามารถทั้งสิ้น (ขอบคุณบทความหนุนใจจากfacebookponnatee)

ข้อคิด
คุณทราบหรือไม่ว่า ในปัจจุบันนี้ไม่มีงานอะไรที่จะทำให้มีความสุขได้เท่ากับการรับใช้พระเจ้า
งานของพระเจ้าในโลกนี้ต้องอาศัยความสามารถทุกรูปแบบจากทุกคน คำว่า “การรับใช้พระเจ้า” จึงไม่ใช่แค่ “คำนาม” ที่ถูกจำกัดจำเพาะการสั่งสอนในรอบรั้วโบสถ์เท่านั้น แต่เป็น “คำกริยา” ที่หมายถึงการฉวยโอกาสที่จะสำแดงพฤติกรรมอันดีช่วยเหลือผู้อื่นในชีวิตประจำวัน เพื่อจะเป็นพยานให้ผู้อื่นได้เห็นพระเจ้าในตัวท่าน  "จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายเห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตอยู่ในสวรรค์" (มัทธิว 5:16)

ชีวิตแห่งความชอบธรรม




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน – วันที่หกสิบเอ็ด-ชีวิตแห่งความชอบธรรม
22ท่านจงหนีจากราคะตัณหาของคนหนุ่มและจงใฝ่หาความชอบธรรม ความเชื่อ ความรัก และสันติสุขร่วมกับบรรดาผู้ที่ร้องเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์
2ทิโมธี 2:22

ชีวิตแห่งความชอบธรรมต้องเป็นชีวิตสอดคล้องกับพระบัญญัติของพระเจ้า คนชอบธรรมมุ่งมั่นในเรื่องความซื่อสัตย์-มีระเบียบวินัย-ความรัก-ความใจดี-ความอ่อนน้อมถ่อมตนและสำนึกในบุญคุณ ซึ่งทุกอย่างได้อธิบายไว้ในพระวจนะของพระเจ้า

คำสัญญาของพระเจ้าที่มอบให้แก่เรามนุษย์ทุกคนว่า ใครก็ตามที่เป็น “คนชอบธรรม” คนผู้นั้นจะได้รับ “พระสิริรุ่งโรจน์” ของพระองค์เป็นรางวัล หรือจะพูดอีกด้านหนึ่งก็ว่า ใครที่ไม่เป็นคนที่ชอบธรรม คนนั้นก็จะไม่ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า

เมื่อเป็นดังนี้ เราทุกคนต้องคนจึงต้องพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะดำเนินชีวิตให้เป็นผู้ชอบธรรม แต่ความชอบธรรมคืออะไร? หมายความว่าอะไร? ....คนที่ได้ชื่อว่าเป็น “คนชอบธรรม” ก็คือ บุคคลที่กระทำถูกต้องในสายตาของพระเจ้า ประพฤติตนดีงามโดยไม่ยึดติดกับบาปหรือความเลวร้ายต่างๆ มีชีวิตที่อยู่ในศีลและพระพรของพระเจ้า ผูกพันอยู่กับพระเจ้า เป็นผู้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับอาดัมในระยะแรกที่พระเจ้าทรงสร้างเขามา เขาเป็นคนที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง นี่แหละเป็นเงื่อนไขของบุคคลที่จะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์จากพระเจ้า

บางคนอาจจะสงสัยว่า เรื่องนี้จะเป็นไปได้หรือ หรือเป็นไปไม่ได้ ใครจะทำได้ ขอให้เราได้ทบทวนคำสอนจากพระคัมภีร์ที่สอนเราเกี่ยวกับเรื่องของความชอบธรรม พระคัมภีร์ได้สอนเราว่าเราสามารถเป็นผู้ชอบธรรมในพระคริสตเจ้าได้ในสองช่วงเวลา คือ การได้รับความชอบธรรมระหว่างการรับศีลล้างบาป กับการได้รับความชอบธรรมหลังจากการรับศีลล้างบาป ซึ่งทั้งสองต่างมีความจำเป็นที่จะทำให้เราได้เป็นทายาทแห่งเมืองสวรรค์ ได้เป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้า และได้รับพระสิริรุ่งโรจน์( kamsondeedee.com)

ข้อคิด
 พี่น้องที่รัก ข่าวดีของพระเจ้าในวันนี้ เตือนใจของเราแต่ละคน ให้คิดถึงอนาคตที่แท้จริงของตัวเรา เราทุกคนจะต้องเป็นผู้ชอบธรรม เพื่อเราจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า เราจะต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพระเจ้า ที่เราเรียกว่าพระหรรษทาน พระศาสนจักรได้ให้อุปกรณ์ต่างๆมาช่วยเหลือเราเพื่อให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัย ได้แก่ ศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ การสวดภาวนา การอ่านพระคัมภีร์ การทำกิจเมตตา การดำเนินชีวิตตามที่พระศาสนจักรได้กำหนดไว้ นี้แหละเป็นข่าวดีที่เราจะต้องรับรู้และปฏิบัติตาม และเราจะต้องนำไปประกาศข่าวดีให้กับผู้ที่ยังไม่รู้ที่ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563

กฎทองสำหรับคู่รัก




อธิษฐานเพื่อชีวิตการแต่งงานของเรา ระยะเวลา 100 วัน
วันที่ 4 - กฎทองสำหรับคู่รัก
12จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่พวกท่านต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อท่าน เพราะนี่คือธรรมบัญญัติและคำสั่งสอนของบรรดาผู้เผยพระวจนะ
มัทธิว7:12

สำหรับคุณแล้วกฎทองเป็นหนึ่งในกฎที่ช่วยประคับประคองและควบคุมการดำเนินชีวิตของครอบครัวคุณหรือไม่? หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!! เพราะการเชื่อฟังกฎทองเป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันช่วยปรับปรุงทุกความสัมพันธ์ รวมถึงชีวิตการแต่งงานของคุณให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามกับกฎทองก็เป็นจริงเช่นกัน:คือ ถ้าคุณหรือคู่สมรสของคุณเพิกเฉยต่อกฎทองทั้งหมด ชีวิตคู่ของคุณจะต้องเจอกับปัญหา และมันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างแน่นอน

ชีวิตการแต่งงานในจำนวนหลายคู่มักจะขาดความสมดุล มีสาเหตุจากการที่ใครคนหนึ่งรับบทของ "การเป็นผู้รับเพียงฝ่ายเดียว" ในขณะที่อีกฝ่ายต้องยอมรับบทบาทของ "การเป็นผู้ให้เพียงฝ่ายเดียว" ชีวิตการแต่งงานของเขาเหล่านั้นจึงมีจุดจบที่น่าเศร้าอยู่เสมอ  แต่ชีวิตการแต่งงานที่ดี คือการที่ทั้งสองฝ่ายพยายามที่จะเป็นผู้ให้มากกว่าที่ใครคนใดคนหนึ่งจะต้องเป็นผู้รับเพียงฝ่ายเดียว จงทำสองอย่างให้มันพอดี สมดุลกัน จงทำด้วยความรัก-มีความจริงใจ-มีความหวังดีให้แก่กัน แล้วชีวิตรักของคุณจะยาวนาน อย่าเห็นแก่ตัว หัดเอาใจเขามาใส่ใจเรา

พระเยซูได้ทำให้ตนเองเป็นแบบอย่างที่ชัดเจนในเรื่องของการรักและรับใช้ พระองค์ทรงสั่งให้เราปฏิบัติต่อผู้อื่นในลักษณะเดียวกับที่เราต้องการได้รับการปฏิบัติ นั่นหมายความว่าเราต้องปฏิบัติต่อผู้อื่น (รวมถึงคนที่เรารักทุกคน) ด้วยความเคารพ-ความเมตตาและความสุภาพ

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสงสัยว่าคุณควรปฏิบัติต่อคู่สมรสของคุณอย่างไร หรือคนอื่น ๆ อย่างไร? (ในสถานการความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น) ให้คุณถามคนที่คุณเห็นทุกครั้งที่มองเข้าไปในกระจก คำตอบที่คุณได้รับจะบอกคุณว่าจะต้องทำอย่างไร

คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเยซูที่รัก ลูกขอขอบพระคุณสำหรับกฎทองในการดำรงชีวิต ขอให้ลูกเข้มแข็งในการตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามกฎทองเพราะพวกลูกทุกคนต่างก็คาดหวังที่จะได้รับการปฏิบัติด้วยความเมตตากรุณาจากคนอื่น
 โปรดช่วยให้ลูกเป็นคนใจดีมีน้ำใจ เพราะลูกปรารถนาที่จะได้รับความรักจากคนอื่นเช่นกัน
โปรดช่วยให้ลูกเป็นคนรู้จักรัก เพราะลูกเองก็ต้องการการให้อภัยจากผู้อื่นเช่นกัน
โปรดช่วยให้ลูกมีความเมตตาต่อผู้อื่นทั้งในเรื่องเล็ก ๆ และเรื่องใหญ่
โปรดช่วยให้ลูกรู้จักแสดงความขอบคุณต่อผู้ที่มีน้ำใจดีต่อลูกอย่างรู้คุณ อาเมน


การค้นหาปฏิบัติตาม: ข้อเท็จจริงหนึ่งที่ว่าโลกนี้ไม่ใช่บ้านสุดท้ายของเรา




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน – วันที่หกสิบ-การค้นหาปฏิบัติตาม
10ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงลองใจข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระองค์ทรงถลุงพวกข้าพระองค์อย่างถลุงเงิน
11พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ทั้งหลายเข้ามาในข่าย
พระองค์ทรงวางความทุกข์ยากไว้บนหลังพวกข้าพระองค์
12พระองค์ทรงให้คนขับรถรบแล่นทับศีรษะของข้าพระองค์ทั้งหลาย
พวกข้าพระองค์ต้องลุยน้ำลุยไฟ
แต่พระองค์ยังทรงนำข้าพระองค์ทั้งหลายมาสู่ที่กว้างใหญ่
สดุดี 66:10-12

ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์ระลึกว่าชีวิตของข้าพระองค์สั้นเพียงไร ขอให้ข้าพระองค์ระลึกว่าเวลาของข้าพระองค์มีจำกัด และชีวิตข้าพระองค์กำลังวิ่งหนีไป
สดุดี 39:4

ชีวิตในโลกนี้เป็นภารกิจชั่วคราว  ถ้าคุณอยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด คุณต้องไม่ลืมความจริงสองประการ ประการแรกชีวิตนั้นสั้นมาก เมื่อเทียบกับนิรันดรกาล ประการที่สอง โลกเป็นเพียงที่อยู่ชั่วคราว คุณจะไม่อยู่ที่นี่นาน ดังนั้นอย่ายึดติดกับมันมากเกินไป จงทูลขอให้พระเจ้าช่วยคุณมองชีวิตในโลกอย่างที่พระองค์ทรงมอง ดาวิดอธิษฐานว่า "ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์ระลึกว่าชีวิตของข้าพระองค์สั้นเพียงไร ขอให้ข้าพระองค์รู้ว่า ข้าพระองค์อยู่ที่นี่อีกเพียงไม่นานเท่านั้น" (สดุดี 39:4 LB)

พระคัมภีร์เต็มไปด้วยภาพเปรียบเทียบที่สอนว่าชีวิตในโลกนี้ สั้น ชั่วคราว ไม่จีรัง พระคัมภีร์บรรยายว่าชีวิตเปรียบเสมือนหมอก นักวิ่งฝีเท้าจัด ลมหายใจ และกลุ่มควันจาง ๆ พระคัมภีร์กล่าวว่า "เพราะส่วนเรา ชีวิตสั้นเหมือนอย่างเกิดวานนี้ … เพราะวันคืนของเราบนโลกเปรียบเหมือนเงา" (โยบ 8:9)

พระเจ้าตรัสว่า ลูกของพระองค์ต้องคิดเรื่องชีวิตแตกต่างจากคนที่ไม่เชื่อ "พวกเขาคิดถึงแต่ชีวิตในโลกนี้ แต่เราเป็นพลเมืองแห่งแผ่นดินสวรรค์ ที่ซึ่งพระเยซูคริสต์เจ้าประทับอยู่" (ฟีลิปปี 3:19-20 NLT) ผู้เชื่อแท้เข้าใจว่าชีวิตมีอะไรมากกว่าเวลาเพียงไม่กี่ปีที่เราอยู่ในโลกนี้

ตัวตนของคุณในนิรันดรกาล และบ้านเมืองของคุณอยู่ในสวรรค์ เมื่อคุณเข้าใจความจริงนี้ คุณจะเลิกวิตกกังวลเรื่องอยากจะ "มีทุกสิ่ง" ในโลกนี้ พระเจ้าตรัสอย่างตรงไปตรงมาที่สุดเกี่ยวกับอันตรายของการดำเนินชีวิตเพื่อที่นี่และเดี๋ยวนี้ รวมทั้งการยอมรับเอาค่านิยม ลำดับความสำคัญ และวิถีชีวิตของโลกรอบตัวเรา เมื่อเราเล่นสนุกกับการล่อลวงของโลกนี้ พระเจ้าทรงเรียกมันว่า การล่วงประเวณีฝ่ายวิญญาณ พระคัมภีร์กล่าว "ท่านกำลังไม่ซื่อต่อพระเจ้า ถ้าท่านต้องการแต่ทำตามใจตัวเอง เล่นสนุกกับโลกทุกครั้งที่มีโอกาส ในที่สุด ท่านก็จะกลายเป็นศัตรูกับพระเจ้าและหนทางของพระองค์" (ยากอบ 4:4 )

ข้อเท็จจริงหนึ่งที่ว่าโลกนี้ไม่ใช่บ้านสุดท้ายของเราช่วยอธิบายว่า ทำไมผู้ที่ติดตามพระเยซูจึงพบกับความลำบาก ความโศกเศร้า และการถูกปฏิเสธในโลกนี้ (ยอห์น 16:33, 20; 15:18-19) อีกทั้งยังอธิบายว่า ทำไมพระสัญญาบางข้อของพระเจ้าจึงดูเหมือนไม่สำเร็จ คำอธิษฐานบางเรื่องดูเหมือนไม่ได้รับคำตอบ และสถานการณ์บางอย่างดูเหมือนไม่ยุติธรรม ก็เพราะมันยังไม่ใช่ตอนจบของเรื่องนี้

เพื่อเราจะไม่ยึดติดกับโลกมากเกินไป พระเจ้าจึงทรงอนุญาตให้เรารู้สึกไม่อิ่มใจและไม่พึงพอใจกับชีวิตอยู่มากพอสมควร คือ เราปรารถนาสิ่งที่ไม่มีวันสำเร็จในโลกนี้ เราไม่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ที่นี่ เพราะว่าเราไม่ควรจะรู้สึกเช่นนั้น โลกนี้ไม่ใช่บ้านสุดท้ายของเรา เราถูกสร้างมาเพื่อสิ่งที่ดีกว่านี้มาก  คุณจะมีช่วงเวลาที่มีความสุขใจในโลกนี้ แต่ไม่มีสิ่งใดจะเทียบได้กับสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับคุณ

การตระหนักว่าชีวิตในโลกเป็นเพียงภารกิจชั่วคราวนั้นควรเปลี่ยนค่านิยมของคุณจากหน้ามือเป็นหลังมือ ค่านิยมนิรันดร์ควรจะเป็นตัวแปรที่คุณใช้ในการตัดสินใจ ไม่ใช่ค่านิยมชั่วคราว (หนังสือชีวิตที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์)

ข้อคิดวันนี้
 เพียงได้เข้าสวรรค์ไปไม่ถึงสองวินาทีคุณก็จะต้องร้องออกมาว่า "ทำไมฉันจึงให้ความสำคัญกับสิ่งของชั่วคราวมากขนาดนั้น ฉันคิดอะไรของฉัน ทำไมฉันต้องเสียเวลา พลังงาน และความสนใจมากขนาดนั้นเพียงเพื่อสิ่งที่ไม่ยั่งยืน"  ดังนั้นเมื่อชีวิตลำบาก เมื่อเราเต็มไปด้วยความสงสัย หรือเมื่อเราสงสัยว่าการอยู่เพื่อพระคริสต์นั้นคุ้มค่าแก่การทุ่มเทหรือไม่ โปรดจำไว้ว่า คุณยังไม่ได้กลับบ้าน และเมื่อเสียชีวิต คุณก็ไม่ได้ออกจากบ้าน แต่คุณกำลังจะกลับบ้าน จงจำไว้ว่า โลกนี้ไม่ใช่บ้านของฉัน "เราจึงไม่สนใจสิ่งของที่เรามองเห็นได้ แต่สนใจสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นอยู่แค่ชั่วคราว แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นอยู่ถาวรตลอดไป"

คำถามสำหรับการพิจารณา: ความจริงที่ว่า ชีวิตในโลกนี้เป็นเพียงภารกิจชั่วคราว ควรจะเปลี่ยนวิธีดำเนินชีวิตของฉันอย่างไรในเวลานี้




พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...