อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน – วันที่สามสิบห้า
- การอัศจรรย์
32แต่พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า
“เราได้สำแดงสิ่งดีมากมายจากพระบิดาให้พวกท่านเห็น
พวกท่านหยิบก้อนหินจะขว้างเราเพราะเหตุใด?”
ยอห์น10:32
พระเจ้าเป็นผู้ทำปาฏิหาริย์หรือการอัศจรรย์ ตลอดประวัติศาสตร์พระองค์ได้เข้าแทรกแซงในกิจกรรมของมนุษย์ในรูปแบบที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์หรือเหตุผลของมนุษย์
และพระองค์ก็ยังทำเช่นนั้นจนถึงในวันนี้ ปาฏิหาริย์ของพระเจ้าไม่ได้ จำกัด
อยู่เพียงในโอกาสพิเศษ พระเจ้ากำลังประดิษฐ์สิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์รอบตัวเรา:
ปาฏิหาริย์ของการเกิดของเด็กใหม่ ปาฏิหาริย์ของโลกที่ต่ออายุตัวมันเองทุกครั้งที่พระอาทิตย์ขึ้น; ถ้าเรามองชีวิตผ่านเลนส์แห่งศรัทธาในพระเยซูคริสต์ ดวงตาเราจะเห็นการอัศจรรย์มากมายรอบตัวเรา
พระเจ้ามอบอำนาจให้พระเยซูทำสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีมนุษย์คนอื่นทำได้. พระเยซูทำการอัศจรรย์ที่โดดเด่นหลายอย่าง
บ่อยครั้งทำต่อหน้าฝูงชน.
การอัศจรรย์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพระเยซูมีอำนาจเหนือศัตรูและเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ
ที่มนุษย์ไม่สมบูรณ์ไม่มีวันจะขจัดได้.
หลายคนได้เชื่อในพระองค์เพราะได้เห็นเรื่องอัศจรรย์ทั้งหลาย เรื่องราวอัศจรรย์ทั้งหมดมีจุดประสงค์ เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าพระเจ้าทรงไม่เหมือนใครอื่นใด
พระองค์ทรงควบคุมสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งหมด และทรงสามารถทำสิ่งอัศจรรย์เหล่านี้ได้ทุกอย่าง
ไม่มีอะไรในชีวิตของเราที่ยากเกินไปสำหรับพระองค์ที่จะทรงจัดการได้
พระองค์ทรงประสงค์ให้เราไว้วางใจพระองค์
และรู้ว่าพระองค์ทรงสามารถทำเรื่องอัศจรรย์ในชีวิตของเราได้ด้วย
เราสามารถไว้วางใจข่าวประเสริฐในพระคัมภีร์เรื่องการมีชีวิตนิรันดร์โดยทางพระคริสต์ได้
แต่เมื่อไหร่ที่เราเริ่มสงสัยบางตอนในพระคัมภีร์
ก็เท่ากับเราสงสัยพระวจนะของพระเจ้าด้วยเช่นกัน และมันคือการเปิดประตูรับเอาคำมุสาและคำบิดเบือนของซาตาน
ดังที่มันพยายามจะทำ ลายความเชื่อของเรา 1 เปโตร 5:8
“ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบ ๆ
ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” ดังนั้นเราต้องอ่านพระคัมภีร์และต้องเข้าใจความหมายของคำอย่างแท้จริง
เพื่อที่เราจะได้เข้าใจเรื่องราวเหตุการณ์อัศจรรย์ทั้งหลายด้วย
ความเชื่อคือการให้น้ำหนักกับสิ่งที่มองไม่เห็น
คือหลักฐานของความจริงที่มองไม่เห็น
เรามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสิ่งที่มองไม่เห็นโดยผ่านทางความเชื่อ
และวิธีเดียวที่คุณจะรู้ว่าสิ่งนั้นมีจริงก็เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้าได้บอกไว้เช่นนั้น
ดังนั้นความเชื่อของคุณจึงอยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่พระเจ้าได้ตรัสไว้
ความเชื่อของคุณมีชีวิตเมื่อพระเจ้าตรัส หากปราศจากความเชื่อจะไม่มีใครที่สามารถทำให้พระเจ้าพอพระทัยได้เลย
เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความเชื่อ พระองค์ทำสิ่งต่าง ๆ โดยความเชื่อ
คุณจะต้องเชื่อว่าพระองค์มีจริง และพระองค์ทรงประทานรางวัลแก่ผู้ที่แสวงหาพระองค์อย่างขะมักเขม้น
คนที่มีหัวใจเหมือนอย่างพระองค์
ข้อคิดวันนี้
การอัศจรรย์เป็นปรากฎการณ์ที่ก่อให้เกิดความพิศวง
น่าทึ่งเกินกว่าที่ความสามารถของมนุษย์ตามธรรมชาติจะทำได้. ซึ่งเราสามารถอ่านเจอได้ในพระคัมภีร์ว่า
พระเจ้าและพระเยซู และคนสำคัญอื่น ฯ มากมายได้ทำการอัศจรรย์หลายอย่างเพื่อสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
วันนี้ให้เรามองหาการอัศจรรย์ของพระเจ้า ซึ่งเป็นหลักฐานถึงความใหญ่ยิ่งของพระองค์
คุณจะเห็นการอัศจรรย์นั้นในความงามของธรรมชาติ
ในเสียงหัวเราะของเด็กและความรักของผู้อื่น พระเจ้ายังคงเติมเต็มแผ่นดินโลกด้วยการอัศจรรย์ของพระองค์อยู่เสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น