วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2563

การอัศจรรย์



อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน – วันที่สามสิบห้า - การอัศจรรย์
32แต่พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราได้สำแดงสิ่งดีมากมายจากพระบิดาให้พวกท่านเห็น พวกท่านหยิบก้อนหินจะขว้างเราเพราะเหตุใด?”
ยอห์น10:32

พระเจ้าเป็นผู้ทำปาฏิหาริย์หรือการอัศจรรย์ ตลอดประวัติศาสตร์พระองค์ได้เข้าแทรกแซงในกิจกรรมของมนุษย์ในรูปแบบที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์หรือเหตุผลของมนุษย์ และพระองค์ก็ยังทำเช่นนั้นจนถึงในวันนี้ ปาฏิหาริย์ของพระเจ้าไม่ได้ จำกัด อยู่เพียงในโอกาสพิเศษ พระเจ้ากำลังประดิษฐ์สิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์รอบตัวเรา: ปาฏิหาริย์ของการเกิดของเด็กใหม่ ปาฏิหาริย์ของโลกที่ต่ออายุตัวมันเองทุกครั้งที่พระอาทิตย์ขึ้น; ถ้าเรามองชีวิตผ่านเลนส์แห่งศรัทธาในพระเยซูคริสต์ ดวงตาเราจะเห็นการอัศจรรย์มากมายรอบตัวเรา

พระเจ้ามอบอำนาจให้พระเยซูทำสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีมนุษย์คนอื่นทำได้. พระเยซูทำการอัศจรรย์ที่โดดเด่นหลายอย่าง บ่อยครั้งทำต่อหน้าฝูงชน. การอัศจรรย์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพระเยซูมีอำนาจเหนือศัตรูและเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ที่มนุษย์ไม่สมบูรณ์ไม่มีวันจะขจัดได้.  

 การอัศจรรย์เกิดขึ้นตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าและศรัทธาของเราในพระองค์เท่านั้น  อย่างไรก็ดี ขนาด- จังหวะเวลา และผลของปาฏิหาริย์ไม่ใช่เครื่องวัดศรัทธาของเรา. พระเจ้าทรงทำปาฏิหาริย์ที่ดูเหมือนธรรมดาและพิเศษกว่าธรรมดาในยุคสมัยของเรามากมาย และผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของพระเยซูคริสต์ในทุกสมัยก็ได้รับการประทานประสบการในการรักษาที่เกิดขึ้นอย่างน่าทึ่งและความสำเร็จที่ไม่สามารถอธิบายได้ และเราเองก็ไม่ควรมองข้ามเหตุการณ์ประจำวันที่เป็นสิ่งเตือนใจให้นึกถึงพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตเรา บางครั้งเราแค่ต้องรับรู้! ถึงแม้จะมองไม่เห็นด้วยตา

หลายคนได้เชื่อในพระองค์เพราะได้เห็นเรื่องอัศจรรย์ทั้งหลาย เรื่องราวอัศจรรย์ทั้งหมดมีจุดประสงค์ เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าพระเจ้าทรงไม่เหมือนใครอื่นใด พระองค์ทรงควบคุมสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งหมด และทรงสามารถทำสิ่งอัศจรรย์เหล่านี้ได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรในชีวิตของเราที่ยากเกินไปสำหรับพระองค์ที่จะทรงจัดการได้ พระองค์ทรงประสงค์ให้เราไว้วางใจพระองค์ และรู้ว่าพระองค์ทรงสามารถทำเรื่องอัศจรรย์ในชีวิตของเราได้ด้วย

เราสามารถไว้วางใจข่าวประเสริฐในพระคัมภีร์เรื่องการมีชีวิตนิรันดร์โดยทางพระคริสต์ได้  แต่เมื่อไหร่ที่เราเริ่มสงสัยบางตอนในพระคัมภีร์ ก็เท่ากับเราสงสัยพระวจนะของพระเจ้าด้วยเช่นกัน และมันคือการเปิดประตูรับเอาคำมุสาและคำบิดเบือนของซาตาน ดังที่มันพยายามจะทำ ลายความเชื่อของเรา 1 เปโตร 5:8 “ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบ ๆ ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” ดังนั้นเราต้องอ่านพระคัมภีร์และต้องเข้าใจความหมายของคำอย่างแท้จริง เพื่อที่เราจะได้เข้าใจเรื่องราวเหตุการณ์อัศจรรย์ทั้งหลายด้วย


ความเชื่อคือการให้น้ำหนักกับสิ่งที่มองไม่เห็น คือหลักฐานของความจริงที่มองไม่เห็น เรามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสิ่งที่มองไม่เห็นโดยผ่านทางความเชื่อ และวิธีเดียวที่คุณจะรู้ว่าสิ่งนั้นมีจริงก็เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้าได้บอกไว้เช่นนั้น ดังนั้นความเชื่อของคุณจึงอยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่พระเจ้าได้ตรัสไว้ ความเชื่อของคุณมีชีวิตเมื่อพระเจ้าตรัส  หากปราศจากความเชื่อจะไม่มีใครที่สามารถทำให้พระเจ้าพอพระทัยได้เลย เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความเชื่อ พระองค์ทำสิ่งต่าง ๆ โดยความเชื่อ คุณจะต้องเชื่อว่าพระองค์มีจริง และพระองค์ทรงประทานรางวัลแก่ผู้ที่แสวงหาพระองค์อย่างขะมักเขม้น คนที่มีหัวใจเหมือนอย่างพระองค์

ข้อคิดวันนี้
การอัศจรรย์เป็นปรากฎการณ์ที่ก่อให้เกิดความพิศวง น่าทึ่งเกินกว่าที่ความสามารถของมนุษย์ตามธรรมชาติจะทำได้. ซึ่งเราสามารถอ่านเจอได้ในพระคัมภีร์ว่า พระเจ้าและพระเยซู  และคนสำคัญอื่น ฯ มากมายได้ทำการอัศจรรย์หลายอย่างเพื่อสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า วันนี้ให้เรามองหาการอัศจรรย์ของพระเจ้า ซึ่งเป็นหลักฐานถึงความใหญ่ยิ่งของพระองค์ คุณจะเห็นการอัศจรรย์นั้นในความงามของธรรมชาติ ในเสียงหัวเราะของเด็กและความรักของผู้อื่น พระเจ้ายังคงเติมเต็มแผ่นดินโลกด้วยการอัศจรรย์ของพระองค์อยู่เสมอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...