พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ
คำขอบพระคุณพระเจ้า เพราะทรงช่วยให้หายป่วย
1ข้าพเจ้ารักพระยาห์เวห์
เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงและคำวิงวอนของข้าพเจ้า2พระองค์เงี่ยพระกรรณฟังข้าพเจ้า
เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจะทูลพระองค์ตราบที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่
3บ่วงมรณาล้อมข้าพเจ้า
ความเจ็บปวดแห่งแดนคนตายจับข้าพเจ้าไว้
ข้าพเจ้าพบความทุกข์โศกและความระทม
4แล้วข้าพเจ้าร้องทูลออกพระนามพระยาห์เวห์ว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยชีวิตข้าพระองค์เถิด”
5พระยาห์เวห์ทรงมีพระคุณและทรงชอบธรรม
พระเจ้าของเราทั้งหลายทรงพระกรุณา
6พระยาห์เวห์ทรงปกป้องคนรู้น้อยไว้
เมื่อข้าพเจ้าตกต่ำ พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด
สดุดี 116: 1-6
เวลาเจอกับปัญหาส่วนใหญ่เรามักจะพึ่งพากำลังของตนเอง นั่นคือการพยายามคิด
พยายามใช้สติปัญญาแบบโลก หากทำไปเรื่อย ๆ มันจะเหนื่อยจนอาจท้อแท้ สิ้นหวัง แต่ในพระคัมภีร์สอนเราว่าเราแต่ละคนสามารถวางใจในพระเจ้าได้และอย่าพึ่งพากำลังตนเอง
คำสอนนี้ไม่ได้หมายความว่า ให้เราอยู่เฉย ๆ แล้วพระเจ้าจะทำให้
หรือจับไม้จับมือเราไปทำตามที่พระองค์ต้องการ พระคัมภีร์ต้องการให้เราทำงานหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
คำว่าอย่าพึ่งกำลังตัวเอง จึงไม่ใช่การนั่งอธิษฐานทั้งวัน โดยไม่รับผิดชอบในส่วนของตนเอง
แล้วนั่งรอ คอยดูเฉย ๆ รอดูว่าเมื่อไหร่พระเจ้าจะทำการอัศจรรย์ หากเราไม่ทำหน้าที่ในส่วนของเราแล้วมันจะสำเร็จผลได้อย่างไร
พระพรคงไม่ไหลมาเทมาเหมือนดั่งฝนตกแน่นอน
เคยสังเกตไหมว่าบางครั้งเวลาที่เราเลือกที่จะพึ่งพากำลังของตัวเอง
โดยคิดว่าฉันทำได้ ฉันมีความสามารถ แต่ไม่ว่าเราจพยายามคิดหาทางแก้เท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
มันดูมืดมนไปหมด ยิ่งคิดมากก็ยิ่งกังวลมาก ใจก็ยิ่งไม่นิ่ง
เมื่อใจไม่นิ่งก็ไม่สงบ อาจจะฟุ้งซ่านและเตลิดไปในความคิด ซาจานศัตรูตัวร้ายก็พยายามจู่โจมเราที่ความคิด
ความคิดเป็นดั่งสนามรบแต่ถ้าหากเราให้พระเจ้าเป็นแม่ทัพนั่งบัญชาการ
เราก็จะมีชัยชนะ นั่นคือการเชื่อฟังและทำตามพระองค์ มีคำอธิบายง่ายๆเพียงคำเดียวสำหรับทุกสิ่งในชีวิต:
นั่นคือพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ
พระพรคงไม่ไหลมาเทมาเหมือนกับฝนตก แต่ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของชีวิต เราจะเรียนรู้ที่จะหันหน้าไปหาพระองค์
เพราะพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ, สัตย์ซื่อที่จะอยู่กับเรา, สัตย์ซื่อที่จะดูแลเรา,
สัตย์ซื่อที่จะทำงานในตัวเราเพื่อทำให้เราเป็นชายและหญิงที่พระองค์ได้ทรงเรียกให้เราเป็น
ขอบคุณบทความหนุนใจจาก
หนังสือ Devotions to go
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น