แบบอย่างแห่งความกล้าหาญของคาเลบและโยชูวา
ที่นั่นเราเห็นคนเนฟิล(คนอานาคนั้นมาจากคนเนฟิล) ในสายตาของเรา
เราเป็นเหมือนตั๊กแตน และเราก็เป็นเช่นนั้นในสายตาของพวกเขา”
กันดารวิถี 13:33
ชาวอิสราเอลเดินทางจากภูเขาซีนายผ่านที่กันดารปารานจนมาถึงคาเดช
แล้วพระยะโฮวาก็บอกโมเสสว่า ‘ให้ส่งคนสอดแนม 12 คนจาก 12
ตระกูลไปสืบดูแผ่นดินคานาอันที่เราจะยกให้ชาวอิสราเอล’
โมเสสจึงเลือกคนสอดแนม 12 คนและสั่งว่า ‘ไปสืบดูแผ่นดินคานาอันว่าอุดมสมบูรณ์ไหม
คนที่นั่นแข็งแรงหรืออ่อนแอ พวกเขาอยู่ในเต็นท์หรือในเมือง’
แล้วคนสอดแนม 12 คนซึ่งรวมโยชูวากับคาเลบก็ออกเดินทางไปคานาอัน
ผ่านไป 40 วัน คนสอดแนมก็กลับมา พวกเขาเอาลูกมะเดื่อ ทับทิม
และองุ่นกลับมาด้วย พวกเขารายงานว่า ‘แผ่นดินนั้นอุดมสมบูรณ์ดี
แต่คนที่นั่นแข็งแรงมากและเมืองต่าง ๆ ก็มีกำแพงสูง’
แล้วคาเลบก็พูดว่า ‘ไปกันเลย! พวกเราเอาชนะพวกนั้นได้แน่’
รู้ไหมว่าทำไมคาเลบถึงพูดอย่างนั้น? เพราะเขากับโยชูวามั่นใจว่าพระเจ้าจะช่วยพวกเขา
แต่คนสอดแนมอีก 10 คนพูดว่า ‘อย่าไปเลย!
คนพวกนั้นตัวใหญ่เหมือนยักษ์ เทียบกันแล้วพวกเราก็เหมือนตั๊กแตน’
ชาวอิสราเอลหมดกำลังใจ
พวกเขาเริ่มบ่นและพูดกันว่า
‘ให้เราหาหัวหน้าคนใหม่แล้วกลับไปอียิปต์กันเถอะ
ทำไมต้องไปให้พวกยักษ์ฆ่าด้วย?’ โยชูวากับ คาเลบจึงพูดว่า ‘พวกคุณต้องเชื่อฟังพระเจ้าและอย่ากลัว
พระเจ้าจะปกป้องพวกเรา’ แต่ชาวอิสราเอลไม่ฟัง
แถมยังอยากฆ่าโยชูวากับคาเลบด้วย!
ความกลัวที่พวกเขามีต่อยักษ์ทำให้คนของพระเจ้าไม่กล้าเข้าไปในดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะให้พวกเขา
จริงๆแล้วไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ที่คนเหล่านั้นจะต้องเอาชนะแต่มันคือภาพลักษณ์ของคนที่ขาดความเชื่อ
ในสายตาของคนที่ขาดความเชื่อมีที่ไหนบ้างที่ไม่มีปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้าที่ทะเลแดง หรือในถิ่นทุรกันดาร หรือคานาอัน ฯลฯ
ความไม่เชื่อทำให้สายตาของพวกเขามองเห็นแต่ปัญหาในทุกเรื่อง
รู้สึกตัวว่าจนตรอกไปซะทุกเรื่อง ทุกข์ทรมานไปซะทุกเรื่อง กลัว วิตกไปซะทุกเรื่อง
โยชูวาและคาเลบเป็นคนเดียวที่มีทัศนคติที่ถูกต้อง
คาเลบพูดกับโมเสสและประชาชนว่า "ให้เราขึ้นไปพร้อมกันและครอบครองมันเราสามารถพิชิตมันได้"
(กันดารวิถี 13:30) พวกเขามีทัศนคติที่พระเจ้าต้องการให้พวกเขามี
พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้
พระเจ้ามีอนาคตอันรุ่งโรจน์ที่วางแผนไว้สำหรับชาวอิสราเอลทุกคนเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา
แต่มีเพียงคนที่มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อพระเจ้าและต่อตัวเองเท่านั้นที่จะอยู่ในนั้นและมีความสุขกับมัน
คาเลบและโยชูวาเป็นแบบอย่างแห่งความกล้าหาญ และมีทัศนคติที่ถูกต้อง เขาคิดต่างไปจากประชาชนส่วนใหญ่ เขาสองคนรู้ถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะยกแผ่นดินให้แก่พวกเขา
ดังนั้นเขาเลือกที่จะเชื่อวางใจพระเจ้าว่าพระเจ้าจะให้ชัยชนะแก่เขา
ถึงแม้ว่าคนในแผ่นดินนั้นจะตัวใหญ่และแข็งแรงกว่าเขาก็ตาม
ในชีวิตจริงคุณเคยรู้สึกกลัวไหม คุณกลัวอะไรบ้าง
เมื่อคุณกลัว คุณสามารถคิดถึงสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อคุณได้
พระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะไม่ละหรือทอดทิ้งคุณเลย(ฮีบรู 13:5)
พระองค์ยังสัญญาว่าพระองค์เป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลัง
เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก (สดุดี 46:1-2)
ข้อคิด
คาเลบและโยชูวา มองเห็นชัยชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่มรบ
เขาบอกให้ขึ้นไปทันทีเพื่อยึดเมืองนั้น เพราะสำหรับเขา สิ่งใดๆ
ที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้ พระองค์ก็จะให้ สิ่งที่พระเจ้าอนุญาตแล้ว ใครจะขัดขวางได้ นี่แหละคือความเชื่อ!!!
ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
เฟสบุคทานตะวันแห่งเอเชีย
jw.org
wonderfulwordproject.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น