วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2563

แบบอย่างแห่งความกล้าหาญของคาเลบและโยชูวา

 


แบบอย่างแห่งความกล้าหาญของคาเลบและโยชูวา

ที่นั่นเราเห็นคนเนฟิล(คนอานาคนั้นมาจากคนเนฟิล) ในสายตาของเรา เราเป็นเหมือนตั๊กแตน และเราก็เป็นเช่นนั้นในสายตาของพวกเขา”

กันดารวิถี 13:33

 ชาว​อิสราเอล​เดิน​ทาง​จาก​ภูเขา​ซีนาย​ผ่าน​ที่​กันดาร​ปาราน​จน​มา​ถึง​คาเดช แล้ว​พระ​ยะโฮวา​ก็​บอก​โมเสส​ว่า ‘ให้​ส่ง​คน​สอดแนม 12 คน​จาก 12 ตระกูล​ไป​สืบ​ดู​แผ่นดิน​คานาอัน​ที่​เรา​จะ​ยก​ให้​ชาว​อิสราเอล’ โมเสส​จึง​เลือก​คน​สอดแนม 12 คน​และ​สั่ง​ว่า ‘ไป​สืบ​ดู​แผ่นดิน​คานาอัน​ว่า​อุดม​สมบูรณ์​ไหม คน​ที่​นั่น​แข็งแรง​หรือ​อ่อนแอ พวก​เขา​อยู่​ใน​เต็นท์​หรือ​ใน​เมือง’ แล้ว​คน​สอดแนม 12 คน​ซึ่ง​รวม​โยชูวา​กับ​คาเลบ​ก็​ออก​เดิน​ทาง​ไป​คานาอัน

 ผ่าน​ไป 40 วัน คน​สอดแนม​ก็​กลับ​มา พวก​เขา​เอา​ลูก​มะเดื่อ ทับทิม และ​องุ่น​กลับ​มา​ด้วย พวก​เขา​รายงาน​ว่า ‘แผ่นดิน​นั้น​อุดม​สมบูรณ์​ดี แต่​คน​ที่​นั่น​แข็งแรง​มาก​และ​เมือง​ต่าง ๆ ก็​มี​กำแพง​สูง’ แล้ว​คาเลบ​ก็​พูด​ว่า ‘ไป​กัน​เลย! พวก​เรา​เอา​ชนะ​พวก​นั้น​ได้​แน่’ รู้​ไหม​ว่า​ทำไม​คาเลบ​ถึง​พูด​อย่าง​นั้น? เพราะ​เขา​กับ​โยชูวา​มั่น​ใจ​ว่า​พระเจ้า​จะ​ช่วย​พวก​เขา แต่​คน​สอดแนม​อีก 10 คน​พูด​ว่า ‘อย่า​ไป​เลย! คน​พวก​นั้น​ตัว​ใหญ่​เหมือน​ยักษ์ เทียบ​กัน​แล้ว​พวก​เรา​ก็​เหมือน​ตั๊กแตน’

 ชาว​อิสราเอล​หมด​กำลังใจ พวก​เขา​เริ่ม​บ่น​และ​พูด​กัน​ว่า ‘ให้​เรา​หา​หัวหน้า​คน​ใหม่​แล้ว​กลับ​ไป​อียิปต์​กัน​เถอะ ทำไม​ต้อง​ไป​ให้​พวก​ยักษ์​ฆ่า​ด้วย?โยชูวา​กับ​ คาเลบ​จึง​พูด​ว่า ‘พวก​คุณ​ต้อง​เชื่อ​ฟัง​พระเจ้าและ​อย่า​กลัว พระเจ้าจะ​ปก​ป้อง​พวก​เรา’ แต่​ชาว​อิสราเอล​ไม่​ฟัง แถม​ยัง​อยาก​ฆ่า​โยชูวา​กับ​คาเลบ​ด้วย!

 ความกลัวที่พวกเขามีต่อยักษ์ทำให้คนของพระเจ้าไม่กล้าเข้าไปในดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะให้พวกเขา จริงๆแล้วไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ที่คนเหล่านั้นจะต้องเอาชนะแต่มันคือภาพลักษณ์ของคนที่ขาดความเชื่อ ในสายตาของคนที่ขาดความเชื่อมีที่ไหนบ้างที่ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้าที่ทะเลแดง หรือในถิ่นทุรกันดาร หรือคานาอัน ฯลฯ ความไม่เชื่อทำให้สายตาของพวกเขามองเห็นแต่ปัญหาในทุกเรื่อง รู้สึกตัวว่าจนตรอกไปซะทุกเรื่อง ทุกข์ทรมานไปซะทุกเรื่อง กลัว วิตกไปซะทุกเรื่อง

 โยชูวาและคาเลบเป็นคนเดียวที่มีทัศนคติที่ถูกต้อง คาเลบพูดกับโมเสสและประชาชนว่า "ให้เราขึ้นไปพร้อมกันและครอบครองมันเราสามารถพิชิตมันได้" (กันดารวิถี 13:30) พวกเขามีทัศนคติที่พระเจ้าต้องการให้พวกเขามี พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้

 พระเจ้ามีอนาคตอันรุ่งโรจน์ที่วางแผนไว้สำหรับชาวอิสราเอลทุกคนเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา แต่มีเพียงคนที่มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อพระเจ้าและต่อตัวเองเท่านั้นที่จะอยู่ในนั้นและมีความสุขกับมัน

 คาเลบและโยชูวาเป็นแบบอย่างแห่งความกล้าหาญ และมีทัศนคติที่ถูกต้อง เขาคิดต่างไปจากประชาชนส่วนใหญ่ เขาสองคนรู้ถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะยกแผ่นดินให้แก่พวกเขา ดังนั้นเขาเลือกที่จะเชื่อวางใจพระเจ้าว่าพระเจ้าจะให้ชัยชนะแก่เขา ถึงแม้ว่าคนในแผ่นดินนั้นจะตัวใหญ่และแข็งแรงกว่าเขาก็ตาม 

ในชีวิตจริงคุณเคยรู้สึกกลัวไหม คุณกลัวอะไรบ้าง เมื่อคุณกลัว คุณสามารถคิดถึงสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อคุณได้ พระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะไม่ละหรือทอดทิ้งคุณเลย(ฮีบรู 13:5) พระองค์ยังสัญญาว่าพระองค์เป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลัง เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก (สดุดี 46:1-2)

ข้อคิด

คาเลบและโยชูวา มองเห็นชัยชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่มรบ เขาบอกให้ขึ้นไปทันทีเพื่อยึดเมืองนั้น เพราะสำหรับเขา สิ่งใดๆ ที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้ พระองค์ก็จะให้ สิ่งที่พระเจ้าอนุญาตแล้ว ใครจะขัดขวางได้   นี่แหละคือความเชื่อ!!!

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก

เฟสบุคทานตะวันแห่งเอเชีย

 jw.org

 wonderfulwordproject.org

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...