วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2566

เปลี่ยนความกังวลเป็นไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า

 


เปลี่ยนความกังวลเป็นไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า

โดย เบรนดา แบรดฟอร์ด ออตทิงเกอร์

 

ฉันเคยนึกสงสัยว่าทำไมฝ่ามือคู่เดียวกันนี้ที่ฉันใช้ยกมือขึ้นเพื่อสรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระเจ้า นั้นทำไมมันถึงสามารถกำเอาความกังวลใจของฉันที่มีนับเป็นพันๆเอาไว้แน่นเสมอมา กำมือคนเราก็เล็กแค่นี้ แต่ทำไมมันถึงกำความกังวลไว้ได้มากมายนัก

 

น้ำตาอาบสองแก้มที่เปื้อนด้วยความกลัวมักจะปรากฏอยู่บนใบหน้าของฉัน เมื่อฉันยอมจำนนอีกครั้งกับการคิดไปก่อนและความทุกข์ - มันเป็นนิสัยที่ฉันคุ้นเคยมากจนเกินไป และในไม่ช้า ฉันก็เชื่อความคิดที่ผิดๆ ที่ว่า”ความวิตกกังวล หรือการคิดไปก่อนจะช่วยรักษาความเป็นอยู่ที่ดีให้กับโลกของฉันได้”

 

บ่อยครั้งที่ฉันเก็บความกังวลไว้ใกล้ตัวเพราะฉันรู้สึกยอมแพ้ที่จะปล่อยวางมัน ฉันเกิดความสับสนระหว่างความเพียร กับ การพยายามจัดการชีวิตที่ไม่สงบสุขของฉัน

 

เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันทำใจยอมจำนนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า ฉันปรารถนาที่จะรู้จักชีวิตที่ฉันสามารถปลดปล่อยความพยายามในการจัดการและแก้ไขปัญหาด้วยแรงของฉันเอง … ฉันเลือกที่จะมีสันติสุขในใจด้วยการไว้วางใจพระองค์แทน

 

ขณะที่ฉันค้นหาการนำทางครั้งแล้วครั้งเล่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำฉันกลับมาสู่พระคำข้อนี้ที่ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์เขียนไว้ว่า “แต่ความสุขมีแก่ผู้ที่ไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในพระองค์ -เยเรมีย์ 17:7

 

ในช่วงเวลานั้น ฉันตระหนักได้ว่ามีบ่อยครั้งมากที่ฉันได้ผลักไสความรู้สึกอันทรงพลังแห่งความหวังและความวางใจในพระเจ้าให้ไปอยู่ในแผนสำรองของชีวิตฉัน  ฉันไม่ได้ให้พระองค์มาเป็นที่หนึ่ง ฉันวางพระองค์ไว้ในลำดับต่อๆไปเสมอ เพราะฉันมักจะพยายามคิดหาหนทางอื่นก่อน

 

ตั้งแต่วัยเยาว์ พระเจ้าทรงรับรู้ถึงจิตใจของฉัน  ฉันมีสิทธิ์ในการเลือก และ ฉันไม่ได้ดำเนินชีวิตเหมือนอย่างพระองค์ผู้ทรงเป็นแหล่งที่มาของฉัน  ทุกสิ่งที่ฉันยึดถือล้วนได้แยกฉันออกจากพระองค์ มันแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจกับตัวเองในทางที่ผิด มันทำให้เห็นว่า ฉันไม่ได้วางใจและเชื่อมั่นในพระเจ้า

 

เพื่อนที่รัก ท่ามกลางชีวิตที่วุ่นวายในแต่ละวัน เป็นเรื่องง่ายที่เราจะฝากความหวังไว้กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ บางครั้งการตอบสนองอัตโนมัติของเราคือการพยายามที่จะควบคุมสถานการร์ด้วยตนเอง โดยลืมไปว่าความกังวลอย่างต่อเนื่องของเราเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถทำให้เรามีความหวังได้

 

แต่ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ทำให้เรามั่นใจว่า คนที่วางใจในพระเจ้า “เป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมฝั่งแม่น้ำ มีรากที่หยั่งลึกลงไปในน้ำ ต้นไม้ดังกล่าวไม่ถูกความร้อนรบกวนหรือกังวลเรื่องภัยแล้งเป็นเวลานานหลายเดือน ใบของมันยังคงเขียวอยู่ และพวกมันไม่เคยหยุดออกผล” (เยเรมีย์ 17:8, NLT)

 

เพื่อนเอ๋ย เมื่อเราวางใจในพระเจ้า พระองค์ไม่เพียงแค่ทรงดูแลเราเท่านั้น แต่ยังทรงดูแลวิญญาณของเราด้วย  เราสามารถเจริญรุ่งเรือง และสดชื่นด้วยการจัดหาอันล้ำลึกของพระเจ้า

 

พระเจ้าทรงพบฉันผ่านการร้องไห้ ในวันนั้น พระองค์ทรงเตือนฉันอย่างอ่อนโยนถึงอิสรภาพที่ฉันจะได้พบ เมื่อฉันยอมปล่อยความกังวลที่มีอยู่เต็มกำมือเข้าไปอยู่ในความพิทักษ์ของพระองค์  เพราะพระเจ้าแห่งชีวิตของฉัน ฉันจึงสามารถไว้วางใจได้

 

เพื่อนที่รัก กำมือของคุณไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแบกรับเอาความสำเร็จ ความปลอดภัย และความมั่นคงของโลกของคุณไว้ เชิญคุณเข้ามาสู่แหล่งแห่งความบรรเทาและการปลดปล่อย ดินแดนอันเงียบสงบแห่งการยอมจำนนเพื่อพบกับพระเจ้าในช่วงเวลาเงียบๆ  ให้คุณ ค่อยๆ คลี่ฝ่ามือออก และปลดปล่อยความกังวลของคุณออกไปสู่พระองค์

 

มีการพักผ่อนในความสงบเงียบ   เพราะความกังวลทุกอย่างของเรานั้นอยู่ในพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้าอย่างปลอดภัย ผู้ทรงสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เราจะขอหรือจินตนาการได้ (เอเฟซัส 3:20)

 

ข้าแต่พระเจ้า  โปรดช่วยข้าพระองค์เชื่อมั่นในพระองค์ตลอดไป ขอบคุณพระองค์ที่ไม่ว่าข้าพระองค์จะเจอกับปัญหาอะไรในชีวิตแต่ก็ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับพระองค์ ในนามพระเยซู อาเมน

 

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...