การให้อภัยที่หาที่เปรียบมิได้
จงยกโทษให้กันเหมือนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงยกโทษให้ท่าน
— โคโลสี
3:13
ในการอ่านข้อคิดฝ่ายวิญญาณของเราในวันนี้ เราได้รับการเตือนว่าเพราะพระเยซู เราถูกเรียกให้ดำเนินชีวิตอย่างเต็มที่ที่พระองค์ทรงทำให้เราเป็นไปได้ และส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันของเราคือ “จงให้อภัยเหมือนที่พระเจ้าทรงยกโทษให้คุณ” พระเยซูทรงเล่าอุปมาที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ในมัทธิวบทที่ 18 มื่อเริ่มสะสาง คนหนึ่งซึ่งเป็นหนี้อยู่หลายสิบล้านเหรียญเดนาริอัน เขาถูกนำตัวมาพบ เนื่องจากเขาไม่สามารถชำระหนี้ กษัตริย์จึงสั่งให้เอาตัวเขากับภรรยาและบุตรตลอดจนข้าวของทุกอย่างไปขายเพื่อมาใช้หนี้ “ข้าราชบริพารคนนั้นก็คุกเข่าลงวิงวอนต่อหน้าพระองค์ว่า ‘ขอทรงผัดผ่อนให้ข้าพระองค์เถิด แล้วข้าพระองค์จะใช้หนี้ให้จนครบ’ กษัตริย์ทรงสงสารจึงยกหนี้ให้และปล่อยตัวไป อย่างไรก็ตามชายผู้ได้รับการอภัยไม่ได้เป็นคนใจกว้าง เมื่อข้าราชบริพารผู้นั้นออกมาพบเพื่อนข้าราชบริพารด้วยกันซึ่งติดหนี้เขาอยู่หนึ่งร้อยเหรียญเดนาริอัน จึงจับคนนั้นเค้นคอและขู่เข็ญว่า ‘จงจ่ายหนี้คืนมา! “เพื่อนข้าราชบริพารนั้นก็คุกเข่าอ้อนวอนเขาว่า ‘ขอผัดผ่อนหนี้ให้ก่อนแล้วข้าพเจ้าจะใช้หนี้ให้’ แต่ชายผู้ได้รับการอภัยจากกษัตริย์กลับปฏิเสธและโยนเพื่อนข้าราชบริพารด้วยกันเข้าไปในคุกของลูกหนี้ เมื่อกษัตริย์ทรงทราบเรื่องนี้ก็ทรงพระพิโรธและตรัสว่า ‘ไอ้ข้าชั่วช้า เรายกหนี้ของเจ้าทั้งหมดให้ก็เพราะเจ้าวอนขอต่อเรา ไม่ควรหรือที่เจ้าจะเมตตาเพื่อนข้าราชบริพารด้วยกันเหมือนที่เราเมตตาเจ้า?’ กษัตริย์กริ้วนักจึงทรงมอบตัวเขาให้พัศดีไปทรมานจนกว่าจะใช้หนี้ครบ เมื่อเราคิดถึงอุปมานี้ การเข้าใจว่า 100 เดนาริคือค่าจ้าง 100 วัน และความสามารถหนึ่งอย่างเท่ากับค่าจ้าง 20 ปี ดังนั้น 10,000 ความสามารถเท่ากับค่าจ้าง 200,000 ปี! ในทำนองเดียวกัน พระเยซูกำลังตรัสว่าหนี้ที่เรามีต่อพระเจ้านั้นไม่สามารถชำระได้เลย แต่พระเจ้าก็ยังทรงยกโทษให้ เหตุฉะนั้นเราจึงถูกเรียกให้รู้จักมีเมตตาและสงสาร เห็นใจกันและกัน ให้อภัยต่อกันเหมือนที่พระเจ้าทรงอภัยแก่ท่านในพระคริสต์
(อ่าน เอเฟซัส 4:17-32 ด้วย)
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงพระทัยดี
ความเมตตาของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุด การให้อภัยของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่กว่าบาปทั้งหมดของข้าพระองค์
โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ได้แบ่งปันความรักและพระคุณของพระองค์ในแต่ละวันด้วยการให้อภัยผู้อื่นด้วยใจยินดี
ในนามพระเยซู อาเมน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
todaydevotional.com
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น