พระเจ้าเห็น พระเจ้ารู้
พระเจ้าห่วงใยคุณ
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรทั่วโลก
เพื่อทำให้ผู้ที่ภักดีต่อพระองค์อย่างสุดใจเข็มแข็งขึ้น ท่านช่างโง่เขลาเสียจริงที่ทำเช่นนั้น
นับแต่นี้ไปท่านจะต้องมีสงครามเรื่อยๆ”
-2
พงศาวดาร 16:9
การพยายามควบคุมชีวิตของตัวเองนั้นน่าเหนื่อยหน่าย
วันนี้ฉันจะมาเล่าให้ฟัง ว่า ทำไม ?
ปากของฉัน ก็มักจะพูดว่า “ฉันวางใจในพระเจ้า”
แต่ในความเป็นจริง ฉันถูกครอบงำด้วยการพยายามแก้ไขและควบคุมสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเสมอๆ
คำว่า “ฉันวางใจในพระเจ้า” จึงกลายเป็นเพียงคำพูด
ความไม่ไว้วางใจมักจะคืบคลานเข้ามา เมื่อการพึ่งพาตนเองกลายเป็นเป้าหมายของฉัน
แล้วฉันก็สงสัยว่าทำไมฉันถึงรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
พระคัมภีร์ที่ฉันอยากให้เราดูด้วยกันในวันนี้
ผลลัพธ์สุดท้าย? ก่อความไม่สงบแก่อาสาและประชาชนของเขา กษัตริย์องค์นี้ซึ่งมีความเชื่อหมายถึงชัยชนะในอดีต
อาสาได้เชื้อเชิญการต่อสู้มาสู่อนาคตของเขาโดยไม่รู้ตัว เพราะเขาปฏิเสธที่จะวางใจพระเจ้าในปัจจุบัน
ฉันพบว่าเรื่องราวของอาสาน่าสนใจและเกี่ยวข้องกับชีวิตเราด้วยเช่นกัน การประกาศความเชื่อในอดีตของเราไม่ได้รับประกันว่าเราจะพึ่งพาพระเจ้าในอนาคต
ศรัทธาคือปัจจุบัน และควรเป็นทางเลือกที่เราทำอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้เชื่อทุกคน
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันต้องการให้เราดูความจริงสองข้อจาก
2 พงศาวดาร 16 ที่จะช่วยให้เราเลือกไว้วางใจพระเจ้าต่อไป ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดของเราแต่รวมถึงการกระทำของเราด้วย:
1) พระเจ้าไม่ได้ตาบอดต่อสถานการณ์ของเราหรือการเลือกของเราที่จะวางใจในพระองค์
เมื่อชีวิตลำบาก บางครั้งเราอาจสงสัยว่าพระเจ้าทรงมองไม่เห็นทุกสิ่งที่เราเผชิญอยู่หรือไม่
แต่มีข้อเตือนใจที่ทรงพลังซ่อนอยู่ในถ้อยคำที่ผู้เผยพระวจนะฮานานีพูดกับอาสาใน
2 พงศาวดาร 16:9 ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรทั่วโลก
เพื่อทำให้ผู้ที่ภักดีต่อพระองค์อย่างสุดใจเข็มแข็งขึ้น”
เรารับใช้พระเจ้าที่มองเห็น
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่รอบรู้และทรงสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ผู้ทรงทราบทุกรายละเอียดของชีวิตเราอย่างต่อเนื่อง และไม่เพียงพระองค์จะทรงทราบเท่านั้น
แต่พระองค์ยังมองหาการเสริมกำลังให้กับบุคคลที่เต็มใจวางใจในพระองค์ด้วยสุดใจ
2) พระเจ้าเคยสัตย์ซื่อมาก่อน
และพระองค์จะสัตย์ซื่ออีกครั้ง
ฉันสงสัยว่าอนาคตของ อาสาว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรหากเขาหยุดระลึกถึงความสัตย์ซื่อที่พระเจ้ามีต่อเขาในอดีต
ความกลัวมักทำให้เราหลงลืม
นี่คือเหตุผลที่เราต้องมองย้อนกลับไปอย่างตั้งใจและติดตามพระหัตถ์แห่งความสัตย์ซื่อของพระเจ้าในชีวิตของเรา ความสัตย์ซื่อของพระเจ้าก่อนที่จะรับรองกับเราว่าพระองค์จะสัตย์ซื่ออีกครั้ง
(ฮีบรู 10:35-36) เราเห็นความจริงนี้ไม่เพียงเมื่อเรามองย้อนกลับไปที่ชีวิตของเราเท่านั้น
แต่เมื่อเราอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความสัตย์ซื่อของพระเจ้าที่ถักทออยู่ในพระคัมภีร์ทั้งหมดด้วย
พี่น้องที่รัก วันนี้ลองสำรวจพื้นที่ในจิตใจของเรา ว่าเราได้เชื่อและวางใจพระเจ้าด้สวยสุดจิตสุดใจ
อย่างที่ปากของเราพูดออกไปแล้วหรือยัง เราอาจไม่เพียงเชื้อเชิญความอ่อนล้าความเหนื่อยหน่ายเท่านั้น
แต่เราอาจกำลังทำลายล้างชีวิตของเราเองเพราะเราปฏิเสธที่จะพึ่งพาพระเจ้า การกระทำของเราสอดคล้องกับความเชื่อของเราหรือไม่? อย่าเพียงแค่ประกาศว่าเรามีความเชื่อ แต่จงแสดงมันออกมาด้วยการกระทำเพื่อให้การดำเนินชีวิตของเราเป็นคำตอบที่ดังที่สุด
ว่าเราเชื่อว่าพระเจ้าดี พระเจ้าซื่อสัตย์ และเราไว้ใจพระองค์ได้
หยุดวิ่งเพื่อแก้ไขสิ่งต่างๆ ในแบบของเรา แล้วเราจะสามารถเพ่งสายตาของเราไปที่พระเจ้าเพียงผู้เดียว
(อิสยาห์ 26:3) พระองค์ทรงเห็น
พระองค์ทรงรู้ พระองค์ทรงใส่ใจ เราจึงสบายใจได้
ข้าแต่พระเจ้า
ข้าพระองค์ขอสารภาพว่าบางครั้งข้าพระองค์ก็ลืมนึกถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ในอดีต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้าพระองค์จมอยู่กับสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ในวันนี้ โปรดช่วยเตือนข้าพระองค์อยู่เสมอว่าไม่ใช่แค่พระองค์มองเห็น
แต่พระองค์ยังรักและสนใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับข้าพระองค์ด้วย ข้าพระองค์ไม่รู้แน่ชัดว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร
แต่ข้าพระองค์รู้ว่าข้าพระองค์จะเดินไปหาใคร พระองค์ พระเจ้า ของข้าพเจ้า ความรักของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด
และในพระหัตถ์ของพระองค์ก็เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในการวางความหวังของข้าพระองค์
ในนามพระเยซู อาเมน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
proverbs31.org
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น