เผชิญหน้ากับความอัปยศ
และเมื่อทรงปรากฏเป็นมนุษย์
พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลง
และยอมเชื่อฟังแม้ต้องตายบนไม้กางเขน!
— ฟีลิปปี
2:8
การบังเกิดของพระบุตรของพระเจ้าเป็นหนึ่งในความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
มีพระเจ้าองค์เดียวที่ดำรงอยู่ในสามพระภาค คือ พระบิดา พระบุตร
และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทั้งสามสิ่งนี้มีเนื้อแท้เดียวกัน
หมายความว่าพระบุตรมีความเท่าเทียมกัน เป็นนิรันดร์
และเป็นเอกภาพกับพระบิดาและพระวิญญาณบริสุทธิ์
แต่เพื่อให้การไถ่ของเราสำเร็จ พระบุตรทรงสละพระสิริของพระองค์และกลายเป็นมนุษย์
เมื่อถึงกำหนดพระเจ้าได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาประสูติจากครรภ์ของผู้หญิง
ถือกำเนิดภายใต้บทบัญญัติ เพื่อไถ่คนทั้งปวงซึ่งอยู่ใต้บทบัญญัติ
เพื่อเราจะได้รับสิทธิของบุตรอย่างสมบูรณ์ (ดูกาลาเทีย 4:4-5) ในฐานะพระเจ้า พระองค์กลายเป็นมนุษย์
ถือความยากจน พระองค์เป็นเจ้านายที่กลายเป็นคนรับใช้
“ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข
เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา” ในประเด็นนี้
พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงยกย่องความยากจนในความหมายตามตัวอักษร แต่พระองค์ทรงกล่าวถึงบุคคลที่ถูกริดรอนทรัพย์สินเงินทอง, อำนาจ,
ชื่อเสียง และไม่ใส่ใจในสิ่งต่างๆ
ที่สื่อถึงเป็นความสำเร็จฝ่ายโลก แต่มีความซื่อสัตย์ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า พวกเขารู้ว่าพวกเขาต้องไว้วางใจพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ในทุกเรื่อง
พระเยซูเจ้าขอให้เรามีความยากจนในจิตใจแบบนั้นเหมือนกัน คือต้องมีความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
พระบุตรของพระเจ้าเข้าสู่กาลเวลาและสวมเนื้อหนังมนุษย์
“พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลงโดยยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา—กระทั่งสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน!” แม้จะเผชิญความทุกข์ยากสาหัสที่สุด พระองค์ก็ไม่ละทิ้งพระประสงค์ที่จะช่วยเรา
แม้ว่าพระองค์จะถูกข่มเหง ทะเลาะวิวาท
และถูกบดขยี้ด้วยความโกรธของคนบาป พระองค์ก็ทรงรักพวกเขาจนถึงที่สุด แม้ว่าพระองค์จะยอมสละชีวิตของตนด้วยการเชื่อฟังและยอมจำนนต่อความตาย
แต่พระองค์ก็ทรงมีชัยเหนือความตายในการฟื้นคืนพระชนม์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์
โดยผ่านความอัปยศอดสูอย่างที่สุด พระเยซูทรงได้รับการยกย่องให้ได้รับพระนามเหนือนามทั้งปวง และเปิดทางให้เราไปสู่ชีวิตนิรันดร์กับพระเจ้า
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
todaydevotional.com
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น