อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน
วันที่ 300 ความไร้ประโยชน์ของการตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์
พระเยซูทรงรักษาชายตาบอดแต่กำเนิด
39พระเยซูตรัสว่า “เราเข้ามาในโลกนี้เพื่อการพิพากษา
เพื่อให้คนตาบอดมองเห็นได้และให้คนที่มองเห็นได้กลับตาบอด”
40ฟาริสีบางคนที่อยู่กับพระองค์ได้ยินเช่นนั้นก็ทูลถามว่า “อะไรกัน? เราตาบอดด้วยหรือ?”
41พระเยซูตรัสว่า “ถ้าท่านตาบอดท่านก็คงจะไม่มีความผิดบาป
แต่นี่ท่านอ้างว่าตัวเองมองเห็น บาปผิดของท่านจึงยังคงอยู่
ยอห์น 9: 39-41
การตำหนิผู้อื่นสำหรับปัญหาของเราคือความไร้ประโยชน์อย่างมาก แต่การกล่าวโทษคนอื่น
ๆ เป็นงานอดิเรกที่มนุษย์ชื่นชอบ ทำไมนะเหรอ? เพราะการตำหนินั้นง่ายกว่าการลงมือแก้ไขและการวิจารณ์คนอื่นนั้นง่ายกว่าการปรับปรุงตัวเราเอง
ดังนั้นแทนที่จะแก้ปัญหาของเราอย่างถูกต้อง (โดยการทำงานที่จำเป็นเพื่อเร่งแก้ปัญหา)
เรามีแนวโน้มที่จะหงุดหงิดเริ่มตำหนิและวิจารณ์แต่มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้เลย
คุณเคยมีนิสัยที่ไม่ดีในการตำหนิผู้อื่นสำหรับปัญหาที่คุณทำไว้หรือควรแก้ไขด้วยตัวเองหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณไม่เพียง แต่ไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น
แต่คุณยังต้องเสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นแทนที่คุณจะเอาแต่มองหาคนที่จะมาตำหนิให้คุณมองหาสิ่งที่คุณควรจะแก้ไขแล้วยุ่งอยู่กับการแก้ไขสิ่งนั้นให้ถูกต้อง
และเมื่อคุณพิจารณาดูสถานการณ์ของคุณเอง โปรดจำไว้ว่า:
พระเจ้ามีวิธีช่วยเหลือผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองก่อนเสมอ แต่พระองค์จะไม่ใช้เวลามากกับผู้ที่ไม่คิดจะทำอะไรให้ถูกต้องหรือผู้ที่จดจ่อกับการตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น
ข้อคิด
หากคุณรับผิดชอบต่อการกระทำของคุณคุณจะมุ่งแก้ปัญหาไปในทิศทางที่ถูกต้อง
หากคุณพยายามที่จะตำหนิและวิพากษ์ วิจารณ์คนอื่นคุณกำลังมุ่งหน้าไปสู่ทางตัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น