อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน
วันที่ 116 การแสวงหาความจริงของพระเจ้า
24และเพื่อสวมตัวตนใหม่ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างขึ้นให้เป็นเหมือนพระองค์ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง
25เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายต้องทิ้งสิ่งจอมปลอมและพูดความจริงต่อเพื่อนบ้านของตน
เพราะเราทั้งปวงล้วนเป็นอวัยวะในกายเดียวกัน
เอเฟซัส 4:24-25
คุณให้ความสำคัญในการศึกษาพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าบ้างหรือไม่? หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะท้ายที่สุดพระคัมภีร์เป็นแนวทางสำหรับการดำเนินชีวิตบนโลกนี้ของเราและเพื่อยกระดับนิรันดร์
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะแสวงหาพระเจ้า
ความปรารถนาใฝ่ฝันของเรา เพื่อความจริงและความสุขนั้น
สุดท้ายแล้วก็คือการแสวงหาผู้ที่จะทรงช่วยเหลือเราอย่างแท้จริง
ทำให้เราพึงพอใจอย่างแท้จริง และทรงใช้เราในงานของพระองค์
บุคคลจะเป้นตัวของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ก็ต่อเมืองเขาได้พบพระเจ้า
“ผู้ใดแสวงหาความจริงก็แสวงหาพระเจ้า ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม”
(นักบุญเอดิธ สไตน์ )และที่สำคัญเราต้องแบ่งปันข่าวดีกับโลกนี้
คำพูดของมัทธิว 4: 4 เตือนเราว่า "พระเยซูตรัสตอบว่า
“มีคำเขียนไว้ว่า
‘มนุษย์ไม่อาจดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวแต่ดำรงชีวิตด้วยทุกถ้อยคำจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’"
ในฐานะผู้เชื่อเราต้องศึกษาพระคัมภีร์และใคร่ครวญถึงความหมายที่มีต่อชีวิตของเรา
มิฉะนั้นเราจะกีดกันตนเองออกจากของขวัญล้ำค่าจากพระบิดาของเรา
คริสตชนคาทอลิกในบ้านเราไม่ได้รับการแนะนำ ให้อ่านพระคัมภีร์มาในอดีต
เราเพิ่งจะมาส่งเสริมให้คริสตชนฆราวาสอ่านพะคัมภีร์
เมื่อไม่นานมานี้และหลายๆคนก็มองไม่เห็นประโยชน์ของการอ่านพระคัมภีร์
เพราะคิดว่าการได้ฟังพระสงฆ์เทศน์ในวัดแต่ละอาทิตย์ก็เพียงพอแล้วโดยไม่จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่ชีวิตของคริสตชนมีเหตุการณ์ต่างๆ
เกิดในชีวิตของเราเป็นประจำวันและปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราก็ไม่ตรงกับบทเทศน์ในวันอาทิตย์นั้นที่เราได้ยินมา
ดังนั้นเราก็ไม่รู่ว่าจะทำการแก้ไขปัญหาที่มีในชีวิตของเราอย่างไร
แต่ถ้าเราได้อ่านพระคัมภีร์ซึ่งเป็นพระวาจาของพระเจ้า
พระองค์จะสอน ว่าเราจะต้องทำตัวอย่างไร
เมื่อมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ซึ่งเราจะค้นหาได้จากพระคัมภีร์
ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาของเราได้ทันที
แต่ก็ช่วยบรรเทาปัญหาของเราได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ที่สำคัญของการอ่านพระคัมภีร์ก็คือ
1.
เราจำเป็นจะต้องรู้พระวจนะของพระเป็นเจ้าและเข้าใจพระวจนะของพระเป็นเจ้า
เพื่อจะได้ทราบถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าว่าพระองค์ทรงรักอย่างไรและพระองค์ทรงพระประสงค์ให้เราปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า
สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเรียนคำสอนนั้นเป็นแต่เพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งที่สำคัญของพระคัมภีร์เท่านั้นเอง
แต่เราจะเข้าใจพระเป็นเจ้ามากขึ้น
รู้จักพระองค์มากขึ้นและรู้พระวาจาหรือคำสอนของพระองค์มากขึ้นจากการอ่านพระคัมภีร์
2.
เราจำเป็นต้องรู้พระวจนะของพระเป็นเจ้าเพื่อเราจะได้สามารถมีชีวิตจิตที่เจริญเติบโตขึ้นไม่ใช่เป็นเด็กแคระแกรนอยู่อย่างเดิม
แต่เราจำเป็นต้องเจริญเติบโตขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตวิญญาณของเรา
เพื่อเราจะได้พบกับความรอดเมื่อเราจากโลกนี้ไปแล้ว
3.
เราจำเป็นต้องรู้พระวจนะของพระเป็นเจ้าเพื่อเราจะได้นำมาใช้เป็นเกราะป้องกันศัตรูฝ่ายวิญญาณของเรา
เหมือนกับที่พระเยซูเจ้าได้ถูกมารผจญหลังจากที่พระองค์จำศีลเป็นเวลา
40 วัน 40 คืน
ตาพระองค์ก็ได้นำพระคัมภีร์มาใช้เป็นเกราะป้องกันพระองค์ให้พ้นจากการล่อลวงของมารร้าย
4. เราจำเป็นต้องรู้พระวจนะของพระเจ้า
เพื่อเมื่อเราพบปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในชีวิตของเรา
เราจะได้รู้ว่าเราจะจัดการกับปัญหานั้นอย่างไร
อย่างถูกต้องและมีเป้าหมายโดยอาศัยพระวจนะของพระเจ้ามาเป็นแนวทางการตัดสินใจที่ถูกต้องของเรา
นี่คือบางสิ่งบางอย่างที่เราได้จากการอ่านพระคัมภีร์และเราจำเป็นจะต้องอ่านพระคัมภีร์เพื่อจะได้มาใช้กับชีวิตของเรา
ข้อคิด
เราไม่ควรหยุดศึกษาพระวจนะของพระเจ้า
แม้ว่าคุณจะศึกษาพระคัมภีร์มาหลายปีแล้วก็ตามแต่คุณก็ยังมีอะไรอีกมากมายให้เรียนรู้
การศึกษาพระคัมภีร์ควรเป็นความพยายามที่เราทุกคนต้องทำไปตลอดชีวิต การอ่านพระคัมภีร์จึงเป็นการนำพระวาจาอันทรงชีวิตของพระเป็นเจ้ามาใช้กับชีวิตของเรา
และทำให้เราได้พบกับความสุขและสันติกับพระเจ้าอย่างแท้จริง
ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
kamsondeedee.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น