วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2563

การแสวงหาความจริงของพระเจ้า




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
วันที่ 116 การแสวงหาความจริงของพระเจ้า
24และเพื่อสวมตัวตนใหม่ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างขึ้นให้เป็นเหมือนพระองค์ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง
25เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายต้องทิ้งสิ่งจอมปลอมและพูดความจริงต่อเพื่อนบ้านของตน เพราะเราทั้งปวงล้วนเป็นอวัยวะในกายเดียวกัน
เอเฟซัส 4:24-25

คุณให้ความสำคัญในการศึกษาพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าบ้างหรือไม่? หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะท้ายที่สุดพระคัมภีร์เป็นแนวทางสำหรับการดำเนินชีวิตบนโลกนี้ของเราและเพื่อยกระดับนิรันดร์ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะแสวงหาพระเจ้า ความปรารถนาใฝ่ฝันของเรา เพื่อความจริงและความสุขนั้น สุดท้ายแล้วก็คือการแสวงหาผู้ที่จะทรงช่วยเหลือเราอย่างแท้จริง ทำให้เราพึงพอใจอย่างแท้จริง และทรงใช้เราในงานของพระองค์ บุคคลจะเป้นตัวของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ก็ต่อเมืองเขาได้พบพระเจ้า “ผู้ใดแสวงหาความจริงก็แสวงหาพระเจ้า ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม” (นักบุญเอดิธ สไตน์ )และที่สำคัญเราต้องแบ่งปันข่าวดีกับโลกนี้

คำพูดของมัทธิว 4: 4 เตือนเราว่า "พระเยซูตรัสตอบว่า “มีคำเขียนไว้ว่า ‘มนุษย์ไม่อาจดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวแต่ดำรงชีวิตด้วยทุกถ้อยคำจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’" ในฐานะผู้เชื่อเราต้องศึกษาพระคัมภีร์และใคร่ครวญถึงความหมายที่มีต่อชีวิตของเรา มิฉะนั้นเราจะกีดกันตนเองออกจากของขวัญล้ำค่าจากพระบิดาของเรา  

คริสตชนคาทอลิกในบ้านเราไม่ได้รับการแนะนำ ให้อ่านพระคัมภีร์มาในอดีต เราเพิ่งจะมาส่งเสริมให้คริสตชนฆราวาสอ่านพะคัมภีร์ เมื่อไม่นานมานี้และหลายๆคนก็มองไม่เห็นประโยชน์ของการอ่านพระคัมภีร์ เพราะคิดว่าการได้ฟังพระสงฆ์เทศน์ในวัดแต่ละอาทิตย์ก็เพียงพอแล้วโดยไม่จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติม  แต่ชีวิตของคริสตชนมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดในชีวิตของเราเป็นประจำวันและปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราก็ไม่ตรงกับบทเทศน์ในวันอาทิตย์นั้นที่เราได้ยินมา ดังนั้นเราก็ไม่รู่ว่าจะทำการแก้ไขปัญหาที่มีในชีวิตของเราอย่างไร แต่ถ้าเราได้อ่านพระคัมภีร์ซึ่งเป็นพระวาจาของพระเจ้า พระองค์จะสอน ว่าเราจะต้องทำตัวอย่างไร เมื่อมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ซึ่งเราจะค้นหาได้จากพระคัมภีร์ ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาของเราได้ทันที แต่ก็ช่วยบรรเทาปัญหาของเราได้เป็นอย่างดี

ประโยชน์ที่สำคัญของการอ่านพระคัมภีร์ก็คือ
1. เราจำเป็นจะต้องรู้พระวจนะของพระเป็นเจ้าและเข้าใจพระวจนะของพระเป็นเจ้า เพื่อจะได้ทราบถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าว่าพระองค์ทรงรักอย่างไรและพระองค์ทรงพระประสงค์ให้เราปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า

         สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเรียนคำสอนนั้นเป็นแต่เพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งที่สำคัญของพระคัมภีร์เท่านั้นเอง แต่เราจะเข้าใจพระเป็นเจ้ามากขึ้น รู้จักพระองค์มากขึ้นและรู้พระวาจาหรือคำสอนของพระองค์มากขึ้นจากการอ่านพระคัมภีร์

2. เราจำเป็นต้องรู้พระวจนะของพระเป็นเจ้าเพื่อเราจะได้สามารถมีชีวิตจิตที่เจริญเติบโตขึ้นไม่ใช่เป็นเด็กแคระแกรนอยู่อย่างเดิม แต่เราจำเป็นต้องเจริญเติบโตขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตวิญญาณของเรา เพื่อเราจะได้พบกับความรอดเมื่อเราจากโลกนี้ไปแล้ว

3. เราจำเป็นต้องรู้พระวจนะของพระเป็นเจ้าเพื่อเราจะได้นำมาใช้เป็นเกราะป้องกันศัตรูฝ่ายวิญญาณของเรา เหมือนกับที่พระเยซูเจ้าได้ถูกมารผจญหลังจากที่พระองค์จำศีลเป็นเวลา 40 วัน 40 คืน ตาพระองค์ก็ได้นำพระคัมภีร์มาใช้เป็นเกราะป้องกันพระองค์ให้พ้นจากการล่อลวงของมารร้าย

4. เราจำเป็นต้องรู้พระวจนะของพระเจ้า เพื่อเมื่อเราพบปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในชีวิตของเรา เราจะได้รู้ว่าเราจะจัดการกับปัญหานั้นอย่างไร อย่างถูกต้องและมีเป้าหมายโดยอาศัยพระวจนะของพระเจ้ามาเป็นแนวทางการตัดสินใจที่ถูกต้องของเรา

        นี่คือบางสิ่งบางอย่างที่เราได้จากการอ่านพระคัมภีร์และเราจำเป็นจะต้องอ่านพระคัมภีร์เพื่อจะได้มาใช้กับชีวิตของเรา

ข้อคิด
เราไม่ควรหยุดศึกษาพระวจนะของพระเจ้า แม้ว่าคุณจะศึกษาพระคัมภีร์มาหลายปีแล้วก็ตามแต่คุณก็ยังมีอะไรอีกมากมายให้เรียนรู้ การศึกษาพระคัมภีร์ควรเป็นความพยายามที่เราทุกคนต้องทำไปตลอดชีวิต  การอ่านพระคัมภีร์จึงเป็นการนำพระวาจาอันทรงชีวิตของพระเป็นเจ้ามาใช้กับชีวิตของเรา และทำให้เราได้พบกับความสุขและสันติกับพระเจ้าอย่างแท้จริง


ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
kamsondeedee.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...