วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

เป็นบุตรที่รัก เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า

 


เป็นบุตรที่รัก เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า

พระเจ้าทรงพอพระทัยในคนที่รักพระองค์และต้องการทำตามพระประสงค์ของพระองค์ แม้ว่าพวกเขาจะสะดุดบ้างก็ตาม

 

อ่านเอเฟซัส 5:1-10

1เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเลียนแบบพระเจ้าให้สมกับเป็นบุตรที่รัก 2และจงดำเนินชีวิตในความรักเหมือนที่พระคริสต์ทรงรักเราทั้งหลาย และประทานพระองค์เองเพื่อเราเป็นเหมือนของถวายอันมีกลิ่นหอมและเครื่องบูชาแด่พระเจ้า

 

ในฐานะผู้เชื่อ เราควรจะเลียนแบบพระเยซู นั่นอาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้สำหรับเรา เพราะพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า! อันที่จริง พระเจ้าพระบิดาทรงรับรองหลายครั้งด้วยซ้ำว่า “ผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา ซึ่งเราพอใจมาก” (มัทธิว 3:17)  แล้วเราจะดำเนินชีวิตอย่างไรดีเพื่อให้สมกับเป็นบุตรที่รักของพระองค์?

 

โชคดีที่พระเจ้าไม่คาดหวังให้เราสมบูรณ์แบบ พระองค์รู้ว่าเรายังเรียนรู้อยู่  พระองค์ก็เป็นเช่นเดียวกันกับพ่อแม่ที่ชื่นชมยินดีกับก้าวแรกของทารก พระบิดาบนสวรรค์ของเราก็ทรงปีติยินดีกับย่างก้าวของเราเมื่อเราพยายามเดินกับพระองค์ เป้าหมายคือการเติบโต เมื่อลูกเริ่มหัดเดิน ความสุขของพ่อแม่จะเปลี่ยนไปสู่ความสำเร็จที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดังนั้น ตราบใดที่เรายังเติบโตในความเชื่อ เราจะไม่หยุดเรียนรู้วิธีใหม่ๆ เพื่อทำให้พระบิดาพอพระทัย พระองค์ทรงรักเราและให้กำลังใจเราอย่างอดทน

 

สิ่งสำคัญสำหรับพระเจ้าคือใจของเรา ท่ามกลางความอ่อนแอ ความล้มเหลว และการล่อลวงทั้งหมดของเรา พระเจ้าทรงเห็นความคิดและแรงจูงใจที่ลึกที่สุดในใจของเรา พระองค์ทรงทราบว่าเรารักพระองค์และปรารถนาจะเชื่อฟังเพียงใด แม้ในยามที่เราสะดุด พระองค์ก็ทรงช่วยเราและหนุนใจเราด้วยพระวจนะของพระองค์

 

หากคุณมีแนวโน้มที่จะชอบความสมบูรณ์แบบ ลองให้เวลาตัวเองเพื่อที่จะเติบโต นั่นคือสิ่งที่พระบิดาทรงทำ ดังนั้นจงเรียนรู้ที่จะเห็นตัวเองผ่านสายพระเนตรของพระองค์ พระองค์กำลังรอ ไม่ใช่เพื่อประณามความพยายามที่ล้มเลว หรือการสะดุดล้มของคุณแต่เพื่อช่วยให้คุณได้พัฒนาและเป็นคนที่พระองค์ได้ทรงออกแบบให้คุณเป็น

 

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 intouch.org

 ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


การควบคุมตนเอง

 


การควบคุมตนเอง

พวกเขาแปลกใจที่บัดนี้ท่านไม่กระโจนเข้าร่วมสำมะเลเทเมากับพวกเขาจึงด่าว่าท่าน

— 1 เปโตร 4:4

 

เรื่องราวของเราทุกคนแตกต่างและไม่เหมือนใคร บางคนเกิดในบ้านที่มีการสอนศีลธรรมและจริยธรรมอย่างเคร่งครัด และพวกเขาก็ปฏิบัติตามสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจังตั้งแต่วันแรกของพวกเขา แต่บางคนก็เติบโตมาในบ้านแบบคำอุปมาเรื่อง”บุตรที่หลงหาย” (ดู ลูกา 15:11-24) และยังมีคนอื่นๆ อีกมากมายที่ถูกเลี้ยงดูมานอกเหนือจากบ้านที่เคร่งครัดศาสนาแต่ก็ยังคงปฏิบัติตามศีลธรรมทางวัฒนธรรม  

 

หากไม่ต้องคำนึงถึงภูมิหลังของเรา ตอนนี้เราถูกเรียกให้เป็นผู้เชื่อเพื่อดำเนินชีวิตตามแบบที่พระเจ้ากำหนดไว้สำหรับเราในพระวจนะของพระองค์ เราพบรูปแบบนี้ในหลายแห่งในพระคัมภีร์ เช่น เอเฟซัส 4-5 โคโลสี 3 และ 1 เปโตร 4:1-11 การอ่านข้อความเหล่านี้อย่างใกล้ชิดแสดงให้เห็นความคล้ายคลึงกันอย่างมากกับบัญญัติสิบประการของอพยพ 20 และเฉลยธรรมบัญญัติ 5

 

ข่าวดีสำหรับเราคือ เมื่อเราดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะพบว่าธรรมชาติเก่าที่เป็นบาปของเราค่อยๆ สูญเสียการควบคุมเราไป “รสนิยม” ของเราต่อความปรารถนาและพฤติกรรมที่เป็นบาปจะค่อยๆ จางหายไป วิถีการดำเนินชีวิตของพระเจ้านั้นมีรสชาติที่หอมหวานมากขึ้นเมื่อเราเลือกดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ

 

แม้ว่าผลไม้ส่วนใหญ่จะให้รสหวาน แต่ไม่มีผลไม้ใดหวานเท่ากับผลของพระวิญญาณ

 

ข้าแต่พระบิดาบนสวรรค์ ลูกขอบคุณที่ทำให้ลูกหลุดพ้นจากความปรารถนาที่เป็นบาปและวิถีเดิมๆ โปรดแสดงให้ลูกเห็นว่าการดำเนินชีวิตตามแนวทางของพระวิญญาณเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการดำเนินชีวิต ในพระนามพระเยซู อาเมน


ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 todaydevotional.com

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

พระคุณแห่งการให้

 


พระคุณแห่งการให้

ผู้ที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการแบ่งปันอย่างเอื้อเฟื้อจะได้รับความสุขจากพระองค์

 

อ่าน 2 โครินธ์ 8:1-7

6ดังนั้นเราจึงกระตุ้นทิตัสซึ่งเป็นผู้ริเริ่มงานนี้ให้สานต่อการจุนเจือด้วยใจเมตตาในส่วนของพวกท่านจนลุล่วง 7แต่เหมือนที่ท่านเป็นเลิศในทุกด้าน ไม่ว่าในความเชื่อ ในวาจา ในความรู้ ในความกระตือรือร้นอย่างเต็มเปี่ยมและในความรักที่ท่านมีต่อเรา ก็ขอให้ท่านเป็นเลิศในการให้ด้วยใจเมตตานี้เช่นกัน

 

ในข้อ 7 ของข้อความวันนี้ เปาโลเขียนว่า “ขอให้ท่านเป็นเลิศในการให้ด้วยใจเมตตานี้เช่นกัน” (NIV) เรามาดูตัวอย่างจากในพระคัมภีร์แบบอย่างของความเอื้ออาทร

 

ในมาระโก 12:41-44 พระเยซูทรงยกย่องหญิงม่ายยากจนสำหรับการเสียสละของเธอ พระองค์ตรัสเปรียบเทียบเธอกับคนทั้งปวงที่ล้วนแต่เอาส่วนหนึ่งจากความมั่งคั่งของพวกเขามาถวาย แต่หญิงม่ายคนนี้ทั้งที่เธอยากจนแต่เธอก็ยังเอาทุกสิ่ง คือทั้งหมดที่นางมีไว้เลี้ยงชีพมาถวาย (ข้อ 44) เมื่อเราวางใจพระเจ้าในเรื่องการเงินของเราเหมือนที่ผู้หญิงคนนี้ได้วางใจ ไม่ว่าเราจะมีน้อยหรือมากเพียงใด เราจะเป็นเลิศในพระคุณแห่งการให้

 

ความคิดแบบเสียสละสามารถพบได้ในคริสตจักรยุคแรกเช่นกัน ผู้เชื่อใหม่เหล่านั้นกระตือรือร้นที่จะขายทรัพย์สินของตนและนำมาแบ่งปันให้แต่ละคนตามความต้องการ (ดูกิจการ 2:45) เพราะความเอื้ออาทรของพวกเขา พระเจ้าจึงอวยพรพวกเขาด้วยใจที่ยินดี พวกเขาได้รับความโปรดปรานจากผู้คน และเพิ่มพูนมากขึ้น

 

คริสตจักรมาซิโดเนียจากข้อพระคัมภีร์วันนี้เราได้เข้าใจถึงความสำคัญของการให้เช่นกัน แม้ว่าผู้เชื่อเหล่านี้จะยากจนมาก เปาโลกล่าว 2จากการทดลองอย่างหนักหน่วงที่สุด ความชื่นชมยินดีอันล้นพ้นและความยากไร้เป็นอย่างยิ่งของพวกเขานั้นก็เอ่อล้นเป็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ 3เพราะข้าพเจ้าเป็นพยานได้ว่าพวกเขาถวายสุดความสามารถ ที่จริงเกินความสามารถก็ว่าได้ และด้วยความสมัครใจของเขาเอง 4เขาได้คะยั้นคะยอขอรับสิทธิพิเศษที่จะมีส่วนร่วมในการรับใช้นี้เพื่อประชากรของพระเจ้า” (ข้อ 2, 4 NIV)

 

พระเจ้าทรงคาดหวังให้เราให้และให้ด้วยความยินดี (2 โครินธ์ 9:7) และด้วยพระคุณของพระองค์ พระองค์ทรงจัดเตรียมแบบอย่างไว้ในพระคัมภีร์เพื่อช่วยให้เราเรียนรู้วิธีการ วิธีหนึ่งที่คุณสามารถเป็นผู้ให้ได้มากขึ้นคืออะไร? รีบหาคำตอบให้กับตนเอง

 

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 intouch.org

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot

 


พูดความจริงด้วยความรัก

 


พูดความจริงด้วยความรัก

 

การพูดความจริงด้วยความรัก เราจะเติบโตขึ้นในทุกสิ่งสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์

เอเฟซัส 4:15

 

สุภาษิต 16:24 “วาจาอ่อนโยนเปรียบเหมือนน้ำผึ้ง หวานชื่นแก่จิตวิญญาณและเป็นยารักษาชีวิต”  คำพูดบางคำที่เลือกสรรมาอย่างดีจะหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง แต่คำที่ไม่สุภาพและเลือกไม่ดีอาจสร้างความเสียหายหรือแม้กระทั่งทำลายความสัมพันธ์ได้

 

พระวิญญาณบริสุทธิ์เรียกเราให้พูดความจริงด้วยความรัก เราไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างที่เป็นความจริง และหากความรักไม่ใช่แรงจูงใจสำหรับสิ่งที่เราอยากจะพูด เราก็ควรเลือกที่จะนิ่งเงียบ เพราะการพูดสิ่งต่าง ๆ นั้นมีทั้งทางถูกและทางผิด คือทำให้ขุ่นเคืองหรือทำให้ยินดี เสริมสร้าง หรือทำลาย ดังนั้นเมื่อเรารู้ว่าความรักม่ใช่แรงจูงใจสำหรับเรื่องที่เรากำลังจะพูดแต่มันมาจากอารมณ์ของเราเองมากกว่า  เราก็ควรรู้ว่าเวลาใดเราควรพูดและเวลาใดเราควรเงียบ

 

มันง่ายที่เราจะแก้ตัวสำหรับคำพูดที่เราเลือกไม่ดี  เรามักจะคิดและพูดในทำนองว่า “ก็ฉันเป็นคนขวานผ่าซาก” หรือ “ก็นั่นคือธรรมชาติของฉัน” หรือ “ก็ฉันแค่พูดตามที่เห็น”

 

อย่างไรก็ตาม มีความหวังสำหรับบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า ในเอเฟซัส 4 เปาโลให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการละทิ้งความเท็จและพูดความจริง หลีกเลี่ยงการพูดที่ไม่มีประโยชน์ และหัดพูดเสริมสร้างผู้อื่น เพราะเมื่อเราดำเนินกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราได้รับการเปลี่ยนแปลง ด้วยความช่วยเหลือของพระวิญญาณ เราสามารถเปลี่ยนวิธีการพูดของเราได้ทั้งในบ้านและที่ทำงาน ในโบสถ์ของเรา และในโลกนี้

 

ข้าแต่พระบิดา โปรดช่วยเรารู้จักเลือกคำพูดของเราอย่างระมัดระวัง พูดในสิ่งที่จะเสริมสร้างผู้อื่นให้มีศรัทธาแทนที่จะพูดเพื่อทำร้ายและทำให้คนอื่นร้องไห้ และขอให้คำพูดของเราเป็นที่ดึงดูดสำหรับคนทุกคนที่ยังไม่รู้จักพระองค์  ในพระนามพระเยซู อาเมน


ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 todaydevotional.com

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

การเป็นผู้ให้ที่ใจกว้าง

 


การเป็นผู้ให้ที่ใจกว้าง

ใช้เวลาพิจารณาของขวัญทั้งหมดที่คุณจะได้รับในวันนี้เพราะความดีของพระเจ้า

 

อ่าน 2 โครินธ์ 9:6-8

หว่านด้วยใจกว้างขวาง

6จงจำไว้ว่าผู้ที่หว่านอย่างตระหนี่ก็จะเก็บเกี่ยวได้น้อย ผู้ที่หว่านด้วยใจกว้างขวางก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก 7แต่ละคนควรให้ตามที่คิดหมายไว้ในใจ ไม่ใช่อย่างลังเลหรือเพราะถูกผลักดัน เพราะพระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี 8และพระเจ้าทรงสามารถประทานพระคุณทุกประการอย่างล้นเหลือแก่ท่าน เพื่อว่าท่านจะมีทุกอย่างที่จำเป็นอยู่ทุกเวลา และท่านจะมีล้นเหลือสำหรับการดีทุกอย่าง

 

เรารู้ว่าเราควรใจกว้างต่อเพื่อนมนุษย์ แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าพระเจ้าทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเราทุกวิถีทาง พระองค์ทรงปั้นเราตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาด้วยความเอาใจใส่อันอ่อนโยนด้วยความรัก และให้ชีวิตแก่เรา (สดุดี 139:13) พระองค์ทรงสร้างโลกที่เราอาศัยอยู่และจัดหาอากาศ น้ำ อาหาร และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ตลอดจนพระอาทิตย์ตกดิน ผีเสื้อ ดอกไม้ และเสียงหัวเราะ

 

ในความรอด เราได้รับของประทานเพิ่มเติม เช่น การยกโทษบาป ชีวิตนิรันดร์ การรับเข้าเป็นครอบครัวของพระเจ้า และบ้านบนสวรรค์ เรายังได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตอยู่ในเราและประทานสติปัญญา การนำทาง และการปลอบโยน แม้เราไม่สมควรได้รับสิ่งนี้และเราไม่สามารถได้รับมัน แต่พระบิดาก็ทรงมอบให้ฟรีสำหรับทุกคนที่เชื่อในพระเยซู

 

เมื่อเรานึกถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่พระเจ้ามีต่อเรา เราควรขยายความเอื้ออาทรนั้นไปยังผู้อื่น โดยการเป็นผู้ให้ด้วยใจกว้าง จงจำความจริงเหล่านี้ไว้ เรากำลัง ...

เลียนแบบพระเยซูเมื่อเราได้(ให้)หว่านด้วยใจกว้างขวาง

ถวายเกียรติแด่พระเจ้าเมื่อเราเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ในการเป็นผู้ให้

การขยายงานของพระองค์ผ่านการสนับสนุนชุมชน/คริสตจักรของเรา

 

การจะเป็นคนใจกว้างได้เราต้องมีหัวใจที่รักองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงเปลี่ยนแปลงเราแต่ละคนให้เป็นคนที่มีความสุขในการให้ และพระเจ้าทรงรักผู้ให้ด้วยใจที่ร่าเริง

 

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 intouch.org

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


ลิ้นที่เชื่อง

 


ลิ้นที่เชื่อง

 

5ลิ้นก็เช่นกันเป็นอวัยวะเล็กๆ แต่ชอบคุยโวโอ้อวด คิดดูเถิด ประกายไฟนิดเดียวอาจเผาป่าใหญ่ได้ 6ลิ้นก็เป็นเช่นไฟ เป็นโลกแห่งความชั่วร้ายท่ามกลางอวัยวะทั้งหลาย ลิ้นทำให้คนทั้งคนเสื่อมทรามไป ทำให้ชีวิตทั้งชีวิตลุกเป็นไฟและตัวมันเองก็ลุกเป็นไฟโดยนรก

ยากอบ 3:5-6

 

 ยากอบเขียนเอาว่าคำพูดที่เลือกสรรมาไม่ดีก็เปรียบเป็นเหมือนประกายไฟเล็กๆที่อาจก่อให้เกิดไฟกองใหญ่ ลุกลามเผาใหม้จนวอดวาย และนำมาซึ่งความเสียหายนับไม่ถ้วน เมื่อเรื่องซุบซิบเล็กๆ น้อยๆ ดำเนินไปตามทาง แล้วใครจะรู้ละว่ามันจะสร้างความเสียหายได้มากมายขนาดไหน! เมื่อคำพูดที่ไม่ได้ระมัดระวังถูกพูดออกมา และทำให้คนๆ หนึ่งได้รับบาดเจ็บและมีรอยแผลในใจไปชั่วชีวิต มันคงน่าเศร้าที่ฉันอาจเป็นหนึ่งในคนที่พูดคำเหล่านั้นออกไป

 

ข่าวดีก็คือผลของพระวิญญาณคือการควบคุมตนเอง แม้ว่า “ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำให้ลิ้นเชื่องได้แต่พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าทำให้มันเชื่องได้ เมื่อเราเดินตามพระวิญญาณ เราจะสังเกตเห็นว่าพระวิญญาณช่วยให้เราควบคุมลิ้นของเรา และยากอบกล่าวว่า “ด้วยสติปัญญาที่มาจากสวรรค์” การควบคุมตนเองในด้านอื่นๆ ของชีวิตจึงตามมา สติปัญญาของพระเจ้านำมาซึ่งสันติสุข ความรัก ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเมตตา และผลอันดีสำหรับชีวิตตามที่พระเจ้าประสงค์ให้เป็น

 

ข้าแต่พระบิดาบนสวรรค์ โปรดช่วยเราควบคุมลิ้นของเรา ขอให้คำพูดของเรานำเกียรติและศักดิ์ศรีมาสู่พระองค์ เราอธิษฐานในพระนามพระเยซู อาเมน


 ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 todaydevotional.com

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot

 


วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ฟังพระเจ้าและตอบสนองด้วยความกล้าหาญ

 


ฟังพระเจ้าและตอบสนองด้วยความกล้าหาญ

โปรดจำไว้ว่าการยอมเสี่ยงต่อน้ำพระทัยของพระเจ้านั้นปลอดภัยกว่าการยึดมั่นในความปลอดภัยนอกพระประสงค์ของพระองค์เสมอ

 

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการข้อคิดฝ่ายวิญญาณนี้ ให้คุณเผื่อเวลาไว้อ่านพระคัมภีร์ที่อ้างถึงตลอดด้วยนะคะ

 

บางครั้งพระเจ้าทรงเรียกเราให้มีส่วนร่วมในพันธกิจของพระองค์ด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดาหรือแม้แต่ทำให้สับสน สถานการณ์เหล่านี้อาจขอให้เราก้าวออกจากสิ่งที่ทำอยู่ตามปกติและลองเสี่ยงทำในสิ่งใหม่ ยอมเสียสละ ยอมลำบาก หรือแม้แต่ยอมทนทุกข์เพื่อผู้อื่น คุณเคยรู้สึกว่าถูกเรียกให้ออกไปทำสิ่งที่ไม่ธรรมดานอกเหนือไปจากกิจวัตรประจำวันของคุณหรือไม่?

 

สำหรับคริสเตียนบางคนมันอาจดูเหมือนกับการรับสาย-รับคำสั่งย้ายไปทำงานต่างประเทศเพื่อแบ่งปันข่าวประเสริฐให้กับกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึง หรือ สำหรับบางคนอาจหมายถึงการให้ที่มากกว่าปกติเพื่อช่วยให้คริสตจักรหรือชุมชนตอบสนองความต้องการ หรือบางคนก็อาจเกี่ยวข้องกับการเสี่ยงที่จะต้องไปสนับสนุนและอยู่เคียงข้างคนที่เขากำลังลำบาก แต่ไม่ใช่พวกเราทุกคนจะถูกเรียกให้ทำการใหญ่ หรือมีสัญญาณที่โจ่งแจ้งเสมอ  แต่เราทุกคนสามารถพยายามฟังพระเจ้าด้วยความกล้าหาญ โดยวางใจว่าพระองค์จะทรงนำทางเราในการใช้ของประทานจากพระองค์ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเช่นไรก็ตาม

 

ไตร่ตรอง

คุณพอจะจำช่วงเวลาที่พระเจ้าขอให้คุณทำในสิ่งที่ทำให้คุณไม่สบายใจหรือแม้แต่รู้สึกกลัวได้ไหม? แล้วคุณจัดการกับมันอย่างไร?

 

• 1 โครินธ์ 16:13 (NIV) กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายจงระมัดระวัง ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ เด็ดเดี่ยวกล้าหาญและเข้มแข็ง." แล้วการฟังพระเจ้าด้วยความกล้าหาญสำหรับคุณแล้วมันหมายความว่าอย่างไร?

 

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 intouch.org

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot

 


เทศกาลเพ็นเทคอสต์

 




เทศกาลเพ็นเทคอสต์

 

พระวิญญาณเสด็จมาในวันเพ็นเทคอสต์

1เมื่อถึงวันเพ็นเทคอสต์ พวกเขาทั้งหมดมารวมอยู่ในที่เดียวกัน 2ทันใดนั้นก็มีเสียงจากฟ้าสวรรค์เหมือนเสียงพายุกล้าดังก้องไปทั่วทั้งบ้านที่เขานั่งอยู่ 3พวกเขาเห็นสิ่งที่ดูเหมือนเปลวไฟรูปร่างคล้ายลิ้นกระจายออกและมาอยู่เหนือพวกเขาแต่ละคน 4ทุกคนเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และเริ่มพูดภาษาต่างๆ ตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พวกเขาสามารถพูดได้

กิจการ 2:1-4

17“ ‘พระเจ้าตรัสว่า ในวาระสุดท้าย

เราจะเทพระวิญญาณของเราลงเหนือประชากรทั้งปวง

บุตรชายบุตรสาวของเจ้าจะเผยพระวจนะ

คนหนุ่มของเจ้าจะเห็นนิมิต

คนชราของเจ้าจะฝันเห็น

18เมื่อถึงเวลานั้น เราจะเทวิญญาณของเรา

ลงมาเหนือผู้รับใช้ของเราทั้งชายและหญิง

และพวกเขาจะเผยพระวจนะ

กิจการ 2:17-18

 

วันเพ็นเทคอสต์ (Pentecost) เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญของชาวยิวที่ฉลองกันอยู่จนถึงปัจจุบัน วันเพ็นเทคอสต์อยู่ในวันที่ 50 นับจากเทศกาลปัสกา (Passover) ชาวยิวเรียกเทศกาลเพ็นเทคอสต์นี้ว่า Shavuot (שבועות or חג השבועות‎‎) แปลว่าสัปดาห์ พระคัมภีร์ใช้คำว่า Feast of the Week หรือเทศกาลสัปดาห์

 

จง​ถือ​เทศกาล​สัปดาห์ คือ​เทศกาล​เลี้ยง​ฉลอง​ผล​ต้น​ฤดู​เกี่ยว​ข้าว​สาลี และ​ถือ​เทศกาล​เลี้ยง​ฉลอง​การ​เ​ก็​บ​ผลิตผล​ใน​ปลายปี – อพยพ 34:22

 

นอกจากการฉลองการเก็บเกี่ยวผลแรกแล้ว ชาวยิวยังถือเป็นวันฉลองการรับหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส หรือโทราห์ด้วย

 

พระวิญญาณของพระเจ้าประทานให้อัครสาวกของพระเยซูสามารถพูดได้หลายภาษาในวันเพ็นเทคอสต์ซึ่งเขียนไว้ในกิจการบทที่ 2 และพระวิญญาณองค์เดียวกันยังช่วยให้เราสามารถพูดและทำสิ่งดี ๆ ได้ในวันนี้ โดยผ่านอำนาจของพระวิญญาณ อาณาจักรของพระเจ้ากำลังรุดหน้า พระองค์ทรงเรียกและเตรียมเราแต่ละคนให้เป็นพยานของพระองค์ในสถานการณ์ใดก็ตามที่เราอาจประสบ

 

สิ่งที่น่าสนใจคือหลังจากที่พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์แล้ว พระองค์ทรงสั่งสอนสาวกอยู่อีก 40 วัน จากนั้นทรงประทานพระมหาบัญชา และได้กำชับให้สาวกรออยู่ก่อนเพื่อรับฤทธิ์เดชจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์จะทรงประทานหลังจากที่พระองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ไปแล้ว (กจ.1:3–4)

 

เมื่อ​พระ​องค์​ได้​ทรง​พำนัก​อยู่​กับ​อัครทูต จึง​กำชับ​เขา​มิ​ให้​ออกไป​จาก​กรุง​เยรูซาเล็ม แต่​ให้​คอย​รับ​ตาม​พระ​สัญญา​ของ​พระ​บิดา คือ​พระ​องค์​ตรัส​ว่า “ตาม​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน​จาก​เรา​นั่น​แหละ”​ – กิจการฯ 1:4

 

ในวันเพ็นเทคอสต์นี้เอง ฤทธิ์เดชของพระวิญญาณฯ ได้เทลงมายังสาวกที่รอคอยอยู่ในเวลานั้น ต่างคนต่างพูดภาษาแปลกๆ (กจ.2:1–4) เป็นภาษาที่ชาวยิวและชาวต่างชาติผู้เข้ารีตยิวจากหลายประเทศแปลกใจว่าทำไมชาวกาลิลีถึงสามารถกล่าวคำสรรเสริญพระเจ้าในภาษาของเขาได้ เวลานั้นเองเปโตรและพวกอัครทูตจึงยืนขึ้นเทศนาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น และมีผู้เชื่อเข้ามาเป็นสาวกในเวลานั้นถึง 3,000 คนในคราวเดียว (กจ.2:41)

 

เปโตรจึงกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมา ในพระนามของพระเยซูคริสต์ให้หมดทุกคน เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านทั้งหลาย แล้วพวกท่านจะได้รับของประทานคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ – กิจการฯ 2:38

 

เหตุการณ์ในวันเพ็นเทคอสต์จึงถือเป็นเหตุการณ์ที่พิเศษมาก และยังถือเป็นวันกำเนิดคริสตจักรด้วย

  

วันนี้เราได้เฉลิมฉลองของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่การฉลองวันเพ็นเทคอสต์ของเราไม่ได้มีความหมายมากเท่ากับการมีชีวิตอยู่ด้วยคำพูดและการกระทำของเรา แต่ด้วยอำนาจของพระวิญญาณที่ทำงานผ่านเรา คำพูดและการกระทำที่เต็มไปด้วยผลของเราจะเป็นเครื่องมือที่พระเจ้าใช้เพื่อสร้างอาณาจักรของพระองค์

 

กล่าวโดยย่อ เทศกาลเพ็นเทคอสต์ในสมัยอัครสาวกเป็นงานฉลองการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่และยิ่งใหญ่ ถนนในกรุงเยรูซาเล็มคับคั่งไปด้วยผู้แสวงบุญหลายพันคนที่เดินทางมาจากทุกจุดของเข็มทิศเพื่อเฉลิมฉลองความดีของพระเจ้าและการนำข้าวสาลีเข้ามา วันเพ็นเทคอสต์จึงถือเป็นวันเกิดของพระศาสนจักร   เปโตร พระสันตะปาปาองค์แรกเทศนาเป็นครั้งแรกและเปลี่ยนผู้เชื่อใหม่หลายพันคน เป็นครั้งแรกที่เหล่าอัครสาวกและผู้เชื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยภาษาเดียวกัน มีความกระตือรือร้นและจุดประสงค์ร่วมกันที่จะไปประกาศข่าวประเสริฐ

 

ข้าแต่พระบิดาบนสวรรค์ ขอบคุณสำหรับของประทานแห่งพระวิญญาณที่เทลงมาบนผู้ติดตามพระเยซูในวันเพ็นเทคอสต์เมื่อนานมาแล้ว โปรดช่วยให้เราดำเนินชีวิตด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณในวันนี้และทุกๆ วัน ในนามพระเยซู อาเมน

 

 ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 todaydevotional.com

Christlike

National Catholic Register

 ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot

 


วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

เมื่อคุณท้อแท้ พระเจ้าอยู่กับคุณเสมอ

 


การจุดไฟขึ้นอีกครั้ง

หากคุณรู้สึกท้อแท้ การใช้เวลาพิเศษส่วนตัวกับพระบิดาบนสวรรค์คือสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุด

 

อ่าน 2 ทิโมธี 1:6-7

6ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงขอเตือนท่านว่าจงทำให้ของประทานของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในตัวท่านผ่านทางการวางมือของข้าพเจ้านั้นรุ่งเรืองขึ้น 7เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงให้เรามีใจขลาดอาย แต่ประทานใจอันเปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจ ความรัก และการรู้จักบังคับตนเองแก่เรา

 

เราทุกคนต่างก็ต้องเคยมีเรื่องให้เหนื่อยหน่ายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางทีสถานการณ์ที่ยากลำบากอาจทำให้เราท้อใจ หรือบางทีคุณอาจเดินต่อไปได้ก็จริงแต่ก็ไม่มีความสุข   เปาโลบอกทิโมธีว่าให้ “จุดประกายของประทานจากพระเจ้าที่อยู่ในตัวคุณอีกครั้ง” (2 ทธ.1:6) แล้วเราจะต้อวทำอย่างไร?

 

เติมเต็มพลังใจของเรา: คุกเข่าต่อหน้าพระเจ้าและขอให้พระองค์เติมเต็มคุณอีกครั้ง ตรวจสอบชีวิตของคุณ กลับใจจากบาป และยอมจำนนต่อพระองค์

 

โฟกัสใหม่: ไม่มีอะไรจะดับไฟได้เท่ากับการเพ่งสายตาไปที่ปัญหา เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราจดจ่อกับอุปสรรค สิ่งกีดขวางก็จะใหญ่ขึ้น แต่เมื่อเรามองมาที่พระคริสต์ พระองค์จะทรงเป็นใหญ่เหนือความยากลำบากใดๆ ที่เราเผชิญ

 

ปฏิเสธ: เมื่อเราล้มลง ปีศาจมักชอบกระซิบคำโกหกของมันในใจของเราว่า: คุณทำสิ่งนี้ไม่ได้หรอก ไม่มีใครชื่นชมคุณหรอก แล้วทำไมเราไม่เลิกคิด แล้วปฏิเสธมันไปละ  ถ้าเราตระหนักและรู้ว่าความคิดที่ท้อใจทั้งหมดนี้ล้วนมาจากปีศาจ จงรีบ  ปฏิเสธมันให้เร็ว

 

ถอยออกมา:แล้ว หนีไปกับพระเจ้า—อย่าปล่อยให้สิ่งใดมารบกวน—เพื่อที่คุณจะได้จุดประกายความสัมพันธ์ของคุณกับพระองค์อีกครั้ง

 

หลังจากผ่านขั้นตอนทั้งหมดนี้ คุณจะมีความกระตือรือร้นและความมุ่งมั่นอีกครั้ง แม้สถานการณ์ที่ยากลำบากอาจยังคงอยู่ แต่คุณพร้อมที่จะรับมือกับมัน เพราะคุณจะไม่ต้องรับมือกับมันเพียงลำพัง

 

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 intouch.org

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot

 


พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...