วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2566

พระเจ้าคือใคร? และ ฉันเป็นใคร?

 


คำถามสำคัญสามข้อที่คุณต้องค้นหาคำตอบ

มีอะไรบ้างที่มาขัดขวางไม่ให้คุณวางใจพระเจ้า  ?

อ่าน อพยพ 3:1-15

2ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่เขาเป็นเปลวไฟลุกโชนในพุ่มไม้ โมเสสเห็นว่าแม้ต้นไม้นั้นมีไฟลุกโชนก็ไม่ได้มอดไหม้

6จากนั้นพระองค์ตรัสว่า “เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ” เมื่อได้ฟังดังนั้นโมเสสจึงปิดหน้าตนเอง เพราะเขากลัวที่จะมองดูพระเจ้า

11แต่โมเสสทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์เป็นใครเล่าที่จะไปเฝ้าฟาโรห์ และนำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์?”

12และพระเจ้าตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้า นี่จะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้าว่า เราคือผู้ที่ส่งเจ้าไป คือเมื่อเจ้านำเหล่าประชากรออกจากอียิปต์แล้ว พวกเจ้าจะมานมัสการพระเจ้าบนภูเขานี้”

 

ในข้อพระคำวันนี้ โมเสสจำเป็นต้องรู้สามสิ่ง เพื่อถวายตัวแด่พระเจ้าอย่างแท้จริงด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ เราเองก็ต้องการคำตอบสำหรับคำถามสำคัญเหล่านี้ด้วยเช่นกัน:

 

1. พระเจ้าคือใคร? ในอพยพบทที่ 3 พระเจ้าทรงใช้พุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟเรียกความสนใจจากโมเสส แล้วจึงแนะนำพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษ (ข้อ 2, 6) พระเจ้าทรงย้ำถึงอัตลักษณ์ของพระองค์สี่ครั้งในข้อความสั้นๆ นี้ พระองค์รู้ว่าโมเสสไม่สามารถก้าวไปสู่ก้าวแรกของศรัทธาได้จนกว่าเขาจะรู้จักผู้ที่เขากำลังสนทนาด้วย ในทำนองเดียวกัน เราไม่สามารถมอบตัวเองแด่พระเจ้าได้ทั้งหมดจนกว่าเราจะมารู้จักพระองค์ในพระเยซูคริสต์ก่อน

 

2. ฉันเป็นใคร? เมื่อโมเสสรู้ว่าพระเจ้าคือใคร คำถามต่อไปของเขาทำให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจน:   ฉันรู้ว่าพระองค์เป็นใคร?  แต่ ฉันละเป็นใคร? (ข้อ 11) เป็นเรื่องมหัศจรรย์มิใช่หรือที่พระเจ้าทรงตอบคำถามของโมเสสด้วยพระสัญญา ในข้อ 12 พระองค์ทรงตอบโดยพื้นฐานว่า เราจะบอกเจ้าว่าเจ้าเป็นใคร—เจ้าคือคนที่เราจะอยู่ด้วย

 

3. แล้วทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่? พี่น้องที่รักทุกท่าน มีเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ให้เราเปิดอ่านพระธรรม  มัทธิว 5:16 โรม 15:5-6 1 โครินธ์ 6:19-20 และ 1 เปโตร 2:12 ข้อพระคำเหล่านี้ทำให้เห็นชัดเจนว่างานของเราคือ การทำให้ความสว่างของเรากระจ่างแจ้งต่อหน้าคนทั้งหลาย เพื่อเขาจะเห็นการดีของเราและสรรเสริญพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ และเพื่อนำพระสิริและพระเกียรติมาสู่พระบิดาของเราโดยการดำเนินชีวิต วิธีพูด และวิธีที่เรารักผู้อื่น

 

การรู้ความจริงเหล่านี้จะช่วยต่ออายุและเพิ่มพลังคำมั่นสัญญาของคุณต่อพระเจ้า วันนี้คุณได้ประทับตราสามคำถามสำคัญนี้ไว้ในใจและความคิดของคุณแล้วหรือยัง?

 

 ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

  intouch.org

 

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot

 


ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการเฝ้าเดี่ยว-วัยเรียน – ปฐมกาล 3:6

 


ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการเฝ้าเดี่ยว-วัยเรียน – ปฐมกาล 3:6

 

คุณเคยทำพลาดบ้างไหม?  คุณเคยพยายามที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องแต่กลับล้มเหลวอย่างต่อเนื่องบ้างหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณไม่ได้อยู่คนเดียว   วันนี้เรามาดูข้อผิดพลาดที่เอวาเคยได้ทำ 


เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าผลนั้นดี เหมาะเป็นอาหาร และยังงามน่าดู ทั้งน่าพึงปรารถนาเพราะจะช่วยให้เกิดปัญญา นางจึงนำผลไม้มากิน และให้สามีที่อยู่กับนาง และเขาก็กิน – ปฐมกาล 3:6  

 

เอวาทำผิดพลาด และมันก็ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว มีสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าขอไม่ให้เธอทำ แต่เธอก็ทำมันจนได้  ฉันแน่ใจว่าเธอคงรู้สึกแย่กับการตัดสินใจของเธอหลังจากที่เธอได้กินผลไม้แล้ว แต่ถึงเวลานั้นมันก็สายเกินไป เพราะมันได้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นแล้ว

 

เมื่อพูดถึงความผิดพลาด หลายคนอาจจะเข้มงวดกับตัวเองมาก จนบางครั้งก็ลืมที่จะมอบพระคุณให้กับตนเองเหมือนอย่างที่เราเคยมอบมันให้กับผู้อื่น   

 

พระคุณหมายความว่าพระเจ้าทรงมองว่าเราชอบธรรม ‘เป็นคนชอบธรรม’ (โรม5:ข้อ 19) ความชอบธรรมเป็นของประทานที่ได้มาโดยไม่เสียอะไรอันมาจากพระคุณของพระเจ้า ความบาปของเราไม่อาจเทียบได้กับการอภัยเชิงรุกที่เราเรียกว่าพระคุณได้ เมื่อเทียบความบาปกับพระคุณแล้ว พระคุณนั้นชนะอย่างง่ายดาย (โรม5:ข้อ 20-21)


การทำผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คุณไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบเสมอไป และคุณก็ไม่ได้เลือกทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอไปเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณเข้าใจถึงความจริงที่ว่า  คุณสามารถไปหาพระเจ้าได้ตลอดเวลา และบอกพระองค์เกี่ยวกับข้อผิดพลาดของคุณได้เสมอ สิ่งนี้จะทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นในชีวิตคุณอย่างแน่นอน

 

วันนี้ขอให้คุณจำไว้ว่า เราทุกคนทำผิดพลาดกันได้ มันเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์จะทำผิดพลาด อย่าพยายามเอาชนะมันด้วยกำลังของตัวเอง ถ้าหากคุณรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม  ให้คุณหันไปหาพระเจ้าและบอกพระองค์เกี่ยวกับความผิดพลาดเหล่านั้น  แล้วรับความช่วยเหลือ พระปรีชาญาณ และคำแนะนำจากพระองค์เกี่ยวกับวิธีการต่างๆเพื่อคุณจะได้รับมือกับสถานการณ์ในครั้งต่อๆไปได้ดีขึ้น

 

พระเจ้ารักคุณ ความรักนั้นไม่ได้ขึ้นกับการกระทำของคุณ ว่าคุณดีมากหรือดีน้อย ถ้าพระเจ้าไม่ถือความผิดพลาดของคุณ  แล้วทำไมคุณถึงยังถือโทษตัวเองอยู่อย่างนั้น ทำไมคุณไม่ให้อภัยตนเองแล้วเริ่มต้นใหม่กับพระองค์อีกครั้ง?

 

ความจริงวันนี้: การทำผิดพลาดเป็นเรื่องปกติของมนุษย์  หลายต่อหลายครั้งเรามักจดจำความบาปของเราและรู้สึกว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อขอการอภัยจากพระเจ้า แต่พระเจ้าตรัสว่าเรารอดโดยพระคุณ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เราทำ (อฟ.2:8-9) พระเจ้าทรงสัญญากับชนอิสราเอลเมื่อตรัสถึงพันธสัญญาใหม่ว่า “เราจะให้อภัยบาปชั่วของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาทั้งหลายอีกต่อไป” (ยรม.31:34) เรามีพระเจ้าผู้ทรงให้อภัยและไม่รื้อฟื้นสิ่งผิดที่เราทำ

 

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันเหล่านี้เต็มไปด้วยเนื้อหาที่ยอดเยี่ยม เมื่อวัยรุ่นอ่านพวกเขาจะเติบโตในการดำเนินกับพระเจ้า รวมถึงการให้ข้อคิดทางวิญญาณซึ่งจะช่วยให้วัยรุ่นรู้จักความรักของพระเจ้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

 

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 n6v.61c.myftpupload.com

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการเฝ้าเดี่ยว-วัยเรียน – สดุดี 145:18

 


ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการเฝ้าเดี่ยว-วัยเรียน – สดุดี 145:18

 

คุณเคยอยากคุยกับพระเจ้าแต่รู้สึกเหมือนทำมันไม่ได้บ้างไหม? บางทีคุณอาจสงสัยว่าฉันจะพูดคุยกับพระองค์ได้อย่างไร? พระองค์น่าจะมีภาระกิจเยอะมากและยุ่งเกินกว่าจะมาสนใจฉันหรือเปล่า?

 

มันง่ายมากที่เราจะมีความคิดเหล่านั้น จริงอยู่ว่า  พระเจ้ามีคนมากมายให้คิดถึง และมีคำทูลขอมากมายถึงพระองค์ และคุณอาจรู้สึกว่าคำขอของคุณไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด หรือพระเจ้าไม่สามารถเป็นห่วงคุณได้จริงๆหรอก! ข่าวดีก็คือว่าพระเจ้าไม่ได้ถูกจำกัดเหมือนเรา พระองค์ไม่มีขีดจำกัดในเรื่องพละกำลัง ฤทธิ์เดช หรือความสามารถของพระองค์ในการรับฟังคุณ เรามาดูสิ่งที่ข้อพระคัมภีร์ในปัจจุบันกล่าวไว้

พระองค์ทรงอยู่ใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์

ที่ร้องทูลพระองค์ด้วยความสัตย์จริง – สดุดี 145:18  

 

พระเจ้าต้องการให้คุณเรียกหาพระองค์ อันที่จริงพระองค์ทรงชอบฟังทุกเรื่องราวจากคุณ พระองค์ทรงอยู่ใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ ดังนั้น แทนที่จะรู้สึกว่าพระเจ้ามีงานยุ่งเกินไป จงตระหนักว่าพระองค์ทรงรอคอยที่จะได้ยินจากคุณ พระองค์ทรงอยู่ใกล้ใครก็ตามที่อยากจะพูดคุยกับพระองค์เสมอ

 

ดังนั้นอย่ากลัวที่จะไปหาพระเจ้า โปรดรู้ว่าพระองค์ทรงได้ยินคุณและต้องการพูดคุยกับคุณ คุณสามารถร้องทูลพระองค์ทั้งในเวลาที่ดีที่คุณมีความสุขและในเวลาที่ไม่ดีในยามที่คุณต้องพบเจอกับความทุกข์ยาก โปรดจำไว้ว่า พระองค์ไม่เคยยุ่งเกินกว่าจะได้ยินเสียงร้องทูลจากคุณ!

 

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันเหล่านี้เต็มไปด้วยเนื้อหาที่ยอดเยี่ยม เมื่อวัยรุ่นอ่านพวกเขาจะเติบโตในการดำเนินกับพระเจ้า รวมถึงการให้ข้อคิดทางวิญญาณซึ่งจะช่วยให้วัยรุ่นรู้จักความรักของพระเจ้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

 

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 n6v.61c.myftpupload.com

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2566

พึ่งพาแหล่งที่มา

 


พึ่งพาแหล่งที่มา

ความต้องการทุกอย่างคือโอกาสในการวางใจพระเจ้าและค้นพบว่าพระองค์ทรงจัดเตรียมไว้จริงๆ

อ่าน 1 พงศ์กษัตริย์ 17:8-16

8แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเอลียาห์ว่า 9“จงไปอาศัยอยู่ที่เมืองศาเรฟัทในไซดอน เราได้สั่งหญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นให้เลี้ยงดูเจ้า” 10เอลียาห์จึงไปยังศาเรฟัท เมื่อมาถึงประตูเมืองก็เห็นหญิงม่ายคนหนึ่งกำลังเก็บฟืน เขาจึงเรียกนางและร้องขอว่า “ช่วยเอาน้ำใส่เหยือกมาให้เราดื่มสักนิดได้ไหม?” 11ขณะที่หญิงนั้นจะไปเอามา เขาบอกนางว่า “โปรดช่วยเอาขนมปังมาให้สักชิ้นด้วย” 12หญิงนั้นตอบว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ดิฉันไม่มีขนมปังเลยสักชิ้นฉันนั้น มีเพียงแป้งหยิบมือเดียวในหม้อ กับน้ำมันก้นไห นี่ก็กำลังเก็บฟืนจะเอาไปทำอาหารกินกับลูกชาย จากนั้นก็จะต้องอดตาย”

13เอลียาห์กล่าวกับนางว่า “อย่ากลัวเลย กลับบ้านไปทำตามที่เจ้าว่าเถิด แต่ทำขนมชิ้นเล็กๆ มาให้เราก่อน จากนั้นจึงทำอาหารให้ตัวเจ้ากับลูกชายของเจ้า 14เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘จะมีแป้งไม่ขาดหม้อ น้ำมันไม่ขาดไห จนถึงวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้ฝนตกลงมาบนดินแดนนี้’

 

ไม่มีใครชอบที่จะต้องตกอยู่ในสภาวะที่ต้องการบางสิ่งบางอย่าง หรือการต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน แต่จากมุมมองของพระเจ้า สถานการณ์นั้นสามารถเป็นประโยชน์ทางฝ่ายวิญญาณได้ การมีชีวิตอยู่ในฟองสบู่หมายถึงการอยู่ในโลกของตัวเอง โดดเดี่ยวจากสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวโดยสิ้นเชิง หากเราหลุดออกมาจากมันได้ เราจะค้นพบความจริงที่ว่าการจัดเตรียมทั้งหมดมาจากพระองค์ พระเจ้าผู้ทรงใช้เครื่องมือและวิธีการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการ มีแต่พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นบ่อเกิดของทุกสิ่ง

 

เอลียาห์เรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตด้วยศรัทธาในวิถีทางที่ไม่ธรรมดาของพระเจ้า เขาได้รับอาหารจากนกกา พระเจ้าทรงส่งเขาไปที่เมืองศาเรฟัท ไปหาหญิงม่ายผู้หิวโหยผู้ซึ่งไม่มีอาหารเลี้ยงเขา  ความต้องการทางการเงินและทุกอย่างคือโอกาสของเราในการเรียนรู้ที่จะดำเนินตามศรัทธาในพระเจ้า โดยวางใจว่าพระองค์ทรงเป็นแหล่งที่มาของเรา ความเจริญรุ่งเรืองของยุคสมัยสามารถนำไปสู่ความรู้สึกเป็นอิสระซึ่งทำให้เรามองไม่เห็นว่าจริงๆ แล้วมันไม่เพียงพอในการหาเลี้ยงตัวเองอย่างไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราขึ้นอยู่กับพระบิดาโดยสิ้นเชิงไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่ก็ตาม

 

ด้วยความเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงจัดเตรียมให้เขา เอลียาห์จึงสามารถเห็นการแทรกแซงอันอัศจรรย์จากพระเจ้าได้ เราอาจไม่เห็นพระเจ้าทรงทำงานเหนือธรรมชาติในด้านการเงินของเรา แต่อย่างไรก็ตาม พระคำของพระองค์บอกเราว่า “พระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งที่จำเป็นทุกอย่างแก่ท่านจากความมั่งคั่งอันเลอเลิศของพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (ฟิลิปปี 4:19)

 

คุณกำลังมุ่งเน้นไปที่เครื่องมือ วิธีการ หรือแหล่งที่มาของบทบัญญัติของคุณอยู่ตอนนี้? วิธีการที่พระเจ้าใช้อาจเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่ความสัตย์ซื่อของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป พระเจ้าทรงเชื้อเชิญให้คุณวางใจพระองค์และดำเนินชีวิตทั้งในด้านการผจญภัยและด้านความปลอดภัยแห่งชีวิตด้วยศรัทธา

 

 ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 intouch.org

 

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


ข้าพเจ้าถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าไม่ได้มีคุณค่าอันใดสำหรับตน

 


ข้าพเจ้าถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าไม่ได้มีคุณค่าอันใดสำหรับตน

อ่านพระคัมภีร์ — กิจการ 20:24

ถึงกระนั้นข้าพเจ้าถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าไม่ได้มีคุณค่าอันใดสำหรับตน ขอเพียงแต่ข้าพเจ้าวิ่งให้ถึงหลักชัยและทำภารกิจซึ่งองค์พระเยซูเจ้าทรงมอบหมายให้สำเร็จก็แล้วกัน คือภารกิจในการเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐแห่งพระคุณของพระเจ้า

— กิจการ 20:24

 

อะไรที่สามารถขัดขวางและทำให้ผู้คนไม่รู้สึกยำเกรงต่อพระเจ้า?

 

เราสามารถตอบคำถามนั้นโดยทั่วไปโดยกล่าวว่าบาปคือสิ่งที่ขัดขวางเราไม่ให้ชื่นชมกับชีวิตที่ลึกซึ้งและสมบูรณ์กับพระเจ้า แต่คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่าบาปที่ละเอียดอ่อนเหล่านั้นสามารถเกิดขึ้นได้อย่างไร? บางครั้งเราเองก็ไม่ตระหนักว่าแนวโน้มที่จะเป็นบาปนั้นสามารถหลอกลวงเราได้มากเพียงใด

 

ตัวอย่างเช่น ฉันสังเกตเห็นสิ่งหนึ่งที่ครอบงำผู้คนจำนวนมากอย่างมาก นั่นก็คือ ลัทธิปัจเจกนิยม หากคุณอาศัยอยู่ในประเทศตะวันตก คุณจะรู้ว่าสิ่งนี้จะปรากฏเป็นวลีเช่น "ทำทุกอย่างที่ทำให้คุณมีความสุข"  แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสิ่งนั้นมันมากเกินไปคำตอบคือ  ในที่สุดเราก็ให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นอันดับแรกในทุกสิ่งที่เราทำ หนึ่งในอาการเสพติดที่เลิกได้ยากที่สุด คือ ชีวิตเซลฟี่ (การเซลฟี่นั้นมีความสำคัญกับความคิดในเรื่องของตัวตนอย่างมาก มันมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง)

 

ท่านเปาโลสอนว่าท่านถือว่าชีวิตของท่านไม่มีอะไรเลยเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่ท่านได้รับจากการติดตามพระเยซู ความรู้สึกอันท่วมท้นของความเคารพ ความชื่นชม ความกลัว ฯลฯ ที่เกิดจากสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ประเสริฐ ทรงพลังอย่างยิ่ง หรือสิ่งที่คล้ายกัน: ด้วยความกลัวต่อพระเจ้าของท่านเป็นพื้นฐานในการละทิ้งแผนการ ความฝัน และความปรารถนาของตัวเอง เพื่อที่ท่านจะได้อุทิศตนให้กับพระประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่าของพระเจ้าสำหรับชีวิตของท่าน

 

ท่านเปาโลไม่ได้ถูกกลืนไปกับความสะดวกสบาย และท่านพบความพึงพอใจในการมุ่งความสนใจไปที่ชีวิตที่พระเยซูทรงเตรียมไว้ให้ท่าน

 

การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราอาจถูกเผชิญในการพัฒนาความเชื่อความศรัทธาและมันอาจหยุดยั้งไม่ให้เรามอบทุกสิ่งในชีวิตของเราแก่พระเยซู

 

ข้าแต่พระเยซู ขอบพระคุณที่ทรงสละชีวิตทั้งชีวิต เพื่อข้าพระองค์จะได้มีชีวิตที่บริบูรณ์ ขอทรงอภัยที่ข้าพระองค์เอาแต่แสวงหาความสะดวกสบาย  โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ใช้ชีวิตตามที่พระองค์ทรงเรียก  อาเมน

 

 ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 todaydevotional.com

 

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566

วิถีทางของพระเจ้า: คุณคาดหวังแบบธรรมดาหรือต้องเป็นการอัศจรรย์ทุกครั้งไป

 


วิถีทางของพระเจ้า: คุณคาดหวังแบบธรรมดาหรือต้องเป็นการอัศจรรย์ทุกครั้งไป

พระเจ้าทรงทำงานเพื่อประโยชน์ของเราเสมอ แต่อาจไม่ใช่ในแบบที่เราเข้าใจได้เสมอไป


อ่าน 1 พงศ์กษัตริย์ 17:2-7

2แล้วมีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเอลียาห์ว่า 3“จงไปซ่อนตัวที่ลำห้วยเครีททางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 4เจ้าจะดื่มน้ำจากลำห้วยและเราได้สั่งให้นกกานำอาหารมาเลี้ยงเจ้า”

5เอลียาห์ก็ปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา และไปอาศัยอยู่ที่ลำห้วยเครีททางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 6นกกาคาบขนมปังและเนื้อมาให้เขาทุกเช้าและทุกเย็น และเขาดื่มน้ำจากลำธาร

 7ต่อมาลำห้วยนั้นก็แห้งผากเพราะไม่มีฝนตกเลยทั่วดินแดนนั้น

 

 ในอิสยาห์ 55 พระเจ้าประกาศว่า “ความคิดของเราไม่ใช่ความคิดของเจ้า และทางของเจ้าก็ไม่ใช่ทางของเรา” (อิสยาห์ 55:8) อันที่จริง นั่นเป็นหนึ่งในความหงุดหงิดใจที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตคริสตชน มันคือการขาดความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีทางของพระเจ้า มีหลายครั้งที่เราปรารถนาจะเห็นปาฏิหาริย์  แต่พระองค์ไม่ได้ทำเช่นนั้น เมื่อไม่เป็นดังที่ใจเราหวัง สถานการณ์ของชีวิตอาจนำเราไปสู่ความสับสน ความผิดหวัง และความโกรธได้  แล้วก็เกิดการตั้งคำถามว่า ทำไมพระเจ้าถึงทำให้ฉันผิดหวัง?

 

พระเจ้าทรงกระทำทั้งในลักษณะที่เหนือธรรมชาติและแบบธรรมดา และพระองค์ทรงเป็นผู้กำหนดวิธีการ ตัวอย่างเช่น ในพระคำของวันนี้ เอลียาห์กินอาหารที่นกกาคาบมาให้อย่างน่าอัศจรรย์ และแหล่งน้ำของเขาก็มาจากลำธารที่เป็นไปตามธรรมชาติโดยสมบูรณ์ และเมื่อมันแห้งไป องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้มีน้ำผุดขึ้นมาจากพื้นดินก็ได้ แต่พระองค์ไม่ได้ทำอย่างนั้น

 

บางครั้งพระเจ้าทรงใช้วิธีการแบบธรรมดาๆ เพื่อขับเคลื่อนเราไปสู่ทิศทางใหม่ การปล่อยให้ลำธารแห้งผากไป  พระองค์ได้เปิดประตูไปสู่งานมอบหมายต่อไปของเอลียาห์ เมื่อพระเจ้าทรงระงับการแทรกแซงการอัศจรรย์และปล่อยให้ลำธารของคุณเหือดแห้งไปบ้าง  นั้นอาจหมายถึงพระองค์ทรงวางแผนอย่างอื่นไว้ให้สำหรับคุณด้วยเช่นกัน

 

งานของพระเจ้าในเรื่องธรรมดาของชีวิตนั้นอัศจรรย์พอๆ กับการแทรกแซงเหนือธรรมชาติของพระองค์ จงมองหา “ลายพระหัตถ์” ของพระองค์ในกิจกรรมทางโลกของคุณในแต่ละวัน  พระองค์ทรงอยู่ที่นั่น พระองค์กำลังเปิดและปิดประตู พระองค์อาจทำให้โอกาสหนึ่งแห้งเหือดลงไป แต่พระองค์ก็ทรงกำลังเปิดประตูใหม่เพื่อให้เราได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง


 ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 intouch.org

 

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ไม่ผสมผสานความเชื่ออื่นเข้ามาในชีวิตของเรา

 


ไม่ผสมผสานความเชื่ออื่นเข้ามาในชีวิตของเรา

อ่านพระคัมภีร์ — กิจการ 19:18-20

18บัดนี้หลายคนที่เชื่อมาสารภาพการกระทำที่ชั่วร้ายอย่างเปิดเผย 19คนที่ใช้เวทมนตร์คาถานำม้วนตำราของตนมาเผาทิ้งต่อหน้าสาธารณชน ตำราเหล่านั้นรวมแล้วคิดเป็นเงินถึง 50,000 แดรกมา 20โดยเหตุนี้พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงแพร่ออกไปอย่างกว้างไกลและเกิดผลมากยิ่งขึ้น

— กิจการ 19:18-19

 

ลิซ่าเป็นคนที่ฉันรู้ว่าเธอมีศรัทธาในพระเยซูคริสต์  ในช่วงแรกๆ ของการติดตามพระเยซู เธอพยายามผสมผสานขบวนการยุคใหม่ (การเคลื่อนไหวที่แพร่กระจายผ่านชุมชนศาสนาไสยศาสตร์และอภิปรัชญาในช่วงทศวรรษ 1970 และ '80) เข้ากับความเชื่อของเธอ ซึ่งมันไปด้วยกันไม่ได้ เพราะเธอจะสับสนอยู่ตลอดเวลาและขาดความเข้าใจในการติดตามพระเยซู ในที่สุดเธอก็ค้นพบกับอิสรภาพเมื่อเธอกำจัดแนวทางปฏิบัติที่ผสมผสาน เหล่านั้นออกไปจากชีวิตของเธอ

 

ผู้ติดตามพระเยซูในยุคแรกรู้ดีว่าเพื่อที่จะยอมจำนนต่อพระองค์อย่างเต็มที่ พวกเขาจะต้องกำจัดทุกสิ่งที่อาจเบี่ยงเบนความสนใจไปจากงานของพระวิญญาณในชีวิตของพวกเขา ในเมืองเอเฟซัส ผู้เชื่อใหม่ที่เคยใช้เวทมนตร์ และคาถา ต่างก็เผาม้วนหนังสือของตนทั้งหมดทิ้งต่อหน้าทุกคน

 

ผู้คนในหลายวัฒนธรรมพยายามผสมผสานแนวคิดและความคิดทางศาสนาอื่นๆ เข้ากับศรัทธาในพระคริสต์   “แล้วมันมีอันตรายอะไรในนั้นบ้าง?”

 

เมื่อเราผสมผสานความเชื่ออื่นเข้ามาในชีวิต   เรากำลังลดพลังแห่งข่าวดีของชีวิตลง


หากเราไม่เข้มงวดกับตนเอง (มีความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า)  สิ่งรอบข้างอาจดึงดูดใจเราให้ผสมผสานเอาความเชื่อในพระคริสต์ไปรวมเข้ากับความเชื่อด้านโชคลางหรือการอ่านดวงชะตาประจำวันเพื่อเป็นแนวทางในการใช้ชีวิต และถ้าเราทำเช่นนั้น เราจะล้มเหลวที่จะตระหนักว่าตัวเรานั้นไม่ได้วางใจในพระเจ้าและพระวิญญาณของพระองค์อย่างเต็มที่เพื่อนำทางเราและประทานชีวิตที่สมบูรณ์แก่เรา

 

ข้าแต่พระเจ้าที่รัก หากสิ่งใดในชีวิตของลูกทำให้ลูกหลงไปจากการติดตามพระองค์ โปรดช่วยให้ลูกกำจัดมันออกไปด้วย โปรดนำลูกไปสู่การดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์และแท้จริงในแต่ละวันเพื่อเห็นแก่ความเสียสละของพระเยซูคริสต์ อาเมน

 

 ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 todaydevotional.com

 

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการเฝ้าเดี่ยว-วัยเรียน – 1 ยอห์น 4:20

 


ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการเฝ้าเดี่ยว-วัยเรียน – 1 ยอห์น 4:20

 

คุณมีพี่น้องไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณก็คงรู้ว่าพวกเขานั้นรู้จักคุณดี และมีวิธีที่จะทำให้คุณเบรกแตกได้ง่ายๆ เนื่องจากคุณอยู่ใกล้กับพวกเขา  จึงดูเหมือนว่ามันจะทำให้คุณหงุดหงิด โมโห และโกรธได้มากกว่าคนอื่นๆ

 

ถ้าผู้ใดพูดว่า “ข้าพเจ้ารักพระเจ้า” แต่ยังเกลียดพี่น้องของตน ผู้นั้นก็โกหก เพราะผู้ที่ไม่รักพี่น้องซึ่งตนมองเห็นย่อมไม่สามารถรักพระเจ้าซึ่งตนมองไม่เห็น  – 1 ยอห์น 4:20

 

เป็นเรื่องจริง ที่ว่าความสัมพันธ์แบบพี่น้องอาจเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน พวกเขารู้ว่าต้องกดปุ่มไหนเพื่อทำให้คุณโกรธ หงุดหงิด อารมณ์เสีย หรือแม้แต่เสียใจ  และพวกเขาไม่กลัวที่จะกดมัน การใช้ชีวิตร่วมกับพี่น้องอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายในบางครั้ง

 

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันนี้เสนอแนวคิดบางประการเพื่อช่วยให้เราเข้ากันได้กับพี่ชายหรือน้องสาว  มันบอกว่าคนที่บอกว่ารักพระเจ้าแต่เกลียดพี่น้องก็เป็นคนโกหก เป็นคำที่ค่อนข้างแรง แต่อย่างไรก็ตาม มันแสดงให้เราเห็นว่าการรักคนรอบข้างให้เหมือนเป็นพี่น้องนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับพระเจ้า ซึ่งหมายความว่ามันก็ควรจะสำคัญสำหรับเราด้วยเช่นกัน

 

ดังนั้นครั้งต่อไปที่พี่ชายหรือน้องสาวของคุณทำให้คุณคลั่ง ไม่ว่าจะด้วยเรื่องใดก็ตาม จำไว้ว่าพระคำข้อนี้ได้พูดไว้ว่าอย่างไร และจงเลือกที่จะรักพวกเขาแทนที่จะโกรธเกลียดพวกเขา!

 

และหากคุณกำลังประสบปัญหาในการรักพี่น้องของคุณ ให้ขอความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถช่วยให้คุณมีความคิดที่ไม่เหมือนใคร พระองค์สามารถแสดงให้คุณเห็นว่าต้องทำอะไรบ้าง หรือควรมีวิธีตอบสนองต่อสถานการณ์นั้นอย่างไร เมื่อคุณเข้าไปหาพระองค์ คุณจะได้รับความช่วยเหลือที่จำเป็นในการจัดการกับความสัมพันธ์กับพี่น้องของคุณ

 

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันเหล่านี้เต็มไปด้วยเนื้อหาที่ยอดเยี่ยม เมื่อวัยรุ่นอ่านพวกเขาจะเติบโตในการดำเนินกับพระเจ้า รวมถึงการให้ข้อคิดทางวิญญาณซึ่งจะช่วยให้วัยรุ่นรู้จักความรักของพระเจ้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

 

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 n6v.61c.myftpupload.com

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


อำนาจแห่งการแบ่งปันพระคำของเรา

 


อำนาจแห่งการแบ่งปันพระคำของเรา

เมื่อพระเจ้าให้โอกาสคุณ อย่ากลัวที่จะแบ่งปันพระคำของพระองค์กับผู้อื่น


อ่าน 1 พงศ์กษัตริย์ 17:1

ครั้งนั้นเอลียาห์ชาวทิชบีในกิเลอาดกล่าวกับอาหับว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลซึ่งข้าพเจ้าปรนนิบัติรับใช้อยู่นั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในสองสามปีข้างหน้าจนกว่าข้าพเจ้าจะบอกให้มีฉันนั้น”

 

เอลียาห์มีข้อความที่จะส่งถึงกษัตริย์อาหับซึ่งจะรบกวนชีวิตของคนไปทั่วทั้งภูมิภาคในไม่ช้า ความคิดแรกของราชาผู้ชั่วร้ายหลังจากเผชิญหน้ากับผู้เผยพระวจนะอาจเป็นเรื่องประสาทเสีย! โดยคิดว่า ผู้ชายคนนี้คิดว่าเขาเป็นใคร?

 

เอลียาห์เป็นคนที่มีศรัทธามากและเชื่อสิ่งที่พระเจ้าบอกเขา เขาใช้เวลาอยู่ตามลำพังกับพระเจ้าและตั้งใจฟังพระวจนะของพระองค์ และผู้เผยพระวจนะสามารถพูดได้อย่างกล้าหาญด้วยสิทธิอำนาจเพราะเขารู้จักและวางใจผู้ที่ส่งข้อความนั้นมา

 

พระเจ้าอาจไม่ได้ตรัสกับเราแบบเดียวกับที่พระองค์ตรัสกับผู้เผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิม แต่กระบวนการรับข่าวสารของพระองค์ไม่มีเปลี่ยนแปลง มันเริ่มต้นด้วยการอยู่คนเดียวต่อหน้าพระองค์และฟังในขณะที่พระองค์ตรัสผ่านพระคำของพระองค์ และมันไม่ควรจบเพียงแค่นั้น

 

ผู้เผยพระวจนะมีความรับผิดชอบในการบอกผู้คนถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยต่อพวกเขา ในทำนองเดียวกัน เราก็ต้องแบ่งปันสิ่งที่เราเรียนรู้จากพระคำของพระเจ้ากับผู้อื่น พระบิดาทรงเปิดเผยสมบัติของพระองค์ต่อเราเพื่อเราจะได้แบ่งปันมันกับผู้อื่น

 

เริ่มต้นแต่ละวันตามลำพังกับพระเจ้ากับพระคำของพระองค์และใช้เวลาในการอธิษฐาน โดยฟังพระองค์ตรัสในใจของคุณ เชื่อในสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ แล้วนำไปใช้กับชีวิตของคุณ และจากนั้นแบ่งปันกับผู้อื่นถึงสิ่งที่พระองค์ได้เปิดเผย จงกล้าหาญและจำไว้ว่าอำนาจของข้อพระคำที่คุณจะส่งออกไปนั้นมาจากพระองค์

 

 ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 intouch.org

 

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2566

สร้างขึ้นโดยพระเจ้าและเพื่อพระเจ้า

 


สร้างขึ้นโดยพระเจ้าและเพื่อพระเจ้า

ขอให้พระบิดาในสวรรค์ของคุณช่วยให้คุณเข้าใจความรักอันล้ำลึกที่พระองค์มีต่อคุณทั้งในความคิดและจิตใจ

 

อ่าน สดุดี 139:1-10

1ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงตรวจตราจิตใจของข้าพระองค์

และพระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์

2พระองค์ทรงทราบเมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น

พระองค์ทรงประจักษ์ความคิดของข้าพระองค์แต่ไกล

3พระองค์ทรงหยั่งรู้วิถีทางและการหยุดพักของข้าพระองค์

พระองค์ทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์

4ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ก่อนที่ข้าพระองค์จะเอ่ยปาก

พระองค์ก็ทรงทราบความทั้งสิ้นแล้ว

5พระองค์ทรงโอบล้อมข้าพระองค์ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง

พระองค์ทรงวางพระหัตถ์เหนือข้าพระองค์

6ความรู้เช่นนี้อัศจรรย์ยิ่งนักสำหรับข้าพระองค์

สูงเกินกว่าข้าพระองค์จะเข้าใจ

7ข้าพระองค์จะไปที่ไหนให้พ้นจากพระวิญญาณของพระองค์ได้?

ข้าพระองค์จะหนีไปที่ไหนให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์?

8หากข้าพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ประทับอยู่ที่นั่น

หากข้าพระองค์นอนลงในแดนมรณา พระองค์ก็ประทับที่นั่น

9หากข้าพระองค์บินไปด้วยปีกแห่งรุ่งอรุณ

หากข้าพระองค์ไปอยู่ที่มหาสมุทรสุดไกลโพ้น

10แม้แต่ที่นั่น พระหัตถ์ของพระองค์ก็จะทรงนำข้าพระองค์

พระหัตถ์ขวาของพระองค์ก็จะยึดข้าพระองค์ไว้มั่น

 

อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง พวกเราส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ว่าจะเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาหรือความสามารถในที่ทำงาน  เป็นผลให้เป็นเรื่องง่ายที่เราจะเผลอไปเปรียบเทียบตัวเองกับคนรอบข้างและสรุปเอาเองอย่างผิดๆ   แต่พระเจ้าทรงมองเห็นทุกสิ่งซึ่งแตกต่างออกไปจากที่เรามอง

 

ประการแรก พระเจ้าสร้างเราตามพระฉายาของพระองค์ แล้วทรงเรียกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างว่า “ดี” (ปฐมกาล 1:27; ปฐมกาล 1:31) พระองค์ทรงถักเราแต่ละคนไว้ด้วยกันในครรภ์ (สดุดี 139:13) ไม่มีใครเหมือนใครเลย เราแต่ละคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างมีเอกลักษณ์ มีทั้งคุณค่าและวัตถุประสงค์

 

ประการที่สอง ความสำคัญของเราที่มีต่อพระบิดาเห็นได้จากการที่พระองค์เสียสละพระบุตรของพระองค์มารับโทษแทนเรา พระเยซูทรงหลั่งพระโลหิตและชดใช้ความผิดของเราเพื่อเราจะหลุดพ้นจากบาป

 

ในที่สุด พระเจ้าทรงออกแบบมนุษย์ให้มีความสัมพันธ์กับพระองค์ อาดัมและเอวาอาศัยอยู่ในสวนและได้ติดต่อกับผู้สร้างของพวกเขา อับราฮัมติดตามพระเจ้าและถูกเรียกว่าเป็นสหายของพระเจ้า (ยากอบ 2:23) โดยความเชื่อในพระเยซู เราได้กลายเป็นลูกของพระเจ้าและเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ (โรม 8:17) ความเป็นอยู่ทั้งหมดของเรา ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ เป็นของพระองค์

 

คุณให้คุณค่ากับอะไรอยู่ในตอนนี้? มีอะไรที่คุณต้องปล่อยมันไปบ้างไหม? การแสวงหาสิ่งใดนอกจากพระเยซูจะไม่ทำให้เกิดความพึงพอใจที่ยั่งยืน แต่เราจะพบความพึงพอใจอย่างแท้จริงเมื่อเราระลึกว่าเรามีค่าเพียงใดสำหรับพระเจ้า

 

 ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ

 intouch.org

 

ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot


ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...