การจัดการกับคำสรรเสริญ
คุณรู้สึกกระอักกระอ่วนไหมเมื่อมีคนมาเอ่ยชมคุณ
?
อ่าน สุภาษิต 27:2
อย่ายกย่องตัวเองด้วยปากของเจ้าเอง
ให้คนอื่นเป็นผู้ยกย่อง
ไม่ใช่ด้วยริมฝีปากของเจ้าเอง
ลองนึกถึงเวลาที่คุณได้รับคำชมจากพ่อแม่
ครู เพื่อน หรือนายจ้าง คุณรู้สึกอย่างไร? มันทำให้คุณดีใจหรือไม่สบายใจ? สำหรับหลายๆ คน คำชมนั้นแทบจะรับมือได้ยากพอๆ
กับคำวิจารณ์
เนื่องจากพระวจนะของพระเจ้าแนะนำให้เราถ่อมใจ (มัทธิว 18:4; ฟิลิปปี 2:3)
บางครั้งเราอาจรู้สึกสับสนว่าจะรับคำชมเชยนั้นอย่างไรดี ต่อไปนี้เป็นสามวิธีที่จะช่วยในการตอบสนอง:
1.
รับทราบความคิดเห็นโดยขอบคุณบุคคลนั้น อย่าอธิบายว่าทำไมคุณถึงไม่สมควรได้รับคำชมหรือพยายามเบี่ยงเบนความสนใจดังกล่าว
พระเจ้ากำลังใช้บุคคลนั้นเพื่ออวยพรคุณ!
2. แยกแยะและรับทราบลักษณะนิสัยที่ทำให้อีกฝ่ายชมเชยคุณ
บางทีเขาหรือเธออาจเห็นบางสิ่งที่คุณพลาดไป
(และพระเจ้าต้องการให้คุณรับรู้) จำไว้ว่า ผู้เชื่อถูกเรียกให้
“หนุนใจกันและเสริมสร้างกันและกัน” ในองค์พระผู้เป็นเจ้า (1 เธสะโลนิกา 5:11)
3.
แบ่งปันว่าการให้กำลังใจมีความหมายต่อตัวคุณอย่างไร พระคัมภีร์กล่าวว่า “วาจาอ่อนโยนเปรียบเหมือนน้ำผึ้ง
หวานชื่นแก่จิตวิญญาณและเป็นยารักษาชีวิต” (สุภาษิต 16:24) จงบอกอีกฝ่ายว่าคุณได้รับพรจากความเอาใจใส่และการดูแลของเขาหรือเธอมากเพียงใด
เมื่อเราดำเนินชีวิตโดยเชื่อฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า
เราจะเกิดผลดีที่คนรอบข้างจะรับรู้ ครอบครัวที่มีความสุข
ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนรอบตัวเรา การงานของเราอุดมสมบูรณ์
และความเจริญรุ่งเรืองทางจิตวิญญาณเป็นผลที่แม้แต่โลกก็มองเห็นได้
เมื่อเราได้รับคำชมจากผู้ที่รับรู้ถึงผลแห่งชีวิตที่ได้รับการดลใจของเรา เราจะทำอย่างไร? เรามีท่าทีและการตอบสนองอย่างไร? เราจะปล่อยให้ความเชื่อหยั่งรากลึกลงในจิตใจของเราว่าเราเป็นคนสำคัญเพราะสิ่งที่เราทำ แล้วรับเอาความดีความชอบแต่เพียงคนเดียวหรือไม่? หรือเราจะทำตามที่พระเยซูคริสต์สั่งให้เราทำ? เราจะขอบคุณและส่งต่อคำสรรเสริญไปยังพระเจ้าเพื่อพระองค์จะได้รับพระสิริหรือไม่? พระธรรม มัทธิว 5:16 กล่าวว่า จงให้ความสว่างของท่านกระจ่างแจ้งต่อหน้าคนทั้งหลาย เพื่อเขาจะเห็นการดีของท่านและสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
intouch.org
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น