วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563

ความสัมพันธ์เป็นสิ่งคุ้มค่าแก่การรื้อฟื้นเสมอ


อธิษฐานเพื่อชีวิตการแต่งงานของเรา ระยะเวลา 100 วัน
วันที่ 90 ความสำคัญของมิตรภาพ
ถ่อมใจอย่างพระคริสต์
1ในเมื่อท่านได้รับกำลังใจจากการเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ ได้รับการปลอบโยนจากความรักของพระองค์ ได้สามัคคีธรรมกับพระวิญญาณ ได้รับความอ่อนโยนและความสงสาร 2ก็จงทำให้ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีอย่างบริบูรณ์โดยมีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน มีใจเดียวกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน 3อย่าทำสิ่งใดด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงอย่างเห็นแก่ตัว หรือด้วยความถือดี แต่จงทำด้วยความถ่อมใจ ถือว่าคนอื่นดีกว่าตน 4แต่ละคนไม่ควรมุ่งหาประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่ควรคิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย
ฟิลิปปี 2:1-4

ความสัมพันธ์เป็นสิ่งคุ้มค่าแก่การรื้อฟื้นเสมอ
เพราะชีวิตทั้งชีวิตเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ที่จะรัก พระเจ้าจึงต้องการให้เราให้คุณค่าแก่ความสัมพันธ์ และทุ่มเทเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้ แทนที่จะทิ้งขว้างไปทันทีที่เกิดความแตกร้าว ความเจ็บปวด หรือความขัดแย้ง ที่จริง พระคัมภีร์บอกเราว่า พระเจ้าประทานพันธกิจการรื้อฟื้นความสัมพันธ์แก่เรา (2 โครินธ์ 5:18) ด้วยเหตุนี้ เนื้อหามากมายในพระคัมภีร์ใหม่จึงเน้นเรื่องการสอนให้เราปรองดองกัน ท่านเปาโลเขียนว่า "ถ้าท่านได้สิ่งใดก็ตามจากการติดตามพระคริสต์ ถ้าความรักของพระองค์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตท่าน ถ้าการอยู่ในชุมชนของพระวิญญาณมีความหมายสำหรับท่าน… จงเห็นพ้องกัน รักกัน และเป็นเพื่อนที่จิตใจผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง" (ฟีลิปปี 2:1-2 ) ท่านเปาโลสอนว่า ความสามารถของเราในการปรองดองกับคนอื่นคือเครื่องหมายของความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ (โรม 15:5)

ความสำคัญของมิตรภาพ ไม่เพียงแต่ให้ชีวิตมีความสุข ความดีในระดับบุคคลเท่านั้น แต่มิตรภาพยังเป็นส่วนสำคัญ ที่ช่วยให้เกิดความสงบสุขในสังคม ในรัฐที่มนุษย์อาศัยอยู่ ช่วยทำให้เกิดความเที่ยงธรรมและมีเกียรติ ทั้งนี้เพราะมิตรภาพ ทำให้เกิดการเชื่อถือไว้วางใจซึ่งกันและกัน เป็นการแสดงออกถึง สภาวะทางศีลธรรมที่บุคคลมีต่อกันคือ ความรัก ความชื่นชมในความดีและ ความปรารถนาดี ที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน เป็นมิตรภาพที่อยู่บนความเสมอภาค ดังคำพังเพยของสังคมกรีก ที่กล่าวว่า “มิตรภาพคือความเสมอภาค”  

เมื่อทราบความหมายของคำว่ามิตรภาพแล้ว เราหลายๆ คนมาร่วมกันสร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้นตั้งแต่ในครอบครัวของเรา พ่อแม่รักใคร่กัน พี่น้องรักและเข้าใจกัน ช่วยเหลือดูแลกัน เพื่อนบ้านรักในเพื่อนบ้าน คนทำงานรักเพื่อนร่วมงาน ทุกคนมีพื้นฐานความรักความเข้าใจซึ่งกันละกัน สังคมก็ปกติสุข ความรักเป็นพื้นฐาน ที่ทำให้จิตใจคนงดงาม ความรักที่กล่าวหมายถึงความรักในตัวเพื่อนมนุษย์ เราทุกคนควรสร้างมิตรภาพไว้รอบตัวเรา เพื่อให้ตัวเราและสังคม ที่เราอยู่ มีความรักใคร่สมัครสมานสามัคคีกัน

ถ้าคุณต้องการพระพรของพระเจ้าในชีวิต และต้องการเป็นที่รู้จักในฐานะลูกของพระเจ้า คุณต้องเรียนรู้ที่จะเป็นผู้สร้างสันติ พระเยซูตรัสว่า "คนที่สร้างสันติก็เป็นสุขเพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาทั้งหลายว่าเป็นลูก" (มัทธิว 5:9 2002) สังเกตว่า พระเยซูมิได้ตรัสว่า "คนที่รักสันติก็เป็นสุข" เพราะว่าทุกคนรักสันติ และพระองค์มิได้ตรัสว่า "คนที่สงบก็เป็นสุข" คือคนที่ไม่ถูกสิ่งใดรบกวนเลย แต่พระเยซูตรัสว่า "คนที่สร้างสันติก็เป็นสุข" คือคนเหล่านั้นที่พยายามแก้ไขความขัดแย้ง ผู้สร้างสันติมีน้อยเพราะว่าการสร้างสันติเป็นงานหนัก

เนื่องจากคุณถูกสร้างมาเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพระเจ้า และวัตถุประสงค์ประการที่สองของชีวิตในโลกของคุณคือ การเรียนรู้ที่จะรักและสัมพันธ์กับคนอื่นการสร้างสันติจึงเป็นทักษะสำคัญที่สุดที่คุณจะฝึกได้ น่าเสียดาย พวกเราส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับการสอนวิธีแก้ไขความขัดแย้ง

การสร้างสันติไม่ใช่การหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง การวิ่งหนีปัญหา การแสร้งทำเป็นไม่มีปัญหา หรือการกลัวที่จะพูดถึงมัน ล้วนแล้วแต่เป็นความขี้ขลาดโดยแท้ พระเยซูองค์สันติราช ไม่เคยกลัวความขัดแย้ง บางครั้งพระองค์ทรงเริ่มต้นความขัดแย้งเพื่อผลดีสำหรับทุกคน บางครั้งเราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แต่บางครั้งเราก็จำเป็นต้องสร้างมันขึ้นมา และบางครั้งเราต้องแก้ไขมัน นั่นคือเหตุผลที่เราต้องอธิษฐานขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำทุกลมหายใจ

การสร้างสันติไม่ใช่การยอมอ่อนข้อต่อทุกสถานการณ์ การเอาแต่ยอมแพ้ ทำตัวเหมือนพรมเช็ดเท้า และปล่อยให้คนอื่นทับถมคุณอยู่เรื่อยไปไม่ใช่สิ่งที่พระเยซูต้องการ พระองค์ไม่ยอมถอยในหลาย ๆ เรื่อง และทรงยืนหยัดจุดยืนของพระองค์ต่อสู้ความชั่ว

จงเป็นฝ่ายเริ่มคืนดีก่อนเสมอ ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด พระเจ้าทรงคาดหวังว่าคุณต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน อย่าคอยอีกฝ่ายหนึ่ง จงไปหาเขาก่อน การรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่แตกร้าวนั้นสำคัญมาก พระเยซูตรัสสั่งว่า เรื่องนี้สำคัญยิ่งกว่าการนมัสการเป็นกลุ่มเสียอีก พระองค์ตรัสว่า "ถ้าท่านเข้าไปในสถานนมัสการ กำลังจะถวายเครื่องบูชาแล้วทันใดนั้นท่านนึกได้ว่ามิตรสหายคนหนึ่งโกรธเคืองท่านอยู่ จงละเครื่องบูชาไว้ ออกไปทันที ไปหาสหายคนนั้นและแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้อง แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า" (มัทธิว 5:23-24 )

ข้อคิด
เราจะอยู่กับผู้อื่นด้วยความปรองดองและความรักได้มากขึ้น เมื่อเราพยายามเป็นผู้สร้างสันติ  พระเยซูทรงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของคำว่าเพื่อนแท้จริง ความรักของพระองค์สำหรับเราคือการเสียสละไม่เคยเห็นแก่ตัว  

 เนื่องจากเราทุกคนมีจุดบอด และยังเป็นคนที่มีข้อบกพร่องอยู่มากมาย การรื้อฟื้นความสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญในทุกมิตรภาพ ดังนั้นให้เราเน้นที่การคืนดี ไม่ใช่การแก้ปัญหา มันไม่สมเหตุสมผลที่จะคาดหวังว่า ทุกคนต้องเห็นตรงกันทุกเรื่อง การคืนดีเน้นที่ความสัมพันธ์ ขณะที่การแก้ปัญหาเน้นที่ปัญหา เมื่อเราจดจ่อที่การคืนดี ปัญหาก็จะหมดความสำคัญ และมักจะไม่เกี่ยวข้อง  ในการแก้ไขความขัดแย้ง วิธีที่คุณพูดมีความสำคัญพอ ๆ กับสิ่งที่คุณพูด ถ้าคุณพูดแบบรุกราน อีกฝ่ายก็จะตอบสนองแบบตั้งรับ พระเจ้าตรัสบอกเราว่า "คนที่ฉลาดและเป็นผู้ใหญ่มีชื่อเสียงเรื่องความเข้าใจของเขา ยิ่งคำพูดของเขาไพเราะเท่าใด เขาก็ยิ่งจูงใจได้ดีเท่านั้น" (สุภาษิต 16:21 ) การเหน็บแนมไม่เคยใช้ได้ผล คุณจะจูงใจใครไม่ได้เลย เมื่อคุณหยาบคาย

 ขอขอบคุณบทความหนุนใจจาก
novabizz.com
churchofjesuschrist.org

thepurposedrivenlife40day.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...