อธิษฐานเพื่อชีวิตการแต่งงานของเรา ระยะเวลา 100 วัน
วันที่ 74 การสะสมพระวจนะ
เราจะสอนและชี้แนะทางที่เจ้าควรเดินไป
เราจะให้คำปรึกษาและเฝ้าดูเจ้า
สดุดี 32: 8
ไม่ว่าคุณจะอายุยี่สิบสองหรือสี่สิบสอง หรือหนึ่งร้อยสองปีคุณก็ยังมีอะไรอีกมากมายให้เรียนรู้
แม้ว่าคุณจะเป็นคนที่ฉลาดมากอยู่แล้วก็ตาม แต่พระเจ้าก็ยังมีเรื่องมากมายให้คุณต้องเรียนรู้
ทำไมนะเหรอ? เพราะการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของพระเจ้า
- และอีกเหตุผลหนึ่งคือพระองค์ยังไม่ได้สอนบทเรียนที่สำคัญบางอย่างให้กับคุณเลย!!
หลักการดำเนินชีวิตคริสตชนอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ
การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ
เพราะความเชื่อเป็นกุญแจสำคัญในการรับพระพรจากพระเจ้า ความเชื่อเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้
และเป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาให้มีมากขึ้นได้
ความเชื่อเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่ทำให้เราสามารถทำสิ่งต่างๆ
ได้อย่างเกินความสามารถและความเข้าใจของเรา พระเจ้าไม่พอพระทัยคนที่ไม่มีความเชื่อ
ดังนั้น คริสตชนจึงต้องรักษาความเชื่อไว้ตลอดชีวิต คำกล่าวที่ว่า “ชีวิตเราเริ่มต้นก็ความเชื่อ
สุดท้ายก็ความเชื่อ”
พระวจนะพระเจ้ามีชีวิต
มีฤทธิ์อำนาจสามารถทำงานในจิตใจ และในชีวิตของคนที่ได้ยิน ทำให้เกิดความเชื่อว่าพระองค์จะทรงกระทำให้สิ่งที่พระองค์สัญญานั้นสำเร็จ
วิธีพัฒนาความเชื่อ
-การอธิษฐานพึ่งพาพระเจ้า การอธิษฐานพึ่งพาพระเจ้าเสมอจะช่วยให้เรามีประสบการณ์ในฤทธิ์เดชของพระเจ้า ซึ่งทำให้เรามีความเชื่อเพิ่มขึ้น ชีวิตที่ใกล้ชิดพระเจ้า จะทำให้เรามั่นใจในพระเจ้าว่าพระเจ้าช่วยเราได้ในทุกๆ
ปัญหาที่เกินความสามารถของเรา
-การสะสมพระวจนะ เราต้องสะสมพระวจนะทุกวัน เราทำได้จากการศึกษาพระคัมภีร์ ยิ่งเราสะสมมากความเชื่อของเราจะถูกทำให้มีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น การศึกษาพระคัมภีร์ไม่มีคำว่า "ฉันรู้เพียงพอแล้ว" "ฉันรู้มากพอแล้ว" แต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด หากเรามีความตั้งใจจริง เราจะสนุกกับการอ่านพระคัมภีร์อย่างมากมาย และที่สำคัญเมื่ออ่านแล้วเราต้องนำความรู้ที่ได้มาปฏิบัติให้เกิดผลจริงในชีวิตของเรา และเป็นพระพรแก่คนรอบข้างให้ได้มากที่สุดเพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า
-การเชื่อฟัง
หากเรามีความเชื่อ เราต้องแสดงออกเป็นการประพฤติด้วยการเชื่อฟัง และกระทำตาม
เราจึงจะเห็นผลในสิ่งที่เราประพฤตินั้น ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการเชื่อฟัง
พระคัมภีร์
เปรียบเสมือนขุมทรัพย์แห่งชีวิต เป็นแหล่งความรู้ เป็นแหล่งรวมปัญญา เป็นป้ายบอกทาแห่งชีวิตง และเป็นคู่มือในการดำเนินชีวิต
เราจึงต้องศึกษาพระคัมภีร์เพื่อที่เราจะได้ระมัดระวังในการดำเนินชีวิตเพื่อให้เป็นไปตามคำสอนของพระเจ้า เพราะไม่เช่นนั้นเราจะพลาดหลงไปจากสัจธรรมความจริงของพระเจ้าได้ พระคัมภีร์จึงต้องเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคริสตชน
เราต้องใช้เวลาอ่านและไตร่ตรองพระคัมภีร์เพื่อการเติบโตชีวิตฝ่ายจิตของเรา เราจึงจะสามารถพูดได้ว่าเราเป็น
“ศิษย์พระคริสต์ เจริญชีวิต ประกาศข่าวดีใหม่”
ข้อคิด
พระคัมภีร์ไม่ได้มีไว้สำหรับอ่านเล่น
ๆ แต่เป็นหนังสือที่เราจะต้องศึกษาเพื่อที่เราจะนำความรู้นั้นมาประยุกต์ใช้ได้
หากเราศึกษาอย่างเอาจริงเอาจัง”
เราก็จะได้รับรางวัลคุ้มค่าเหนื่อยแน่นอน เราต้องให้พระคัมภีร์เป็นมาตรฐานความจริงสูงสุด
ไม่ผิดพลาด เป็นสิ่งที่ใช้วัดทุกสิ่งว่าถูกหรือผิด จริงหรือเท็จ ในเรื่องต่างๆ
ของชีวิต ให้เรานบนอบต่อพระคัมภีร์ในทุกเรื่อง “ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า
และมีประโยชน์ เพื่อสั่งสอน
ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขและอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม” (2ทิโมธี
3:16)
การอ่านพระคัมภีร์ ทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็งและทำให้เรารู้จักพระเจ้ามากขึ้น
ความเชื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้จักรพระเจ้า มีประสบการณ์ในแง่มุมต่าง ๆ
ในพระลักษณะของพระองค์จนทำให้เกิดความมั่นใจว่าพระเจ้าเป็นความจริง
และการตอบสนองอย่างถูกต้องจะทำให้เรารู้จักพระเจ้ามากขึ้น – ทำให้มีชีวิตที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น พระเจ้าปรารถนาให้เราเติบโตถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นผ่านสถานการณ์
การตัดสินใจด้วยความเชื่อจะทำให้เราเรียนรู้จักพระเจ้าในสิ่งที่เกิดความสามารถของเรา
โดยการพึ่งพาไว้วางใจซึ่งจะทำให้เรามีความเชื่อที่เข้มแข็งมากขึ้น - ทำให้เรามีประสบการณ์ในฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะเห็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าผ่านสิ่งต่างๆ
ที่เกินความสามารถของมนุษย์ ดังนั้น
เราจึงสามารถกระทำทุกสิ่งได้เมื่อเรามีความเชื่อ - ทำให้เราได้รับพระสัญญาพระเจ้าเป็นมรดก ผู้ที่มีความเชื่อเขาจะได้รับสิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้ เขาจะเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า
ดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรมและได้รับการอวยพรจากพระเจ้า
ขอขอบคุณบทความหนุนใจจาก
holyspiritthai.com
ratchaburidio.or.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น