อธิษฐานเพื่อชีวิตการแต่งงานของเรา ระยะเวลา 100 วัน
วันที่ 69 พลังแห่งการให้กำลังใจ
กายใจของข้าพระองค์อาจจะเสื่อมถอย
แต่พระเจ้าทรงเป็นพลังใจและเป็นส่วนมรดกของข้าพระองค์ตลอดไป
สดุดี 73:26
การแต่งงานเปรียบเสมือนกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีมและเราทุกคนต้องการกำลังใจจากเพื่อนร่วมทีมของเราเป็นครั้งคราว
ในหนังสือสุภาษิตเรากล่าวว่า "คำพูดที่เหมาะกับกาลเทศะก็เหมือนแอปเปิ้ลทองคำล้อมเงิน" (25:11) คำสอนข้อนี้เตือนเราให้รู้ว่าทุกคำที่เราพูดควรเป็นสิ่งที่สวยงามที่เราจะมอบให้กับคนที่เรารัก
คำพูดของเราทุกคนมีพลังมากพอที่จะยกระดับชีวิตของคนที่เรารักได้
บางครั้งเมื่อเรารู้สึกว่าตัวเองสบายใจและมีความสุขทั้งกาย ทั้งใจ เราก็พบว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะเอ่ยคำพูดดี ๆ
เพื่อให้กำลังใจและเสริมใจผู้อื่นได้ มันเป็นเรื่องง่ายที่เราสามารถคิดหาคำพูดที่แสดงออกถึงความห่วงหา
อาทรต่อคนรักของเรา แต่ตรงกันข้ามเมื่อใดก็ตามที่ใจของเรารู้สึกท้อแท้ เหนื่อยหน่าย หดหู่ สิ้นหวังเพราะมีปัญหามากมายกดดันให้เราต้องคิด-วิตกกังวล มันจึงเป็นเรื่องยากในช่วงเวลานี้ที่เราจะไตร่ตรองคำพูดของตนเองก่อนพูดออกไป
มันไม่ง่ายที่จะให้เราไปกล่าวคำหนุนใจกับใคร เพราะหัวใจของเรากำลังเหี่ยวแห้ง หดหู่
แต่อย่าลืมว่าในฐานะคริสตชน การให้กำลังใจ หนุนใจคู่สมรสถือเป็นภาระผูกพันของเราอย่างชัดเจน:
เราต้องพิจารณาคำพูดของเราอย่างรอบคอบ ว่าสิ่งที่เราพูดออกไปนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นประโยชน์แก่คนที่เรารัก(และคนอื่นๆ)อย่างจริงใจ และเพื่อถวายเกียรติพระบิดาในสวรรค์ของเรา
เท่านั้นจริง ๆ
พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราพูดแต่ถ้อยคำแห่งความเมตตา-ก่อให้เกิดปัญญาและมีความจริง
ไม่สถานการณ์ของเราจะเป็นเช่นไร อารมณ์ของเราจะเป็นเช่นไรก็ตาม
ต้องให้เรามั่นใจได้ว่าคำพูดที่จะออกจากปากของเรานั้นมีประโยชน์ต่อผู้ฟัง
ปราศจากการทำลาย เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราทำเราแบ่งปันของกำนัลอันล้ำค่านี้กับคนที่เรารักและคนที่เราพบเห็น
ก็เท่ากับเราได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้าผู้ที่มอบชีวิตให้กับเรา และในฐานะผู้เชื่อเราต้องทำไม่น้อยกว่าคนอื่น
ข้อคิด
" กำลังใจ ” แม้จะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น
แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลังอันสำคัญนี้ การเสริมเสริมความรักให้เติบโต
เมื่อคู่สมรสต้องการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ทั้งสองต่างก็ต้องการความรัก ความเข้าใจ
การดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน รวมถึงกำลังใจที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันก็เป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นการแสดงออกว่ารัก
และเห็นคุณค่าของกันและกันอย่างสม่ำเสมอถือเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะจะเป็นสิ่งที่จะช่วยในการหล่อเลี้ยงจิตใจของทั้งสองฝ่าย
ในฐานะที่เราเป็นลูกของพระเจ้า
เราทุกคนต่างรู้ว่าพระองค์ทรงรักเราชั่วนิรันดร์และจะดูแลเราอย่างซื่อสัตย์
พระองค์จะคอยช่วยเหลือเราตลอดไป พระองค์ได้มอบของขวัญอันล้ำแก่เราทุกคนนั่นคือพระเยซูพระบุตรของพระองค์มาบังเกิดเป็นมนาย์และตายเพื่อไถ่บาปให้ชาวเรา
ดังนั้นเมื่อเราได้รับพระเมตตามากมายจากพระองค์ เราก็ต้องตอบแทนความรักนี้ด้วยการแบ่งปันความรัก
ความเมตตา ความเอื้ออาทร ฝึกนิสัยการยกชูใจผู้อื่นทั้งในฝ่ายวิญญาณและฝึกหนุนใจกันด้วยมุมมองที่ดีต่อชีวิต
ด้วยท่าทีที่ดีต่อกัน ที่สำคัญเราต้องมีความหวังอยู่เสมอ เพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระองค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น