มาตรวัดความรักของเรา
เราไม่ได้เชื่อฟังพระเจ้าเพียงเพื่อต้องการพิสูจน์ความรักของเรา
แต่เมื่อใดก็ตามที่เรารักพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ เราจะต้องการเชื่อฟังและอยากทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสสอนไว้มากขึ้นเรื่อยๆไปตลอดชีวิตของเรา
23พระเยซูตรัสตอบว่า
“ถ้าผู้ใดรักเราเขาจะเชื่อฟังคำสอนของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา
พระบิดากับเราจะมาหาเขาและอยู่กับเขา 24ผู้ที่ไม่รักเราจะไม่เชื่อฟังคำสอนของเรา
ถ้อยคำซึ่งพวกท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเราเองแต่เป็นของพระบิดาผู้ทรงส่งเรามา
อ่านยอห์น 14:15-24
เป็นเรื่องง่ายที่จะบอกว่าเรารักพระเจ้า
แต่การกระทำของคุณได้แสดงว่าคุณรักพระองค์บ้างหรือไม่? มีคำสุภาษิตโบราณที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆและเป็นความจริง คือ : การกระทำย่อมดังกว่าคำพูด
มาตรวัดความรักของเราคือการเชื่อฟังคำสั่งและหลักการของพระเจ้า
อันที่จริง พระเยซูเน้นประเด็นนี้ถึงสามครั้งในพระคัมภีร์ตอนนี้ (ข้อ 15, 21,
23) นี่ไม่ใช่แนวคิดใหม่สำหรับเหล่าสาวกเช่นกัน
พวกเขาคงคุ้นเคยกับความเชื่อมโยงในพระคัมภีร์ระหว่างความรักและการเชื่อฟัง
(เนหะมีย์ 1:5; ดาเนียล
9:4) อันที่จริง พระเจ้าทรงเน้นย้ำเสมอว่าวิธีแสดงความจงรักภักดีของเราคือการทำตามที่พระองค์ตรัส (เฉลยธรรมบัญญัติ 8:11; เฉลยธรรมบัญญัติ 10:12; เฉลยธรรมบัญญัติ 13:3-4)
ความมุ่งมั่นที่ไม่เต็มใจอาจดูดีสำหรับคนอื่น แต่พระเจ้าทรงทราบความแตกต่างเพราะพระองค์ทรงมองเห็นสิ่งที่อยู่ในจิตใจ
นักเทศน์สามารถเทศนาได้เป็นพันคำเทศนาโดยที่เขาไม่ได้รักพระเจ้าก็มี และในฐานะผู้เชื่อ
เราอาจชูมือขึ้นเพื่อนมัสการ หรือ สนับสนุนพันธกิจ หรือกล่าวถ้อยคำที่สวยงามตามพระคัมภีร์ได้อย่างถูกต้อง
แต่ถ้าเราไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจากพระวจนะของพระเจ้า ก็เหมือนความเชื่อที่ตายแล้ว การรักพระเจ้าหมายถึงการเชื่อฟังพระองค์และนำมาปฏิบัติให้เกิดผลจริง
ดังนั้น เราจึงต้องฉลาดที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้าที่บอกไว้กับโยชูวา นั่นคือการใคร่ครวญพระคัมภีร์ทั้งกลางวันและกลางคืน (โยชูวา 1:8) การอ่านพระคัมภีร์ทุกวันช่วยให้เรารู้ว่าเราจะเชื่อฟังพระองค์ได้อย่างไร
ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะรักษาความสัตย์ซื่อและเป็นการแสดงความรักต่อพระบิดาของเราได้ดีที่สุด
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
intouch.org
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น