จงกล้าหาญและใช้ปัญญาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง
วิธีที่เราใช้จัดการความขัดแย้งสามารถส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างได้อย่างมาก
อ่าน มัทธิว
5:3-16
3“ความสุขมีแก่ผู้ที่สำนึกว่าตนขัดสนฝ่ายจิตวิญญาณ
เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขาแล้ว
4ความสุขมีแก่ผู้ที่โศกเศร้า
เพราะเขาจะได้รับการปลอบประโลม
5ความสุขมีแก่ผู้ที่ถ่อมสุภาพ
เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
6ความสุขมีแก่ผู้ที่หิวกระหายความชอบธรรม
เพราะเขาจะได้อิ่มบริบูรณ์
7ความสุขมีแก่ผู้ที่เมตตากรุณา
เพราะเขาจะได้รับความเมตตากรุณาตอบแทน
8ความสุขมีแก่ผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์
เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
9ความสุขมีแก่ผู้ที่สร้างสันติ
เพราะเขาจะได้ชื่อว่าบุตรของพระเจ้า
10ความสุขมีแก่ผู้ที่ถูกข่มเหงเพราะความชอบธรรม
เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขาแล้ว
11“ความสุขมีแก่ท่านเมื่อคนทั้งหลายสบประมาท
ข่มเหง และใส่ร้ายป้ายสีท่านเพราะเรา
12จงชื่นชมยินดีเถิดเพราะบำเหน็จของท่านในสวรรค์ยิ่งใหญ่นัก
เพราะพวกเขาได้ข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน
13“ท่านทั้งหลายเป็นเกลือของโลก
แต่ถ้าเกลือนั้นหมดความเค็มแล้วจะทำให้กลับเค็มอีกได้อย่างไร? มันก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีกต่อไป
มีแต่จะถูกสาดทิ้งให้คนเหยียบย่ำ
14“ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างของโลก
เมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาจะซ่อนไว้ไม่ได้ 15เช่นเดียวกัน
เมื่อคนจุดตะเกียงแล้วย่อมไม่เอาฝาครอบ แต่จะตั้งไว้บนเชิงตะเกียงให้ส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้าน
16ในทำนองเดียวกัน จงให้ความสว่างของท่านกระจ่างแจ้งต่อหน้าคนทั้งหลาย
เพื่อเขาจะเห็นการดีของท่านและสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์
ความรอดไม่ได้รับประกันว่าเราจะมีชีวิตที่เรียบง่าย
และ เราไม่สามารถหลีกหนีความขัดแย้งได้ ดังนั้น
จึงควรเรียนรู้ที่จะเผชิญกับมันด้วยความกล้าหาญและด้วยปัญญา ความสุขในความเชื่อของเราคือการที่พระเจ้าประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่เราเพื่อจัดการกับทุกสิ่งที่เข้ามา และพระองค์สามารถใช้สิ่งที่ยากให้เกิดผลดีในชีวิตของเรา
พิจารณาแบบอย่างของพระเจ้า พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าโดยสมบูรณ์
แต่ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์เช่นกัน
นั่นหมายความว่าพระองค์ทรงเข้าใจความเจ็บปวดของการปฏิเสธ เช่นเดียวกับที่เราเข้าใจ
(ฮีบรู 4:15) ถึงกระนั้นพระองค์ก็ไม่เกรงกลัวการท้าทายสถานะที่เป็นอยู่ซึ่งผู้นำทางศาสนาเรียกร้องให้พระองค์สิ้นพระชนม์
พระองค์ทรงเป็นศูนย์กลางของการโต้เถียงตลอดการปฏิบัติศาสนกิจ
ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระองค์มักปลีกตัวไปอยู่ตามลำพังกับพระบิดา ช่างเป็นการปลอบโยนที่ช่วยให้เราตระหนักว่าพระบิดาทรงเข้าใจเมื่อเราต้องอยู่ท่ามกลางการข่มเหงเช่นกัน
การตระหนักรู้นั้นยังสามารถช่วยให้เรามีความสัมพันธ์กับพระคริสต์ในรูปแบบใหม่อย่างลึกซึ้ง
และทำตามแบบอย่างความสัตย์ซื่อของพระองค์
แม้เมื่อเราถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือถูกปฏิเสธ เพียงแค่เป็นคนที่พระเจ้าสร้างให้เราเป็น
ก็สามารถสร้างผลกระทบต่อคนรอบข้างได้แล้ว สิ่งสำคัญคืออย่ายอมแพ้
ดังนั้นขอให้พระเจ้าช่วยให้คุณมีความพยายาม และวางใจว่าพระองค์กำลังทำงานของพระองค์อยู่!
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
intouch.org
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น