วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ผู้ใดอยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
วันที่ 209 - พระเจ้าคือความรัก
เช่นนี้เราจึงรู้และเชื่อมั่นในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา
พระเจ้าทรงเป็นความรัก ผู้ใดอยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้าและพระเจ้าทรงอยู่ภายในเขา
1 ยอห์น 4:16

ความรักคือทั้งหมดในธรรมชาติของพระเจ้า สิ่งนี้เป็นอะไรที่มากกว่าใครบางคนมีความรักในใจของเขา หรือความสามารถที่จะรัก แต่หมายความว่าพระองค์ทรงเป็นความรัก! และเพราะว่าพระองค์ทรงเป็นความรัก พระองค์ไม่มีความสามารถที่จะเกลียดชัง เป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้าที่จะเกลียดชัง ความเกลียดชังเป็นของความมืด พระเจ้าทรงเป็นแสงสว่าง และในพระองค์ไม่มีความมืดเลย ความรักของพระเจ้านั้นสมบูรณ์แบบ  

พระเจ้าทรงเป็นความรัก เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดเผยพระเจ้าให้แก่คุณ และเมื่อคุณได้รู้จักพระองค์ ความรักของพระองค์จะครอบครองคุณ  ยิ่งคุณรักพระองค์มากเท่าใด คุณก็จะยิ่งเหมือนพระองค์มากเท่านั้น ในขณะที่คุณภาวนาในความรักของพระองค์ที่มีสำหรับคุณ คุณจะพบว่าตัวเองได้สำแดงความรักแบบเดียวกันนั้นในชีวิตของคุณด้วย

ข้อคิด
คุณเป็นผลผลิตของความรัก ให้ความรักของพระเจ้าในวิญญาณของคุณครอบครองคุณ และเป็นทุกสิ่งที่คุณทำ พระวจนะกล่าวว่าอย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ในการกระทำด้วย (1 ยอห์น 3:18) จงเป็นเหมือนพระเจ้าผู้ทรงเป็นความรัก เพราะพระองค์ทรงเป็นอย่างไร คุณก็เป็นอย่างนั้นในโลกนี้

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
rorthai.com

อย่าโอ้อวดเรื่องของวันพรุ่งนี้


อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน  

วันที่ 208 – เรื่องของพรุ่งนี้ไม่มีใครรู้ มีแต่พระเจ้าที่รู้
อย่าโอ้อวดเรื่องของวันพรุ่งนี้
เพราะเจ้าไม่รู้ว่าในวันหนึ่งจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
สุภาษิต 27: 1

จากข้อพระคัมภีร์นี้มีข้อเตือนใจอย่างมีคุณค่า โดยเตือนเราว่าอย่าใช้ชีวิตโดยประมาท "อย่าอวดเรื่องของวันพรุ่งนี้" ข้อนี้ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้เราวางแผนงานสำหรับอนาคต แต่เตือนเราให้เรารู้จักที่จะทำวันนี้ที่พระเจ้าประทานให้ให้ได้ผลสูงสุดและดีที่สุด ไม่ใช่รอจนถึงพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้อาจไม่มีสำหรับเรา

คุณเคยคิดวางแผนชีวิตเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับคุณและครอบครัวใช่ไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วย: เพราะพระเจ้าทรงพอพระทัยผู้ที่รู้จักวางแผนและทำด้วยความนอบน้อม-ด้วยความกตัญญูและด้วยความไว้วางใจในพระองค์  พระหัตถ์ของพระเจ้าจะชี้นำอนาคตให้กับคุณอย่างแน่นอน  ในทางตรงกันข้ามพระองค์ไม่พอพระทัยการกระทำของคนที่หุนหันพลันแล่น ดังนั้นหากเราทุกคนเข้าใจความจริงที่ว่า   ชีวิตบนโลกใบนี้ของเราทุกคนมีเวลาจำกัดและพระเจ้าเป็นผู้จัดเตรียมให้กับเรา มันจะช่วยให้เรายอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ในแต่ละวันให้มีคุณค่ามากที่สุด และทุกอย่างก็ขึ้นอยู่ที่เราว่าจะบริหารจัดการอย่างไรกับเวลาที่พระเจ้าประทานให้เรา

ข้อคิด
พระคัมภีร์ตอนนี้ได้เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้ไว้อย่างน้อย 3  ประการ คือ
            1.พรุ่งนี้ไม่มีใครรู้
            2.พรุ่งนี้ฝากชีวิตไว้กับพระเจ้า
            3.พรุ่งนี้เป็นผลมาจากการตัดสินใจในวันนี้

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
sites.google.com
romyenchurch.org

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ความรักคือให้อภัย




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
วันที่ 207 - ความรักคือให้อภัย
เมื่อท่านยืนอธิษฐาน จงให้อภัยคนที่ท่านไม่พอใจ เพื่อพระบิดาของท่านในสวรรค์จะทรงอภัยบาปของท่าน
มาระโก 11:25

รักแท้คือการให้อภัยที่ไม่มีสิ้นสุด หากเราต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนเราต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย ทำไม? เพราะไม่มีใครสมบูรณ์ รวมถึงตัวเรา บ่อยครั้งที่เราต้องให้อภัยครอบครัวและเพื่อนของเรา มากมายหลายครั้งนับไม่ถ้วน ทำไม? เพราะนั่นคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำ เรื่องการให้อภัยผู้อื่นนับเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวคนเรามากที่สุด เพราะในทุกๆความสัมพันธ์ไม่ว่าจะในครอบครัว ในหมู่เพื่อน หรือแม้แต่กับคนที่เราไม่รู้จักก็อาจเกิดปัญหาขึ้นจนต้องมีการให้อภัยกัน

บางทีการให้อภัยอาจเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้เพียงคนเดียว การให้อภัยที่แท้จริงและยั่งยืนมักเป็นเรื่องยากไม่ใช่ว่าใครก็สามารถบรรลุได้ง่าย ๆ   ถึงมันจะยากในบางกรณีหรือกับคนบางคนแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลย ให้เราขอบคุณพระเจ้าที่ทุกสิ่งที่เป็นไปได้ก็เพราะด้วยการช่วยเหลือจากพระองค์ ไม่อย่างนั้นเราคงจะรักและอภัยใครไม่ได้เลย   พระองค์ทรงคาดหวังที่จะเห็นคุณทำในส่วนของคุณอย่างเต็มที่ และทำอย่างจริงใจ  การให้อภัยเป็นงานที่พระเจ้าอยากให้คุณรู้และจำไว้ว่าผลตอบแทนนั้นคุ้มค่ามากกับความพยายาม

ข้อคิด
ทุกวันให้เราท่องจำให้ขึ้นใจ ว่าฉันจะให้อภัย ... และจะให้อภัยต่อ ๆไป อย่างไม่มีสิ้นสุด  บางครั้งคุณอาจให้อภัยใครซักคนและหลังจากนั้นในเวลาต่อมาก็โกรธคนคนเดิมซ้ำอีกครั้ง ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณจะต้องให้อภัยบุคคลนั้นอีกครั้ง ...จงทำซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าใจคุณจะเคยชินกับการให้อภัย 

การให้​อภัย​ คือการที่เรา​ไม่​ถือ​โทษ​และ​ไม่​เรียก​ร้อง​ให้​เขา​มา​ขอ​โทษ​หรือ​ชด​ใช้ พระคัมภีร์​สอน​ว่า​ความ​รัก​แบบ​ไม่​เห็น​แก่​ตัว​เป็น​หัวใจ​สำคัญ​ของ​การ​ให้​อภัย​อย่าง​แท้​จริง เพราะ​ความ​รัก “ไม่​จด​จำ​เรื่อง​ที่​ทำ​ให้​เจ็บใจ”—1 โครินท์ 13:4, 5

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
thaiodb.org

พระคัมภีร์ คู่มือชีวิต-การเงิน




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
 วันที่ 206 - คู่มือชีวิต-การเงิน
พระพรขององค์พระผู้เป็นเจ้านำความมั่งคั่งมาให้
และไม่ได้ทรงแถมความทุกข์ร้อนมาด้วย
สุภาษิต 10:22

พระวจนะของพระเจ้าไม่เพียง แต่เป็นแนวทางสู่ชีวิตนิรันดร์เท่านั้น แต่ยังเป็นคู่มือที่จำเป็นสำหรับชีวิตบนโลกใบนี้ด้วย ในพระคัมภีร์ได้พูดเกี่ยวกับชีวิตและเรื่องของการเงินไว้มากมาย หลายคนพยายามมองหาที่ปรึกษาเกี่ยวกับการบริการทางการเงินจากหลายสถาบัน จนหลงลืมไปว่าในพระคัมภีร์ก็มีคำแนะนำที่ดีและถูกต้องแม่นยำมากมายไว้ให้กับเรา

พระวจนะของพระเจ้าเป็นหนทางที่จะนำพาคุณไปสู่สถานที่ที่มีความชอบธรรมและอุดมสมบูรณ์ หวังว่าคุณจะให้พระคัมภีร์เป็นคู่มือในการดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่บนโลกนี้  ภูมิปัญญาของพระเจ้าสามารถเป็นแสงสว่างในการชี้นำทุกย่างก้าวของคุณ และเป็นแสงให้กับคุณ พระวจนะของพระเจ้าเป็นเครื่องมือที่ทรงคุณค่าสำหรับการทำให้วันนี้เป็นวันที่ดีกว่าทุกวันที่เคยเป็นและทำให้คุณมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย และสุดท้ายพระวจนะของพระเจ้าสามารถช่วยคุณจัดการเรื่องของการเงินของคุณในแบบที่คุณไม่ต้องกังวลและทำให้คุณมีเวลามากขึ้นในการเฉลิมฉลองพระสิริอันรุ่งโรจน์ของพระองค์มากขึ้น หากฟังดูแล้วน่าสนใจให้คุณลองเปิดพระคัมภีร์และอ่านคำแนะนำต่าง ๆ แล้วนำมาปฏิบัติตาม จงทำให้มันเป็นเครื่องมือประจำตัวของคุณโดยเริ่มจากวันนี้ ตอนนี้เลย

พระคัมภีร์ได้พูดเกี่ยวกับการบริหารการเงินไว้อย่างไรบ้าง ? คำตอบสามารถสรุปได้เป็นคำ ๆ เดียวคือ – สติปัญญา เราจะต้องฉลาดในการใช้จ่ายเงิน เราจะต้องเก็บเงินเอาไว้บ้างแต่ไม่ใช่เก็บหวงไว้โดยไม่ใช้จ่ายเลย เราต้องใช้จ่ายเงินและต้องมีการไตร่ตรอง-ควบคุม เราจะต้องถวายคืนให้กับพระเจ้า - ด้วยความชื่นชมยินดีและเหมือนกับเป็นการถวายเครื่องบูชา เราจะต้องใช้เงินของเราเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แต่ต้องมีการไตร่ตรองและเป็นพึ่งการทรงนำของพระวิญญาณของพระเจ้า การร่ำรวยไม่ใช่ความผิด แต่การรักเงินเป็นสิ่งผิด การยากจนไม่ใช่ความผิด แต่การใช้จ่ายเงินอย่างไร้สาระเป็นสิ่งผิด พระคัมภีร์สอนอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับการบริหารเงินว่าให้เราเป็นคนฉลาด


ข้อคิด
ให้รู้จักประเมินการใช้จ่ายของตนเอง ในการบริหารการเงินคุณต้องใช้สติปัญญาและไม่ควรใช้จ่ายเกินกำลัง  คุณควรจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งเป็นเงินเก็บที่เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ที่สำคัญอย่าใช้จ่ายมากกว่าที่คุณหามาได้  และอย่าลืมที่จะแบ่งปันผู้อื่นตามโอกาส อย่าเอาแต่พูดว่า ต้องรอให้ฉันรวยก่อน ฉันถึงจะช่วยคนอื่นได้. รอให้รวยก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะรวย เมื่อไหร่จะพอ ดังนั้นหากคุณมีมากก็ให้มาก มีน้อยก็ให้ได้ ช่วยเหลือตามแรงที่เรามี พระเจ้าไม่ได้วัดค่าจากจำนวนเงินหรือสิ่งของที่เราแบ่งปันออกไป พระองค์ทรงมองดูที่จิตใจของเรา ความตั้งใจดีของเรา

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
 gotquestions.org

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ครอบครัวที่พระเจ้าทรงพอพระทัย




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
วันที่ 205 - ครอบครัวที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
จงให้พระวจนะของพระคริสต์เปี่ยมล้นอยู่ในท่านขณะที่ท่านสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น และขณะที่ท่านร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และบทเพลงฝ่ายวิญญาณด้วยใจกตัญญูต่อพระเจ้า
โคโลสี 3:16

“ความรักทำให้ความยากจนก็กลายเป็นความมั่งมีได้ และน้ำตาที่ไหลเป็นความหวานได้  ถ้าไม่มีความรัก ความสวยงามก็ไม่มี”   เมื่อมีความรักอยู่ในตาของทุกคนในครอบครัว    สันติสุขก็อยู่ในครอบครัวที่ได้ถูกสร้างไว้ด้วยความเชื่อและความรัก   

แน่นอนในชีวิตของทุกครอบครัวมีช่วงเวลาของความผิดหวังและความเสียใจมากมาย แต่เมื่อเราได้เป็นหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้าแล้ว เราจะได้รับสิทธิพิเศษและสง่าราศรีมาก มาย   อันแรก พระเจ้าเป็นพระบิดาของเรา และเราก็เป็นบุตรของพระองค์ เมื่อเราเป็นหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้าแล้ว เราจะได้รับมรดกฝ่ายวิญญาณด้วย  ในครอบครัวแห่งความเชื่อของพระเจ้า พระองค์ประทาน พ่อ แม่ พี่น้องให้กับเรา และทรงชื่นใจ เมื่อเห็นเราแบ่งปันชีวิตของเราแก่กันและกัน ในพระคุณและความรักของพระองค์

ไม่มีครอบครัวใดที่สมบูรณ์แบบและรวมถึงคุณด้วย มีพระคัมภีร์มากมายหลายตอนที่บอกอย่างชัดเจนว่า ครอบครัวที่พระเจ้าทรงพอพระทัยและอวยพระพรนั้นเป็นอย่างไร
1.ครอบครัวที่ศึกษาพระวจนะด้วยกัน (เฉลยธรรมบัญญัติ.4:9-10)
2.ครอบครัวที่นมัสการพระเจ้าด้วยกัน (1โครินทร์.16:19)
3.ครอบครัวที่มีระเบียบวินัย (สุภาษิต. 31:27, 1ทิโมธี.3:4-5,12)
4.ครอบครัวที่มีความเป็นหนึ่งเดียว (สดุดี.133:1-3)
5.ครอบครัวที่มีความอดทน อดกลั้นต่อกัน (ปฐมกาล. 50:17-21)
6.ครอบครัวชื่นชมยินดีในพระเจ้าด้วยกัน (เฉลยธรรมบัญญัติ. 15:26)
7.ครอบครัวที่มีการตักเตือนสอนกัน (เฉลยธรรมบัญญัติ. 29:18)

ข้อคิด
พระเจ้ารักคุณและฉัน ให้เรารักซึ่งกันและกัน  ขอให้เราอย่ายอมแพ้ต่อพระเจ้า และอย่ายอมแพ้ในการที่จะรักและอภัยให้กับคนในครอบครัว ให้คุณจำไว้ว่า: พระองค์จะไม่ยอมแพ้ต่อคุณหรือครอบครัวของคุณเช่นกัน 

ข้าแต่พระบิดา พระองค์ทรงเรียกให้ลูกรัก-ปรนนิบัติกันและกัน ขอโปรดประทานจิตใจที่ยอมใส่ใจผู้อื่น ให้ข้าพระองค์รู้จักขอความช่วยเหลือเมื่อต้องการ และมีใจเมตตาช่วยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อาเมน

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
thaisermon.org
thaiodb.org

เราเป็นทูตของพระคริสต์




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
วันที่ 204 – เราทุกคนควรเป็นแบบอย่างที่ดี
ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์เสมือนหนึ่งพระเจ้าทรงร้องเรียกท่านทั้งหลายผ่านทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ว่า จงคืนดีกับพระเจ้า
2 โครินธ์ 5:20

ไม่ว่าเราจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม แต่ความจริงก็คือเราทุกคนมีโอกาสเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นได้ เพราะว่าเพื่อนและสมาชิกในครอบครัวของเรา เขาอาจกำลังมองดูการกระทำของเราอยู่ และในฐานะผู้ติดตามพระคริสต์เรามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์

คุณเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตแบบไหน? คุณเป็นคนประเภทที่ดำเนินชีวิตและทำหน้าที่แบบยึดหลักความชอบธรรมอย่างแท้จริงหรือไม่? คุณเป็นคนที่พฤติกรรมที่เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับคนหนุ่มสาวหรือไม่?  คุณเป็นคนประเภทที่ดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความเมตตาความซื่อสัตย์และความรักต่อพระเจ้าหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณไม่เพียงได้รับพรจากพระเจ้าเท่านั้น แต่คุณยังเป็นพลังที่แข็งแกร่งสำหรับความดีในโลกที่ยังต้องการอิทธิพลในเชิงบวกเช่นคุณ

ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ แต่จงกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณบอกว่าคุณเข้าใจดีในพระคัมภีร์ แต่คุณกลับไม่ได้เอามันมาใช้ให้เกิดผลจริงในชีวิต อันนี้เป็นสิ่งที่น่าคิด เพราะคนส่วนใหญ่รู้และท่องจำทฤษฎีได้ขึ้นใจ แต่ในทางปฏิบัติจริงเป็นศูนย์ นั่นก็หมายความว่า การกระทำสวนทางกับสิ่งที่เขารู้และพูด  เราอาจจะคุ้นเคยกับที่ว่า “การกระทำมันดังกว่าคำพูด””  ดังนั้นหากคุณคือคนที่พูดว่าตัวเองรู้และเข้าใจพระวจนะของพระเจ้าเป็นอย่างดี คุณเองก็ต้องนำเอาหลักคำสอนจากพระคัมภีร์มาใช้ในการดำเนินชีวิตเพื่อให้เกิดผลจริงและเพื่อให้เป็นพระพรแก่คนรอบข้างให้ได้มากที่สุด  การกระทำของคุณก็จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรอบข้าง อย่างน้อยครอบครัวและเพื่อนของคุณก็กำลังเฝ้าดูอยู่และเหนือสิ่งอื่นใด พระเจ้าก็เฝ้ามองคุณอยู่เช่นกัน

ข้อคิด
หากเปรียบชีวิตของคุณเป็นคำเทศนา คุณจะเป็นคำเทศนาแบบไหน? ดังนั้นจงจำไว้ว่าทุกคำที่คุณเลือกที่จะพูดอาจมีผลกระทบต่อผู้อื่นเสมอ แต่ก็อาจไม่กระทบมากเท่ากับการกระทำ หรือแนวทางในการดำเนินชีวิตที่คุณเลือกที่จะเป็นอยู่ในวันนี้ ตอนนี้. วันนี้ให้คุณหยุดพิจารณาโทนเสียงของคุณ  สาระสำคัญ  และบริบทของการเทศนา และถามตัวเองว่าอะไรคือเนื้อหาสาระที่คุณภูมิใจนำเสนอที่สุดในวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ช่วงเวลาที่เรารู้สึกเหนื่อยล้า



อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
วันที่ 203 - ช่วงเวลาที่เรารู้สึกเหนื่อยล้า
เพราะพระองค์จะทรงซ่อนข้าพเจ้าในที่กำบังของพระองค์ ในยามยากลำบาก
สดุดี 27:5

เราทุกคนมีช่วงเวลาที่เรารู้สึกเหนื่อยล้า เราทุกคนต้องเคยทนทุกข์ทรมานผ่านวันเวลาที่ยากลำบากมาบ้างไม่มากก็น้อย   แต่ใน​ฐานะ​สาวก​ของ​พระ​เยซู เรา​คุ้น​เคย​ดี​กับ​คำ​เชิญ​ชวน​อัน​น่า​ดึงดูด​ใจ​ของ​พระองค์​ที่​ว่า “บรรดา​ผู้​ลำบาก​เหน็ด​เหนื่อย​จง​มา​หา​เรา, และ​เรา​จะ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​หาย​เหนื่อย​เป็น​สุข. . . . ด้วย​ว่า​แอก​ของ​เรา​ก็​พอ​เหมาะ, และ​ภาระ​ของ​เรา​ก็​เบา.

บาง​ครั้ง สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​ชีวิต​ของ​เรา​ยุ่งยาก และ​รู้สึก​เหนื่อย​ล้า​ทาง​อารมณ์ เกิด​จากการ​เผชิญ​ปัญหา​สุขภาพ​ที่​ยาก​แก่​การ​รักษา, สูญ​เสีย​คน​รัก​ไป, หรือ​ประสบ​ปัญหา​อื่น ๆ ที่​ก่อ​ความ​ทุกข์​ใจ  ดังนั้นในวันที่เราเหนื่อย และท้อแท้ให้เราค่อย ๆ พัก ใจเย็น ๆ  อธิษฐาน พึ่งพาพระเจ้าก่อนค่อย ๆ วางความทุกข์ตรงนั้นไว้ แล้วค่อย ๆ คิด วางแผน และแก้ปัญหาทีละเล็กละน้อย พระเจ้าฟังคำอธิษฐานเราเสมอ พระองค์ทรงเข้าใจสภาพจิตใจของเรา อย่าให้ความท้อแท้ สิ้นหวัง ความเหนื่อยล้ามีอิทธิพลที่จะทำให้เราออกห่างจากพระเจ้า แต่เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกอ่อนล้าอยากให้คุณรู้สึกทุกครั้งว่าพระเจ้าทรงอยู่ข้างเราเสมอ และทรงฟังคำอธิษฐานของเราตลอดเวลา มีสิ่งดี ๆ สำหรับเรารอคอยเราอยู่เสมอ

ข้อคิด
จงจำไว้ว่า ความคิดของเรากำหนดความรู้สึกของเรา ถ้าเราคิดถึงแต่ความท้อใจ เราก็ไม่มีทางออกจากความรู้สึกนั้น แต่ถ้าเราคิดถึงผู้ที่มีกำลังและอำนาจมากกว่าเรา คือ พระเจ้า เราจะสามารถออกจากความท้อใจได้ ให้การจดจ่อของเราอยู่ที่พระเยซู และคิดถึงพระวจนะของพระเจ้าที่เป็นพระสัญญาจะช่วยให้เรามีกำลังใจขึ้น    ในช่วงเวลาที่ลำบาก พระองค์ทรงเป็นที่พึ่ง และให้ความหวังใจกับเราเสมอ “พระเจ้ารักคุณนะ”

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
เฟสบุคคริสเตียนแบ่งปัน

พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน อย่ากลัว อย่าท้อเลย



อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
วันที่ 202 - พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน อย่ากลัว อย่าท้อเลย
อย่ากลัว อย่าท้อแท้เลย องค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะทรงนำหน้าท่านและสถิตอยู่กับท่าน พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งหรือละทิ้งท่านเลย”
เฉลยธรรมบัญญัติ 31: 8

ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ผู้เชื่อในพระเจ้าทุกคนต่างก็ต้องผ่าน และเจอความยากลำบากกันทั้งสิ้น  ความอดทนจึงเป็นคุณสมบัติเราต้องมีมากกว่าคนอื่น   ความยากลำบากเป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจใหม่ว่าโดยส่วนใหญ่มันเกิดจากเราทำเอง หรือคนอื่นกระทำให้เรา เราต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญกับสิ่งนั้น ๆ ด้วยความอดทนและมีความไว้วางใจในพระเจ้า  เราต้องมีใจที่กล้าหาญ  และต้องมีความมั่นใจในพระองค์ 

ในบางครั้งเราอาจพบอุปสรรค สิ่งที่ยากที่จะเข้าใจ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นการบั่นทอนความสุข ทำให้เราสิ้นหวัง ทุกข์เศร้า แท้จริงแล้วพระเจ้าทรงดูเราอยู่เสมอ แม้ว่าเราเจอกับความทุกข์เหล่านั้น ถ้าเราอธิษฐานกับพระเจ้า ขอการทรงนำ ประทานกำลัง สติปัญญา เรี่ยวแรงในการผ่านพ้นกับปัญหาเหล่านั้น รวมถึงไว้ใจพระเจ้าผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเรา ไม่มีใครต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยกับเราเสมอ ขอเพียงแค่เปิดใจของเราออก ทูลขอพระเจ้าทรงช่วยเสริมกำลังให้เราเพื่อที่เราจะได้มีสติปัญญาในการรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่ากลัวเลยเพราะพระเจ้าทรงอยู่กับเรา

ข้อคิด
หากคุณรู้สึกท้อแท้ให้พยายามนำความคิดของคุณออกไปจากปัญหาที่ทำให้คุณใจคุณห่อเหี่ยวสิ้นหวัง และเปลี่ยนไปเป็นจดจ่อกับโอกาสดี ๆ อีกมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งมันอยู่รอบตัวคุณเพราะถ้าคุณมัวแต่จดจ้องไปที่ปัญหา คุณจะไม่มีสายตา และสูญเสียโอกาสที่จะพบกับสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้คุณ จงระลึกถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า พระเจ้าผู้ช่วยเหลือเรามาในอดีต พระองค์จะยังจงดูแลเรา ช่วยกู้เรา ทรงนำหน้าชีวิตเราต่อไป ตลอดกาล

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
เฟสบุคร่มเย็น นครราชสีมา

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

พระเจ้าสามารถจัดการได้ทุกอย่าง



อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
วันที่ 201 - พระเจ้าสามารถจัดการได้ทุกอย่าง
1แต่บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
ยาโคบเอ๋ย พระองค์ผู้ทรงสร้างท่าน
อิสราเอลเอ๋ย พระองค์ผู้ทรงปั้นท่าน
“อย่ากลัวเลย เพราะเราได้ไถ่เจ้าไว้แล้ว
เราได้เรียกชื่อเจ้า เจ้าเป็นของเรา
อิสยาห์ 43: 1

ชีวิตที่นี่ในโลกใบนี้อาจเป็นมีเรื่องยากและมีเรื่องให้เราท้อแท้ในบางเวลา ในช่วงเวลาที่มืดมนของเราพระเจ้าจะมอบความเข้มแข็งและความกล้าหาญแก่เรา หากเราหันใจของเราเข้าหาพระองค์และสวดอ้อนวอนต่อพระองค์อย่างสม่ำเสมอ ในฐานะคริสตชนที่เชื่อเรามีเหตุผลนานับประการที่จะดำเนินชีวิตอย่างกล้าหาญ เพราะท้ายที่สุดแล้วการต่อสู้ขั้นสุดท้ายได้ถูกต่อสู้และชนะบนไม้กางเขนที่คัลวารีแล้ว แต่บางครั้งเนื่องจากเราเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งมีศรัทธาที่ไม่เข้มแข็งเราจึงตกเป็นเหยื่อของความกลัวและความสงสัย

บ่อยครั้ง เราอยากรู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นเพื่อเราจะได้พร้อมรับมือ ควบคุม หรือหลีกเลี่ยงมันได้ ผู้มีปัญญาได้กล่าวไว้ว่า “แม้เราจะไม่เห็นสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า แต่พระเจ้าเห็น” ซึ่งดีและน่าอุ่นใจกว่าเป็นไหนๆ!  เราจะมีรอยยิ้มขึ้นได้ เมื่อหวังใจในสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ ความหวังทำให้เรามีจุดยืน และมีกำลังจากภายใน ช่วยให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้ เพราะเรารู้แน่ว่าวันหนึ่ง เราจะเปลี่ยนไปจากที่เราเป็นอยู่นี้โดยสิ้นเชิง

นับจากนี้หากคุณต้องพบกับแบบทดสอบของชีวิต อย่าลืมว่าพระเจ้านั้นอยู่ใกล้คุณ ให้พระองค์เป็นโล่และกำลังของคุณ พระองค์จะเป็นผู้คุ้มครอง ให้คุณทูลต่อพระองค์ในทุกเรื่อง ไม่ว่าคุณจะถูกท้าทายด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ไม่ว่าปัญหาของคุณจะมาในรูปแบบไหน พระเจ้าสามารถจัดการได้ !!

ข้อคิด
ความกล้าของคุณกำลังถูกทดสอบหรือไม่? ถ้าใช่ให้คุณยึดติดกับคำสัญญาของพระเจ้าและอธิษฐานต่อพระองค์ พระเจ้าสามารถประทานความแข็งแกร่งแก่คุณในการเผชิญกับความท้าทายทุกสิ่ง และเพราะมีพระองค์ทุกสิ่งเป็นจริงได้

พระเยซูทรงสัญญาว่าจะดูแลเราทุกๆวัน ซึ่งหมายถึงวันพรุ่งนี้ด้วย เราจึงมีชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อวันต่อวัน (มธ.6:33-34)

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
thaiodb.org

จิตสำนึกอันดี



อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
วันที่ 200 – เสียงของพระเจ้า
เปาโลมองตรงไปที่สมาชิกสภาแซนเฮดรินและกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ของตนต่อพระเจ้าด้วยจิตสำนึกอันดีมาจนทุกวันนี้”
กิจการ 23 : 1

คำว่า “จิตสำนึกอันดี” ในภาษาอังกฤษคือ Conscience. บางทีเราแปลคำนี้ว่า “มโนธรรมมโนธรรมเป็นกลไกภายในชีวิตที่สำคัญมากสำหรับมนุษย์ มีนักศาสนา นักจิตวิทยาให้คำนิยามความหมายของคำนี้ไว้อย่างน่าสนใจ เช่น “พระเจ้าประทานมโนธรรมให้มนุษย์เพื่อตำหนิพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง มโนธรรมทำหน้าที่ตรวจสอบทั้งพฤติกรรมและเจตนาของบุคคล มโนธรรมคือยามที่พระเจ้าตั้งไว้ดูแลจิตใจมนุษย์  ไม่ว่าจะเป็นการกระทำและการตัดสินใจ มโนธรรมจะทำหน้าที่ติชมตามหลักการของความถูกผิด

พวกเราส่วนใหญ่ชอบทำตามใจ ตามสะดวก ตามคนอื่น แน่นอนว่าการทำเช่นนั้นเป็นความผิดพลาด  เพราะเกิดจากการที่เราทุกคนล้มเหลวในการฟังเสียงที่พระเจ้าปลูกไว้ในใจของเราและเราทุกคนจะต้องยอมรับในผลที่ตามมา

เพื่อให้เส้นทางของคุณสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์ ผู้เชื่อที่ฉลาดจะฟังเสียงของมโนธรรมอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะได้ยินว่าพระเจ้ากำลังพูดอะไรกับคุณอยู่ จงฟังและเรียนรู้ เพราะพระเจ้าพยายามที่จะส่งข้อความของพระองค์ผ่านเข้ามาในจิตสำนึกอันดีของคุณ  

ข้อคิด
พระคัมภีร์ช่วยสร้างมโนธรรมอันดีแก่เราได้ ในพระคัมภีร์มีคำสอนมากมายที่จะเป็นเสียงคอยเตือนสติในเวลาที่เรากำลังออกนอกลู่นอกทาง หลายคนฝืนมโนธรรมจนมันไม่ทำงานต่อไป ทำผิดอะไรก็ไม่ฟ้องผิดต่อไป เมื่อใดทำผิดและมโนธรรมไม่ฟ้องผิด เราเรียกว่า “มโนธรรมตายด้าน” และความหายนะจะตามมา ดังนั้นจงเป็นเหมือนท่านนักบุญเปาโล ท่านไม่เพียงแต่รักษาความเชื่อเท่านั้น แต่ท่านรักษามโนธรรมอันดีตลอดช่วงชีวิตของท่านบนโลกใบนี้ เราเองก็ควรทำเช่นเดียวกัน

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
คริสตจักรร่มเย็น พระราม 2

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

การส่งต่อความศรัทธา



อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
วันที่ 199 – การส่งต่อความศรัทธา
ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะทำสิ่งใดจงทุ่มเททำอย่างสุดใจเหมือนทำเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เพื่อมนุษย์
โคโลสี 3:23

ศรัทธา หมายถึง รากฐานแห่งความสัมพันธ์ที่ถูกต้องของมนุษย์ที่ต้องมีต่อพระเป็นเจ้า เพราะเป็นการตอบสนองต่อความรักของพระเป็นเจ้า โดยการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คำนี้มีความหมายกว้างมาก ครอบคลุมความหมายของความเชื่อ ความไว้วางใจ อย่างไม่มีข้อกังขาใด ๆ ความแน่ใจในความหวังในสิ่งที่ยังไม่ได้เห็น ความเชื่อฟังโดยปราศจากข้อแม้ใด ๆ รวมทั้งความสัตย์ซื่อ ความมั่นคง ความแน่วแน่ความยึดมั่น ความจงรักภักดี และการถวายตัวต่อพระเป็นเจ้า.

เมื่อคุณได้เริ่มศึกษาข้อพระคัมภีร์  คุณจะเข้าใจว่าความเชื่อที่มาถึงเรานั้น มาจากการที่มีผู้อื่นส่งต่อๆกันมาหลายๆพันปีแล้ว เมื่อคุณได้รับมา คุณก็ควรส่งต่อไปด้วย ถ้ามันดีสำหรับชีวิตของคุณ ถ้ามันใช่สำหรับชีวิตของคุณ มันก็ควรจะถูกส่งต่อไปยังผู้คนที่คุณรักและห่วงไยด้วย ให้คุณทูลขอความกล้าหาญจากพระเจ้า ขอพระเจ้าเสริมกำลังเพื่อที่คุณจะได้ส่งต่อความศรัทธา ส่งต่อพระวาจาให้กับคนอื่น ๆ

เราจะดำเนินชีวิตเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และต่อพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?  เราควรคาดหวังที่จะแบ่งปัน ส่งต่อความเชื่อ ส่งต่อพระคำได้ ไม่ว่าจะเป็นการเขียน การเป็นพยาน ผ่านการดำเนินชีวิตประจำวันกับพระเจ้า ด้วยความเชื่อในพระเยซู ในพระคัมภีร์ การทำเช่นนี้จะช่วยทำให้เราไม่หลงไปจากทางของพระเจ้า แต่กลับทำให้เรามั่นใจในพระเจ้ามากขึ้น   ชีวิตที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น คือ ชีวิตที่ยอมเสียสละ พระเจ้าทรงใส่เมล็ดแห่งการกลับใจในชีวิตของเราทั้งหลาย อยู่ที่ว่าเราจะยอมให้เมล็ดนั้นเกิดขึ้น เติบโตขึ้นในชีวิตของเราหรือไม่ และเมื่อเมล็ดนั้นเติบโตขึ้น ก็จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่อยู่รอบข้างเรา

การทำงานรับใช้พระเจ้า  หรือการทำงานตามหน้าที่การงาน หรือการงานในครอบครัว งานที่ดีทุกอย่าง พระเจ้าต้องการให้ท่านทำด้วยทัศนคติที่ถูกต้อง ทำด้วยเต็มใจ ทำให้ดีที่สุดเหมือนท่านทำถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ทำต่อมนุษย์ผู้ใด ไม่ใช่เพื่อหวังรางวัลจากมนุษย์ หรือเพื่อประจบประแจง พระเจ้าทรงมองดูอยู่ มองถึงใจท่านด้วย อย่าทำด้วยจำใจ อย่าบ่นไปทำไป อย่าทำเพื่อเอาใจมนุษย์ อย่าเลือกทำแต่งานใหญ่งานมีหน้ามีตา แต่จงทำทุกงานด้วยความเต็มใจ ทำเพื่อเป้าหมายของพระเจ้า เพื่อขยายอาณาจักรพระเจ้า ..มิใช่ทำเพื่อตัวเอง ให้มีอำนาจใหญ่โต เพราะวันหนึ่งเราต่างก็ต้องรายงานต่อหน้าบัลลังก์พระเจ้าทุกคน

ข้อคิด
เมื่อคุณมีความกระตือรือร้นอย่างแท้จริงเกี่ยวกับชีวิตและศรัทธาของคุณ คุณจะต้องปกป้องหัวใจของคุณและปรับปรุงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นและให้สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้า และจงทุ่มเททำอย่างสุดใจเหมือนทำเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าทรงใส่เมล็ดพืชแห่งความศรัทธาในใจของเรา เมื่อเราเติบใหญ่ พระเจ้าอาจให้เราเสียสละบางอย่าง เพื่อให้เราได้สำแดงพระคุณของพระเจ้าสู่ชีวิตของผู้อื่นได้ ทำให้เรารู้ว่าทุกชีวิตเกิดมาล้วนมีคุณค่าในสายพระเนตรของพระเจ้า  เราจึงควรขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอ ที่พระองค์ได้ทรงใส่เมล็ดแห่งการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเรา ให้เมล็ดนั้นเติบโตในชีวิตของเรา และใช้ชีวิตเราให้เกิดประโยชน์แก่คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นลูกหลาน สมาชิกในพระศาสนจักร หรือเป็นคนที่ที่ทำงานที่อยู่รอบข้างเรา ขอให้เราใช้ชีวิตที่อย่างมีคุณค่า และให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
rorthai.com
เฟสบุคคริสตจักรพลานุภาพชีวิน
followhissteps.com

พระผู้ช่วยให้รอดที่ดีที่สุดของเรา




อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 
วันที่ 198 - พระผู้ช่วยให้รอดที่ดีที่สุดของเรา
14เราได้เห็นและได้เป็นพยานว่าพระบิดาได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลก 15ถ้าผู้ใดยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าก็ทรงอยู่ในผู้นั้นและเขาก็อยู่ในพระเจ้า
1 ยอห์น 4:14-15

พระคริสต์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดที่ดีที่สุดของมนุษยชาติและเป็นพระผู้ช่วยให้รอดส่วนบุคคลของผู้ที่เชื่อในพระองค์ ในฐานะผู้รับใช้ของเรา เราควรวางพระองค์ไว้ที่จุดศูนย์กลางของชีวิตเรา และทุกวันที่พระเจ้ามอบลมหายใจให้กับเรา เราก็ควรแบ่งปันความรักของพระคริสต์และข่าวดีของพระองค์ให้กับคนรอบข้างและโลกใบนี้ เพราะว่าโลกนี้ยังต้องการสองอย่างนี้อยู่มากมาย

พระเยซูเจ้าควรเป็นแบบอย่างของคุณในทุกสิ่ง จงเลียนแบบพระองค์ในทุกสิ่ง จงตัดสินใจในเรื่องนี้ จงเดินในความรัก นั่นคือเดินในพระคำของพระเจ้าเหมือนกับพระองค์เมื่อพระองค์เดินบนแผ่นดินโลก จงคิดเหมือนพระองค์ จงพูดเหมือนพระองค์ จงปฏิบัติตัวเหมือนพระองค์ จงพูดพระคำของพระองค์ จงใช้คำพูดของพระองค์ จงพูดภาษาของพระองค์ จงตัดสินใจแบบนี้

จงรักษาความคิดของพระเยซูไว้ในความคิดของคุณ นั่นคือคิดถึงพระองค์ จงใคร่ครวญพระคำของพระองค์และพูดคุยเกี่ยวกับพระองค์ จงป่าวประกาศความรักที่มีต่อพระองค์และพูดถึงเรื่องนี้ จงรีบให้คนอื่นรู้ว่าคุณรักพระองค์มากขนาดไหนด้วยความพร้อมที่จะทำตามพระคำของพระองค์ จงเร่าร้อนเพื่อพระองค์ จงเติมเชื้อไฟที่อยู่ภายในคุณเพื่อให้คุณมีไฟเพื่อพระเยซูคริสต์ตลอดเวลา

ข้อคิด
ทำไมต้องให้พระคริสต์เป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับทุกด้านในชีวิตของเรา?:  เพราะในสวรรค์ไม่มีอะไรสำคัญนอกจากพระเยซู นี่คือผู้ที่ประทานชีวิตของพระองค์เพื่อเรา คือผู้ที่ตายเพื่อเรา พระองค์ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์กล่าวว่า “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน” (ยอห์น 15:13) จงให้ความคิดของคุณแก่พระองค์ นั่นคือให้หัวใจของคุณแก่พระองค์ ให้ความสนใจของคุณแก่พระองค์ ถ้าคุณมอบหัวใจ ความรัก และทุกสิ่งของคุณให้กับพระองค์ พระองค์จะประทานความอิ่มเอมใจที่คุณไม่สามารถได้จากสิ่งอื่น พระองค์จะประทานฤทธิ์อำนาจเหนือการต่อสู้ดิ้นรนของคุณ นั่นคือฤทธิ์อำนาจเหนือบาป ฤทธิ์อำนาจที่จะทำให้พระองค์พอพระทัยและดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์ พระเยซูเป็นศูนย์รวมแห่งความรักของพระเจ้า พระเจ้าได้ทรงสำแดงพระองค์เองและความรักของพระองค์ในและผ่านทางพระเยซู

ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
rorthai.com

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...