วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2563

การพูดตรงๆ




ดูคนแท้ให้ดูจิตใจและการกระทำ
บางคนพูดตรงๆ แต่จริงใจ
บางคนพูดจาดี แต่เสแสร้งทำ
จงระวังประกาศกเทียม ซึ่งมาพบท่าน
นุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้าย (มธ7:15)

คนพูดตรง จริงๆแล้วมีหลายแบบ
- การพูดตรงบางคนพูดไปโดยไม่ได้คิดว่าคำพูดจะไปทำ ร้ า ย “ ใครบ้าง
-การพูดตรงแบบที่ไม่ไร้มารยาทและก็ไม่รักษาน้ำใจของผู้อื่น
- การพูดตรงๆ ด้วยความจริงใจ และหวังดี
- การพูดตรงไปตรงมาแบบเป็นคนหยาบคาย
- การพูดตรงแบบขวานผ่าซาก ฯลฯ

บางครั้งการพูดตรงๆอาจจะทำให้คุณใช้ชีวิตค่อนข้างลำบากแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานะทางสังคมของคนแต่ละคนด้วย  ในโลกใบนี้มนุษย์เราต่างมีนิสัยไม่เหมือนกันและบางคำพูดของคุณก็อาจจะไปกระทบกระทั่งจิตใจคนอื่นโดยไม่รู้ตัวบางครั้งคุณก็ควรจะสังเกตคนอื่นบ้าง ใส่ใจคนอื่นบ้าง ว่าอะไรควรพูโไม่ควรพูด
 บางคนพูดตรงเพราะเขาจริงใจ หวังดี แต่อีกหลายคนก็พูดตรงนั่นเป็นเพราะมันคือตัวตนของเขา การพูดตรงแบบนี้ ออกไปแนวของการทำให้คนอื่นเสียใจ เสียหน้า ไม่มีศิลปะในการพูด ดังนั้นการพูดตรงๆ ที่ฉลาดเราต้องพูดให้ถูกกาละเทศในบางเรื่อง
การติเพื่อก่อยังพอรับฟังได้  และดีกว่าการพูดตรงๆ ทุกเรื่องแล้วต้องสร้างศัตรูและสร้างความเกลียดชังหรือแม้แต่สร้างบาดแผลในใจใครสักคน  ดังนั้นแล้วคุณต้องรู้จักการใช้คำพูด หรือที่เรียกว่าศิลปะในการพูด การพูดเพื่อบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น  คือคนที่ใช้สติ และคิดก่อนพูด เพราะทุกคำพูดที่รออกไปแล้วมันจะกลับมาเป็นนายเราเสมอ การพูดตักเตือนแต่ละครั้งเราต้องยึดหลักความรัก ความเมตตา ความกรุณาแบบไม่มีข้อยกเว้น หรือยึดเอาความพึงพอใจของตนเป็นหลัก

"ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง" 1 โครินธ์ 13:7

หรือ “ความรักไม่ช่างจดจำความผิด” 1 โครินธ์13:4

บางครั้งคำตักเตือนถือเป็นการตำหนิและกล่าวโทษ หากถูกตักเตือนผู้ตักเตือนจะกลายเป็นคนที่ขาดซึ่งความรักและพิพากษาตัดสิน
แต่ความรักที่แท้จริงนั้นคือการไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด (มีความเป็นธรรม)
1คร. 13:6 ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ

ก่อนจะพูดตรง ๆ ไตร่ตรองให้ดีก่อน ถ้าคุณพูดจาตรงๆ ที่ดูเหมือนแรงๆ จะกลายเป็นว่าคุณใช้อารมณ์มากกว่า ความจริงหรือเปล่า เพราะในโลกนี้ ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ คนที่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี หรือไม่สบายใจ หรือเสียหน้า เสียหายหรอกนะ การพูดตรงๆ แข็งๆ นี่ก็เช่นกัน บางครั้งอาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกว่าคุณน่ากลัว  อยู่ด้วยก็อึดอัด

ดังนั้นแล้ว หากจะเป็นคนพูดตรงๆ ควรพูดในเรื่องที่สมควรพูด พูดให้ถูกกาละเทศะ ไม่ทำร้ายจิตใจผู้อื่น ไม่ทำให้คนอื่นเสียหน้า หรือเสียหาย ต่อหน้าธารกำนัล ต้องพูดด้วยเหตุผล และใช้สติคิดให้ดีก่อนจะพูดออกไปจะดีที่สุดต่อตัวเองและเพื่อนมนุษย์ บางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างที่เราคิดก่อได้หากเราต้องพูดอยู่ต่อหน้าฝูงชน

เพราะพระเจ้าคือองค์ความรัก กฏทองที่เราต้องยึดไว้เป็นสิ่งแรก คือการรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวเอง ดังนั้นการตักเตือนควรอยู่บนพื้นฐานของความรัก ความเมตตา การเตือนสติใครสักคน เราต้องมั่นใจว่ามันตั้งอยู่บนฐานของ ความรัก  โรม. 12:9 จงให้ความรักปราศจากมารยา จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี

รักที่มาจากใจจริง จึงหมายถึงรักที่ไม่เสแสร้ง หมายถึง เราต้องไม่ปล่อยให้ความรัก แสดงออกแต่เพียงภายนอก แต่ต้องมาจากภายใน จากพระวจนะตอนนี้ต้องการบอกเราว่าหากเราไม่ตักเตือนกันด้วยความรัก เท่ากับว่าความรักของเรานั้นเป็นความรักปลอม ๆ หรือเป็นแค่ความรักทีเสแสร้ง

ก่อนจะพูดอะไรออกไป เราต้องคิดให้ดีว่าสิ่งที่พูด นั้นออกมากจากความจริงใจ ความหวังดี อยู่บนพื้นฐานของความรัก ความเมตตา พูดออกไปแล้วไม่มีเจตนาจะทำให้ใครต้องเสียหน้า เสียหาย

หลายคนหรือแม้กระทั่งตัวเราเองก็เคยพูดว่า “ฉันชอบคนพูดตรง” แต่พอเอาความจริงมาพูดกัน บางครั้งเราเองก็ยอมทนฟัง และยอมรับมันไม่ได้เลยจริง ๆ ดังนั้นการพูดตรงแล้วทำร้ายใครต่อใคร เราจะพูดกันไปทำไม ให้เราเปลี่ยนมาเป็นพูดตรงๆ แบบมีศิลปะ โดยยึดหลักความรัก ความหวังดี ความจริงใจให้กัน พูดเพื่อหนุนใจกัน เสริมใจกันและกันดีกว่า การพูดดีย่อมนำมาซึ่งความสามัคคีธรรม มันช่วยทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ และสวยงามเหมือนกับที่พระบิดาทรงสร้างไว้แต่ก่อนที่ความบาปจะเข้ามาครอบคลุมโลก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...