ดูคนแท้ให้ดูจิตใจและการกระทำ
บางคนพูดตรงๆ แต่จริงใจ
บางคนพูดจาดี แต่เสแสร้งทำ
จงระวังประกาศกเทียม ซึ่งมาพบท่าน
นุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้าย
(มธ7:15)
คนพูดตรง จริงๆแล้วมีหลายแบบ
- การพูดตรงบางคนพูดไปโดยไม่ได้คิดว่าคำพูดจะไป” ทำ ร้
า ย “ ใครบ้าง
-การพูดตรงแบบที่ไม่ไร้มารยาทและก็ไม่รักษาน้ำใจของผู้อื่น
- การพูดตรงๆ
ด้วยความจริงใจ และหวังดี
- การพูดตรงไปตรงมาแบบเป็นคนหยาบคาย
- การพูดตรงแบบขวานผ่าซาก
ฯลฯ
บางครั้งการพูดตรงๆอาจจะทำให้คุณใช้ชีวิตค่อนข้างลำบากแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานะทางสังคมของคนแต่ละคนด้วย ในโลกใบนี้มนุษย์เราต่างมีนิสัยไม่เหมือนกันและบางคำพูดของคุณก็อาจจะไปกระทบกระทั่งจิตใจคนอื่นโดยไม่รู้ตัวบางครั้งคุณก็ควรจะสังเกตคนอื่นบ้าง
ใส่ใจคนอื่นบ้าง ว่าอะไรควรพูโไม่ควรพูด
บางคนพูดตรงเพราะเขาจริงใจ
หวังดี แต่อีกหลายคนก็พูดตรงนั่นเป็นเพราะมันคือตัวตนของเขา การพูดตรงแบบนี้ ออกไปแนวของการทำให้คนอื่นเสียใจ
เสียหน้า ไม่มีศิลปะในการพูด
ดังนั้นการพูดตรงๆ
ที่ฉลาดเราต้องพูดให้ถูกกาละเทศในบางเรื่อง
การติเพื่อก่อยังพอรับฟังได้ และดีกว่าการพูดตรงๆ
ทุกเรื่องแล้วต้องสร้างศัตรูและสร้างความเกลียดชังหรือแม้แต่สร้างบาดแผลในใจใครสักคน ดังนั้นแล้วคุณต้องรู้จักการใช้คำพูด
หรือที่เรียกว่าศิลปะในการพูด การพูดเพื่อบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น คือคนที่ใช้สติ
และคิดก่อนพูด เพราะทุกคำพูดที่รออกไปแล้วมันจะกลับมาเป็นนายเราเสมอ
การพูดตักเตือนแต่ละครั้งเราต้องยึดหลักความรัก ความเมตตา
ความกรุณาแบบไม่มีข้อยกเว้น หรือยึดเอาความพึงพอใจของตนเป็นหลัก
"ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น
และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง" 1
โครินธ์ 13:7
หรือ “ความรักไม่ช่างจดจำความผิด” 1 โครินธ์13:4
บางครั้งคำตักเตือนถือเป็นการตำหนิและกล่าวโทษ
หากถูกตักเตือนผู้ตักเตือนจะกลายเป็นคนที่ขาดซึ่งความรักและพิพากษาตัดสิน
แต่ความรักที่แท้จริงนั้นคือการไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด
(มีความเป็นธรรม)
1คร. 13:6 ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด
แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ
ก่อนจะพูดตรง ๆ ไตร่ตรองให้ดีก่อน
ถ้าคุณพูดจาตรงๆ ที่ดูเหมือนแรงๆ จะกลายเป็นว่าคุณใช้อารมณ์มากกว่า
ความจริงหรือเปล่า เพราะในโลกนี้ ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้
คนที่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี หรือไม่สบายใจ หรือเสียหน้า เสียหายหรอกนะ การพูดตรงๆ
แข็งๆ นี่ก็เช่นกัน บางครั้งอาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกว่าคุณน่ากลัว อยู่ด้วยก็อึดอัด
ดังนั้นแล้ว หากจะเป็นคนพูดตรงๆ
ควรพูดในเรื่องที่สมควรพูด
พูดให้ถูกกาละเทศะ ไม่ทำร้ายจิตใจผู้อื่น ไม่ทำให้คนอื่นเสียหน้า หรือเสียหาย
ต่อหน้าธารกำนัล ต้องพูดด้วยเหตุผล
และใช้สติคิดให้ดีก่อนจะพูดออกไปจะดีที่สุดต่อตัวเองและเพื่อนมนุษย์
บางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างที่เราคิดก่อได้หากเราต้องพูดอยู่ต่อหน้าฝูงชน
เพราะพระเจ้าคือองค์ความรัก
กฏทองที่เราต้องยึดไว้เป็นสิ่งแรก คือการรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวเอง ดังนั้นการตักเตือนควรอยู่บนพื้นฐานของความรัก
ความเมตตา การเตือนสติใครสักคน เราต้องมั่นใจว่ามันตั้งอยู่บนฐานของ ความรัก โรม.
12:9 จงให้ความรักปราศจากมารยา จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี
รักที่มาจากใจจริง จึงหมายถึงรักที่ไม่เสแสร้ง
หมายถึง เราต้องไม่ปล่อยให้ความรัก แสดงออกแต่เพียงภายนอก แต่ต้องมาจากภายใน จากพระวจนะตอนนี้ต้องการบอกเราว่าหากเราไม่ตักเตือนกันด้วยความรัก
เท่ากับว่าความรักของเรานั้นเป็นความรักปลอม ๆ หรือเป็นแค่ความรักทีเสแสร้ง
ก่อนจะพูดอะไรออกไป เราต้องคิดให้ดีว่าสิ่งที่พูด
นั้นออกมากจากความจริงใจ ความหวังดี อยู่บนพื้นฐานของความรัก ความเมตตา
พูดออกไปแล้วไม่มีเจตนาจะทำให้ใครต้องเสียหน้า เสียหาย
หลายคนหรือแม้กระทั่งตัวเราเองก็เคยพูดว่า
“ฉันชอบคนพูดตรง” แต่พอเอาความจริงมาพูดกัน บางครั้งเราเองก็ยอมทนฟัง
และยอมรับมันไม่ได้เลยจริง ๆ ดังนั้นการพูดตรงแล้วทำร้ายใครต่อใคร
เราจะพูดกันไปทำไม ให้เราเปลี่ยนมาเป็นพูดตรงๆ แบบมีศิลปะ โดยยึดหลักความรัก
ความหวังดี ความจริงใจให้กัน พูดเพื่อหนุนใจกัน เสริมใจกันและกันดีกว่า
การพูดดีย่อมนำมาซึ่งความสามัคคีธรรม มันช่วยทำให้โลกใบนี้น่าอยู่
และสวยงามเหมือนกับที่พระบิดาทรงสร้างไว้แต่ก่อนที่ความบาปจะเข้ามาครอบคลุมโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น